คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้โครงการที่มีหนี้ค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร 2 หน่วยงานได้แก่ กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมส่งเสริมการเกษตร รวม 6 โครงการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ แล้วมีมติตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้
1. กรมส่งเสริมสหกรณ์ซึ่งรับผิดชอบโครงการสนับสนุนเงินสินเชื่อในการจัดหาปุ๋ยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2544 มีหนี้ค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 12,221,992.91 บาท ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์อยู่ระหว่างดำเนิน การรวบรวมเอกสารเพื่อดำเนินการคดีกับสหกรณ์ จึงเห็นควรให้ขยายเวลาการชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดีและให้ได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยปรับนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2548 ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์รายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินคดีทั้งหมดให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรทราบอย่างต่อเนื่อง และนำเงินทั้งหมดที่ได้รับชำระคืนจากการฟ้องร้องดำเนินคดีส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรต่อไป
2. กระทรวงการคลังเห็นชอบกับแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้โครงการของกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2549 ดังนี้
- ในกรณีที่กลุ่มเกษตรกรประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยรับซื้อข้าวเปลือยจากเกษตรในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด แล้วนำมาเก็บไว้เพื่อรอจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น แต่ปรากฎว่ากลุ่มเกษตรกรต้องจำหน่ายข้าวเปลือกในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับซื้อ ทำให้ขาดทุน จึงเห็นควรให้ลดหนี้เงินต้น โดยพิจารณาจากผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการให้ดำเนินคดีกับกลุ่มเกษตรกร และขยายเวลาชำระหนี้จนกว่าการดำเนินคดีจะสิ้นสุด
- ส่วนในกรณีที่กลุ่มเกษตรกรนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ส่งชำระเงินคืน จึงเห็นควรให้ดำเนินคดีกับกลุ่มเกษตรกร และขยายเวลาชำระหนี้จนกว่าการดำเนินคดีจะสิ้นสุด
สำหรับ 5 โครงการที่ค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ของกรมส่งเสริมการเกษตร คณะรัฐมนตรีได้มีมติดังนี้
(1) โครงการเก็บข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2540/41 กรมส่งเสริมการเกษตรค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 5,725,820.10 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 1,700,586.63 บาท ส่วนหนี้ที่เหลือ จำนวน 4,025,233.47 บาท ให้ได้รับการขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยปรับนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2548
(2) โครงการเก็บข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2541/42 กรมส่งเสริมการเกษตรค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 401,821.99 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 401,821.99 บาท และให้ดำเนินการปิดบัญชีโครงการฯ ต่อไป
(3) โครงการเก็บข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2542/43 กรมส่งเสริมการเกษตรค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 749,751.10 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยประกันนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2548
(4) โครงการเก็บข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2543/44 กรมส่งเสริมการเกษตรค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 1,987,091.82 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 384,612.49 บาท ส่วนหนี้ที่เหลือ จำนวน 1,602,479.33 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยปรับนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2548
(5) โครงการเก็บข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2544/45 กรมส่งเสริมการเกษตรค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 2,193,579.98 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 92,554 บาท ส่วนหนี้จำนวน 1,670,164 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยปรับนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2548 และหนี้จำนวน 430,861.98 บาท คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรมีมติให้กรมส่งเสริมการเกษตรส่งคืนเงินกองทุนฯ ภายใน 15 วันทำการ นับจากวันที่คณะกรรมการฯ มีมติเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2549 ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2549 กรมส่งเสริมการเกษตรได้ส่งคืนเงินแล้ว จำนวน 315,969.20 บาท ดังนั้นคงค้างชำระ จำนวน 114,892.78 บาท จึงเห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรส่งเงินจำนวนดังกล่าวคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรด้วย ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมการเกษตรรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินคดีทั้งหมดให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรทราบอย่างต่อเนื่อง และนำเงินทั้งหมดที่ได้รับชำระคืนจากการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือดอกผลเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ ส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรต่อไป และเห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ (สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ติดตามผลหลังการปรับโครงสร้างหนี้ของหน่วยงานดังกล่าว และรายงานผลให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรทราบทุก 3 เดือน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 สิงหาคม 2549--จบ--
