คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2549 และสถานะหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 สรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2549
คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2549 เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ และได้ปรับปรุงแผนฯ ในระหว่างปี รวม 3 ครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะการคลังของรัฐบาล ความต้องการใช้เงินกู้ และภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยต่อการบริหารหนี้ ซึ่งหลังการปรับปรุงแผนฯ ดังกล่าวมีวงเงินที่จะบริหารจัดการหนี้ฯ ทั้งสิ้น 1,012,518.52 ล้านบาท ประกอบด้วย 6 แผนย่อย ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ตุลาคม 2548 — มีนาคม 2549) กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้ เป็นวงเงินทั้งสิ้น 469,681.37 ล้านบาท ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1.1 การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ กระทรวงการคลังได้กู้เงินโดยการออกตั๋วเงินคลัง ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มหรือลดวงเงินการออกตั๋วเงินคลังให้สอดคล้องกับฐานะเงินคงคลัง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง เป็นเงินทั้งสิ้น 248,000 ล้านบาท และได้ Roll — over พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน 10,000 ล้านบาท โดยกู้เงินระยะสั้นมาชำระคืนในวันครบกำหนด
1.2 การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF กระทรวงการคลังได้ดำเนินการ Roll — over พันธบัตร FIDF 1 ที่ครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน 40,000 ล้านบาท และออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน 10,000 ล้านบาท รวมทั้งได้ดำเนินการออกพันธบัตร FIDF3 จำนวน 37,539.17 ล้านบาท เป็นพันธบัตรลงทุนจำนวน 26,500 ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ จำนวน 11,039.17 ล้านบาท และ FIDF ได้ไถ่ถอนพันธบัตร FIDF2 จำนวน 20,000 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของ FIDF ซึ่ง ณ วันไถ่ถอน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำเงินจากบัญชีผลประโยชน์ฯ เข้าบัญชีดังกล่าว จำนวน 11,047.61 ล้านบาท และใช้เงินจากบัญชีเงินทดรองจ่ายของ FIDF จำนวน 8,952.39 ล้านบาท สมทบในการไถ่ถอนพันธบัตรดังกล่าว ทั้งนี้ ในระหว่างปี เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยนำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติม จะได้ทยอยนำเงินจำนวนดังกล่าวไปลดเงินในบัญชีเงินทดรองจ่ายของ FIDF ต่อไป โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 บัญชีเงินทดรองจ่ายของ FIDF มียอดเงินคงเหลือ จำนวน 280.32 ล้านบาท
1.3 การบริหารเงินกู้เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน ในปีงบประมาณ 2549 ไม่มีพันธบัตรครบกำหนดไถ่ถอน
1.4 การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินในประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 53,913.78 ล้านบาท เป็นเงินกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน 49,730 ล้านบาท และไม่ค้ำประกัน จำนวน 4,183.78 ล้านบาท
1.5 การกู้เงินตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการออกตราสารหนี้ชนิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Note : FRN) วงเงิน 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 4,704.55 ล้านบาท
1.6 การบริหารหนี้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการบริหารหนี้ต่างประเทศ รวม 45,523.87 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
(1) กระทรวงการคลังได้บริหารหนี้ต่างประเทศ วงเงินรวม 15,511 ล้านบาท ซึ่งสามารถลดยอดหนี้คงค้างลง จำนวน 7,675 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้จำนวน 860 ล้านบาท และประหยัดดอกเบี้ยได้ จำนวน 281 ล้านบาท
(2) รัฐวิสาหกิจได้บริหารหนี้ต่างประเทศ จำนวน 30,012.87 ล้านบาท ซึ่งสามารถลดยอดหนี้คงค้างลง จำนวน 2,087 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ จำนวน 360 ล้านบาท และลดต้นทุนเงินกู้ได้ จำนวน 340 ล้านบาท
นอกจากนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้แปลงหนี้โดยทำ Cross Currency Swap เงินกู้ JBIC 2 สัญญาวงเงินรวม 2,562.62 ล้านเยน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.30 ต่อปี เป็นเงินบาท วงเงิน 854.45 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5.24 และ 5.34 ต่อปี เพิ่มเติมจากแผนการดำเนินงานที่ได้บรรจุไว้ในแผนฯ
1.7 การกู้เงินและบริหารหนี้ของบริษัทมหาชนจำกัด ที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งไม่นับรวมในกรอบวงเงินที่ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี รัฐวิสาหกิจ 3 แห่งได้กู้เงินและบริหารหนี้รวม 52,812.94 ล้านบาท ได้แก่ (1) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (2) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (3) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
1.8 สรุปผลการดำเนินงานตามแผนฯ
(1) ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 (ตุลาคม 2548 — มีนาคม 2549) กระทรวงการคลังได้ดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะตามกรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2549 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 469,681.37 ล้านบาท โดยมีความก้าวหน้าไปแล้วคิดเป็นร้อยละ 46.39 ของแผนฯ
