คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายของสถานศึกษาอาชีวศึกษาของเอกชนกับสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ข้อเท็จจริง
กระทรวงศึกษาธิการเสนอว่า
1. เนื่องจากมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 บัญญัติให้มีการรวมสถานศึกษา อาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งเป็นสถาบันการอาชีวศึกษา โดยคำแนะนำของคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และคำนึงถึงการประสานความร่วมมือให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... ซึ่งขณะนี้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
2. ดังนั้น เพื่อส่งเสริมให้สถาบันการอาชีวศึกษาดำเนินการร่วมมือทางวิชาการกับสถานศึกษาอาชีวศึกษาของเอกชนอย่างมีมาตรฐานและคุณภาพ อันจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพ ความเข้มแข็ง และความเป็นเลิศทางวิชาการ รวมถึงการสร้างคุณภาพทางการศึกษาให้สอดคล้องกับระบบมาตรฐานการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการชีวศึกษา จึงได้ยกร่างกฎกระทรวงการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายของสถานศึกษาอาชีวศึกษาของเอกชนกับสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... และได้ทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ โดยวิธีการจัดประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นและเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตแล้ว
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
1. กำหนดคำนิยาม “สภาสถาบัน” “สถาบัน” “สถานศึกษาอาชีวศึกษาของเอกชน” และ “เครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ” (ร่างข้อ 2)
2. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการในการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ (ร่างข้อ 3)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553--จบ--