เรื่อง บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้เสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาต่อไป
2. มอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา อีก
ข้อเท็จจริง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอว่า ด้วยกระทรวงการต่างประเทศมีความเห็นว่าบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีสาระสำคัญเป็นความร่วมมือในสาขาการเกษตรระหว่างรัฐบาลไทยกับแอฟริกาใต้ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการอนุรักษ์และจัดการความหลากหลายทางชีวภาพด้านการเกษตร เกี่ยวข้องกับพันธุ์พืชและภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งน่าจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ จึงเห็นควรให้เสนอบันทึกความเข้าใจดังกล่าวอีกครั้งเพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณานำเสนอต่อรัฐสภาก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพัน (ลงนาม) โดยจะต้องดำเนินขั้นตอนตามมาตรา 190 วรรคสาม และวรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญฯ
สาระสำคัญของเรื่อง
1. วัตถุประสงค์ : เพื่อส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การเสริมสร้างสมรรถนะและ การค้าในด้านเกษตร และในสาขาที่เกี่ยวข้องระหว่างคู่ภาคี โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติต่อความร่วมมือในสาขาอื่นๆ ซึ่งอาจมีการพิจารณาในอนาคต
2. ขอบเขตความร่วมมือ : ได้แก่ การเกษตร ซึ่งรวมทั้งสัตว์ ประมง และพืช การส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร การจัดการและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพด้านการเกษตร เป็นต้น (ข้อ 4)
3. กำหนดให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการเกษตร หรือเรียกว่า “JAWG” เพื่อการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ โดยคณะทำงานร่วมด้านการเกษตรจะรับผิดชอบในการประเมินผล หรือเสนอโครงการเพื่อการพัฒนาและปรับปรุง รวมทั้งให้คำแนะนำ (ข้อ 3)
4. รูปแบบของความร่วมมือ : ความร่วมมือจะอยู่ในรูปแบบของการฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนนักวิชาการและนักวิจัย การศึกษาและการจัดทำโครงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ การวิจัยร่วมด้านการเกษตร รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และทางวิชาการ เป็นต้น (ข้อ 6)
5. การระงับข้อพิพาท : ข้อพิพาทระหว่างคู่ภาคีที่เกิดจากการตีความหรือการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ให้ระงับโดยฉันท์มิตรด้วยการหารือหรือเจรจาระหว่างคู่ภาคี (ข้อ 10)
6. การมีผลบังคับใช้ ระยะเวลา และการสิ้นสุด : บันทึกความเข้าใจฉบับนี้มีผลบังคับในวันที่มีการลงนาม และจะมีผลใช้บังคับนับจากวันที่มีการลงนามเป็นระยะเวลา 5 ปี และหลังจากนั้นจะขยายอายุโดยอัตโนมัติ อีกครั้งละ 5 ปี แต่อาจสิ้นสุดโดยภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้า 3 เดือนก่อนบันทึกความเข้าใจจะสิ้นสุด (ข้อ 11)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553--จบ--