ทั้งนี้ การกู้เงินและบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 88,631.20 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน 70,925.50 ล้านบาท และไม่ค้ำประกัน จำนวน 17,705.70 ล้านบาท
ผลของการบริหารหนี้ที่ได้ดำเนินการทั้งในส่วนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ทั้งสิ้น 394,723.87 ล้านบาทนั้น สามารถลดยอดหนี้สาธารณะคงค้างได้ 21,805.92 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,220 ล้านบาท ลดต้นทุนการกู้ยืมเงินได้ 621 ล้านบาท และปิดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในรูปอัตราลอยตัวได้อีกส่วนหนึ่ง
(2) บริษัทมหาชนจำกัด ที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งไม่นับรวมวงเงินในกรอบที่ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้รวม 52,812.94 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงิน จำนวน 33,345.10 ล้านบาท และการบริหารหนี้ 19,467.84 ล้านบาท ซึ่งสามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 2,908 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ 590 ล้านบาท และปิดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว โดยการทำ Swap เป็นเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ตามจังหวะที่ภาวะตลาดเอื้ออำนวย
2. สถานะหนี้สาธารณะ หนี้สาธารณะ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 มีจำนวน 3,223,246 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.44 ของ GDP ประกอบด้วย
2.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 1,915,875 ล้านบาท
2.2 หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 991,015 ล้านบาท
2.3 หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจำนวน 316,356 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 กับยอดหนี้คงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 ซึ่งมีจำนวน 3,277,498 ล้านบาท แล้วพบว่า ยอดหนี้คงค้างลดลงจำนวน 54,252 ล้านบาท โดยในส่วนหนี้ที่รัฐบาลกู้ตรงเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเพิ่มวงเงินกู้โดยการออกตั๋วเงินคลังเพิ่มขึ้น และการออกพันธบัตร FIDF3 เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF ซึ่งวงเงินที่เพิ่มขึ้นจากการออกพันธบัตร FIDF3 ไม่ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการแปลงหนี้ระยะสั้นของ FIDF ซึ่งนับรวมอยู่ในหนี้สาธารณะแล้วมาเป็นหนี้ระยะยาวของรัฐบาลในขณะที่หนี้สินของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินและหนี้สินของ FIDF ลดลง โดยในกรณีของรัฐวิสาหกิจ เป็นผลจากการชำระคืนหนี้ ซึ่งรวมถึงการทำ Prepayment สูงกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ ส่วนในกรณีของ FIDF นอกจากจะได้รับชดใช้ความเสียหายจากรัฐบาลแล้ว ยังมีหนี้ที่ครบกำหนดบางส่วนด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 กรกฎาคม 2549--จบ--
1. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2549
คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2549 เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ และได้ปรับปรุงแผนฯ ในระหว่างปี รวม 3 ครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะการคลังของรัฐบาล ความต้องการใช้เงินกู้ และภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยต่อการบริหารหนี้ ซึ่งหลังการปรับปรุงแผนฯ ดังกล่าวมีวงเงินที่จะบริหารจัดการหนี้ฯ ทั้งสิ้น 1,012,518.52 ล้านบาท ประกอบด้วย 6 แผนย่อย ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ (ตุลาคม 2548 — มีนาคม 2549) กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้ เป็นวงเงินทั้งสิ้น 469,681.37 ล้านบาท ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1.1 การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ กระทรวงการคลังได้กู้เงินโดยการออกตั๋วเงินคลัง ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มหรือลดวงเงินการออกตั๋วเงินคลังให้สอดคล้องกับฐานะเงินคงคลัง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 มียอดตั๋วเงินคลังคงค้าง เป็นเงินทั้งสิ้น 248,000 ล้านบาท และได้ Roll — over พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน 10,000 ล้านบาท โดยกู้เงินระยะสั้นมาชำระคืนในวันครบกำหนด
1.2 การบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF กระทรวงการคลังได้ดำเนินการ Roll — over พันธบัตร FIDF 1 ที่ครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน 50,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน 40,000 ล้านบาท และออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน 10,000 ล้านบาท รวมทั้งได้ดำเนินการออกพันธบัตร FIDF3 จำนวน 37,539.17 ล้านบาท เป็นพันธบัตรลงทุนจำนวน 26,500 ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ จำนวน 11,039.17 ล้านบาท และ FIDF ได้ไถ่ถอนพันธบัตร FIDF2 จำนวน 20,000 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของ FIDF ซึ่ง ณ วันไถ่ถอน ธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำเงินจากบัญชีผลประโยชน์ฯ เข้าบัญชีดังกล่าว จำนวน 11,047.61 ล้านบาท และใช้เงินจากบัญชีเงินทดรองจ่ายของ FIDF จำนวน 8,952.39 ล้านบาท สมทบในการไถ่ถอนพันธบัตรดังกล่าว ทั้งนี้ ในระหว่างปี เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยนำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติม จะได้ทยอยนำเงินจำนวนดังกล่าวไปลดเงินในบัญชีเงินทดรองจ่ายของ FIDF ต่อไป โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 บัญชีเงินทดรองจ่ายของ FIDF มียอดเงินคงเหลือ จำนวน 280.32 ล้านบาท