1. กรมส่งเสริมสหกรณ์ซึ่งรับผิดชอบโครงการสนับสนุนเงินสินเชื่อในการจัดหาปุ๋ยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2544 มีหนี้ค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 12,221,992.91 บาท ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์อยู่ระหว่างดำเนิน การรวบรวมเอกสารเพื่อดำเนินการคดีกับสหกรณ์ จึงเห็นควรให้ขยายเวลาการชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดีและให้ได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยปรับนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2548 ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์รายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินคดีทั้งหมดให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรทราบอย่างต่อเนื่อง และนำเงินทั้งหมดที่ได้รับชำระคืนจากการฟ้องร้องดำเนินคดีส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรต่อไป
2. กระทรวงการคลังเห็นชอบกับแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้โครงการของกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2549 ดังนี้
- ในกรณีที่กลุ่มเกษตรกรประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยรับซื้อข้าวเปลือยจากเกษตรในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด แล้วนำมาเก็บไว้เพื่อรอจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น แต่ปรากฎว่ากลุ่มเกษตรกรต้องจำหน่ายข้าวเปลือกในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับซื้อ ทำให้ขาดทุน จึงเห็นควรให้ลดหนี้เงินต้น โดยพิจารณาจากผลขาดทุนจากการดำเนินโครงการให้ดำเนินคดีกับกลุ่มเกษตรกร และขยายเวลาชำระหนี้จนกว่าการดำเนินคดีจะสิ้นสุด
- ส่วนในกรณีที่กลุ่มเกษตรกรนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ส่งชำระเงินคืน จึงเห็นควรให้ดำเนินคดีกับกลุ่มเกษตรกร และขยายเวลาชำระหนี้จนกว่าการดำเนินคดีจะสิ้นสุด
สำหรับ 5 โครงการที่ค้างชำระกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ของกรมส่งเสริมการเกษตร คณะรัฐมนตรีได้มีมติดังนี้
(1) โครงการเก็บข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2540/41 กรมส่งเสริมการเกษตรค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 5,725,820.10 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 1,700,586.63 บาท ส่วนหนี้ที่เหลือ จำนวน 4,025,233.47 บาท ให้ได้รับการขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยปรับนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2548
(2) โครงการเก็บข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2541/42 กรมส่งเสริมการเกษตรค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 401,821.99 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 401,821.99 บาท และให้ดำเนินการปิดบัญชีโครงการฯ ต่อไป
(3) โครงการเก็บข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2542/43 กรมส่งเสริมการเกษตรค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 749,751.10 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยประกันนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2548
(4) โครงการเก็บข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2543/44 กรมส่งเสริมการเกษตรค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 1,987,091.82 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 384,612.49 บาท ส่วนหนี้ที่เหลือ จำนวน 1,602,479.33 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยปรับนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2548
(5) โครงการเก็บข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร ปีการผลิต 2544/45 กรมส่งเสริมการเกษตรค้างชำระคืนกองทุนฯ จำนวน 2,193,579.98 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการลดหนี้เงินต้น จำนวน 92,554 บาท ส่วนหนี้จำนวน 1,670,164 บาท เห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรออกไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นการบังคับคดี โดยได้รับการยกเว้นค่าเบี้ยปรับนับตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2548 และหนี้จำนวน 430,861.98 บาท คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรมีมติให้กรมส่งเสริมการเกษตรส่งคืนเงินกองทุนฯ ภายใน 15 วันทำการ นับจากวันที่คณะกรรมการฯ มีมติเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2549 ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2549 กรมส่งเสริมการเกษตรได้ส่งคืนเงินแล้ว จำนวน 315,969.20 บาท ดังนั้นคงค้างชำระ จำนวน 114,892.78 บาท จึงเห็นควรให้กรมส่งเสริมการเกษตรส่งเงินจำนวนดังกล่าวคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรด้วย ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมการเกษตรรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินคดีทั้งหมดให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรทราบอย่างต่อเนื่อง และนำเงินทั้งหมดที่ได้รับชำระคืนจากการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือดอกผลเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ ส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรต่อไป และเห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการฯ (สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ติดตามผลหลังการปรับโครงสร้างหนี้ของหน่วยงานดังกล่าว และรายงานผลให้คณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกรทราบทุก 3 เดือน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 สิงหาคม 2549--จบ--