1.3 การบริหารเงินกู้เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน ในปีงบประมาณ 2549 ไม่มีพันธบัตรครบกำหนดไถ่ถอน
1.4 การบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินในประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 53,913.78 ล้านบาท เป็นเงินกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน 49,730 ล้านบาท และไม่ค้ำประกัน จำนวน 4,183.78 ล้านบาท
1.5 การกู้เงินตามแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการออกตราสารหนี้ชนิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Note : FRN) วงเงิน 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 4,704.55 ล้านบาท
1.6 การบริหารหนี้ต่างประเทศ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการบริหารหนี้ต่างประเทศ รวม 45,523.87 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
(1) กระทรวงการคลังได้บริหารหนี้ต่างประเทศ วงเงินรวม 15,511 ล้านบาท ซึ่งสามารถลดยอดหนี้คงค้างลง จำนวน 7,675 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้จำนวน 860 ล้านบาท และประหยัดดอกเบี้ยได้ จำนวน 281 ล้านบาท
(2) รัฐวิสาหกิจได้บริหารหนี้ต่างประเทศ จำนวน 30,012.87 ล้านบาท ซึ่งสามารถลดยอดหนี้คงค้างลง จำนวน 2,087 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ จำนวน 360 ล้านบาท และลดต้นทุนเงินกู้ได้ จำนวน 340 ล้านบาท
นอกจากนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้แปลงหนี้โดยทำ Cross Currency Swap เงินกู้ JBIC 2 สัญญาวงเงินรวม 2,562.62 ล้านเยน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.30 ต่อปี เป็นเงินบาท วงเงิน 854.45 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5.24 และ 5.34 ต่อปี เพิ่มเติมจากแผนการดำเนินงานที่ได้บรรจุไว้ในแผนฯ
1.7 การกู้เงินและบริหารหนี้ของบริษัทมหาชนจำกัด ที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งไม่นับรวมในกรอบวงเงินที่ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี รัฐวิสาหกิจ 3 แห่งได้กู้เงินและบริหารหนี้รวม 52,812.94 ล้านบาท ได้แก่ (1) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (2) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (3) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
1.8 สรุปผลการดำเนินงานตามแผนฯ
(1) ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 (ตุลาคม 2548 — มีนาคม 2549) กระทรวงการคลังได้ดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะตามกรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2549 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 469,681.37 ล้านบาท โดยมีความก้าวหน้าไปแล้วคิดเป็นร้อยละ 46.39 ของแผนฯ
ทั้งนี้ การกู้เงินและบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 88,631.20 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน 70,925.50 ล้านบาท และไม่ค้ำประกัน จำนวน 17,705.70 ล้านบาท
ผลของการบริหารหนี้ที่ได้ดำเนินการทั้งในส่วนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม ทั้งสิ้น 394,723.87 ล้านบาทนั้น สามารถลดยอดหนี้สาธารณะคงค้างได้ 21,805.92 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,220 ล้านบาท ลดต้นทุนการกู้ยืมเงินได้ 621 ล้านบาท และปิดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในรูปอัตราลอยตัวได้อีกส่วนหนึ่ง
(2) บริษัทมหาชนจำกัด ที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งไม่นับรวมวงเงินในกรอบที่ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้รวม 52,812.94 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงิน จำนวน 33,345.10 ล้านบาท และการบริหารหนี้ 19,467.84 ล้านบาท ซึ่งสามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 2,908 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ 590 ล้านบาท และปิดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว โดยการทำ Swap เป็นเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ตามจังหวะที่ภาวะตลาดเอื้ออำนวย
2. สถานะหนี้สาธารณะ หนี้สาธารณะ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 มีจำนวน 3,223,246 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.44 ของ GDP ประกอบด้วย
2.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 1,915,875 ล้านบาท
2.2 หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 991,015 ล้านบาท
2.3 หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินจำนวน 316,356 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 กับยอดหนี้คงค้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 ซึ่งมีจำนวน 3,277,498 ล้านบาท แล้วพบว่า ยอดหนี้คงค้างลดลงจำนวน 54,252 ล้านบาท โดยในส่วนหนี้ที่รัฐบาลกู้ตรงเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเพิ่มวงเงินกู้โดยการออกตั๋วเงินคลังเพิ่มขึ้น และการออกพันธบัตร FIDF3 เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF ซึ่งวงเงินที่เพิ่มขึ้นจากการออกพันธบัตร FIDF3 ไม่ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการแปลงหนี้ระยะสั้นของ FIDF ซึ่งนับรวมอยู่ในหนี้สาธารณะแล้วมาเป็นหนี้ระยะยาวของรัฐบาลในขณะที่หนี้สินของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินและหนี้สินของ FIDF ลดลง โดยในกรณีของรัฐวิสาหกิจ เป็นผลจากการชำระคืนหนี้ ซึ่งรวมถึงการทำ Prepayment สูงกว่าการเบิกจ่ายเงินกู้ ส่วนในกรณีของ FIDF นอกจากจะได้รับชดใช้ความเสียหายจากรัฐบาลแล้ว ยังมีหนี้ที่ครบกำหนดบางส่วนด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 กรกฎาคม 2549--จบ--