คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องโครงการพัฒนาการศึกษาพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ แล้วมีมติอนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาการศึกษาพื้นที่อำเภออมก๋อย (OMKOI EDUCATIONAL DEVELOPMENT PROJECT ; OEDP) ซึ่งเป็นการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาการด้อยโอกาสทางการศึกษา ปัญหาความยากจน ในกลุ่มชนที่อยู่ห่างไกล โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เพื่อช่วยสร้างฐานรากในการดำเนินชีวิตในกลุ่มคนด้อยโอกาสให้มั่นคงยั่งยืนต่อไป โดยให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณารูปแบบการศึกษาที่เหมาะสม สำหรับงบประมาณในการดำเนินการขอให้พิจารณาใช้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า ได้เตรียมการที่จะพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ที่ห่างไกล ทุรกันดาร การเดินทางยากลำบากในรูปแบบพิเศษแบบบูรณาการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม โดยเลือกพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ดำเนินการ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. ศึกษาสภาพพื้นที่และประชากร แบ่งเขตปกครองเป็น 6 ตำบล มีประชากรทั้งสิ้น 51,393 คน จำนวน 12,769 ครัวเรือน ประชากรส่วนใหญ่ยากจนมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 22,050 บาทต่อปี
2. ด้านการศึกษา
(1) มีการจัดการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบ สพท.เชียงใหม่ เขต 5 รับผิดชอบ 41 โรงเรียน เปิดสอนระดับปฐมวัย-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 9,267 คน
(2) สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนจัดการศึกษา 101 ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขาระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 7,276 คน
3. สภาพปัญหาและข้อจำกัดในการจัดการศึกษา
(1) สภาพภูมิศาสตร์เป็นภูเขาสลับซับซ้อนคิดเป็นร้อยละ 90 ตั้งอยู่ในกลุ่มน้ำชั้น 1 A ได้รับ การประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ การคมนาคมเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากเป็นเส้นทางสำลองบางชุมชนต้องเดินทางด้วยเท้า ไม่สามารถนำยานพาหนะเข้าพื้นที่ได้
(2) ประชากรประกอบไปด้วยชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ ตลอดจนกลุ่มชนพลัดถิ่นที่หลบหนีเข้าเมือง ชาวไทยภูเขาเหล่านี้มีวัฒนธรรมในแต่ละชุมชนมีความเข้มแข็ง เช่น ภาษา จารีตประเพณี มีผลต่อการจัดการศึกษา
(3) มีพื้นที่เป็นจุดอับทางการศึกษา จำนวน 24 จุด (หย่อมบ้าน) ที่ไม่มีหน่วยงานทางการศึกษาเข้าไปจัดการศึกษาและเด็กมีการอพยพโยกย้ายตามผู้ปกครอง
(4) อัตราการออกกลางคันมีแนวโน้มสูง เนื่องจากเนื้อหาทางวิชาการที่เรียนและการปรับตัวต้องเข้าไปเรียนต่อในอำเภอ การบีบคั้นทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังพบว่ามีเด็กชนกลุ่มน้อย จำนวน 625 คน เด็กยากจน จำนวน 8,239 คน
(5) เนื้อหาวิชาที่เรียนไม่สอดคล้องกับสภาพชีวิตที่เป็นจริง เพราะวิชาที่เรียนมุ่งเน้นการศึกษาต่อสายสามัญ ทำให้เด็กบางคนไม่สามารถเรียนได้ ประกอบกับความเชื่อที่ว่าผู้ชายเป็นผู้นำ ทำให้เด็กหญิงไม่ได้รับการสนับสนุนในด้านการศึกษา
(6) การจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดการศึกษา ไม่เพียงพอขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์การเรียน การสอนสื่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขาดกำลังครู การเข้าไม่ถึงวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของชุมชน
แนวคิดในการจัดการศึกษาสำหรับประชากรที่ยากจน
(1) การจัดการศึกษาต้องคำนึงถึงสภาพปัญหาและความจำเป็นของกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะประชาชนที่ยากจนที่มีข้อจำกัด
(2) รูปแบบการศึกษาต้องมีความยืดหยุ่นได้ เน้นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เรียน
(3) เนื้อหาสาระต้องมีความยืดหยุ่นหลากหลาย ใช้ชีวิตของผู้เรียนเป็นตัวตั้ง
(4) ภาษาที่ใช้ต้องคำนึงถึงพื้นฐานเดิมของผู้เรียน
(5) ครูผู้สอน ควรระดมจากกลุ่มคนที่หลากหลาย มีความสามารถที่จะสื่อสาร จูงใจและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้
(6) หน่วยงานและสถานศึกษาที่จัดการศึกษาสำหรับคนยากจนจะต้องได้รับการสนับสนุนดูแลในลักษณะที่แตกต่างไปจากหน่วยงานทั่วไป ทั้งในด้านเงินอุดหนุน หลักสูตร สื่อ บุคลากร และกฎระเบียบต่าง ๆ
สาระสำคัญในการดำเนินโครงการ
เป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษา พัฒนาอาชีพ และยกระดับวัฒนธรรม ชุมชน ชาติพันธุ์ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ ซึ่งมีภารกิจหลักในการดำเนินการดังนี้
(1) เป็นการจัดการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส กลุ่มตกหล่น และกลุ่มชาติพันธุ์ ในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ให้สามารถใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร สร้างองค์ความรู้ในชีวิตประจำวัน
(2) บูรณาการสอนวิชาชีพที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ในการจัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย
ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน
(1) ปรับระบบและรูปแบบการจัดการศึกษาให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
(2) ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนและสัมมนารูปแบบการใช้ภาษาประจำกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นเครื่องมือเชื่อมโยงในการเรียนรู้ภาษาไทยและการสร้างองค์ความรู้
(3) การใช้สถานศึกษาเป็นฐานการผลิต โดยใช้ชุมชนเป็นแหล่งการเรียนรู้
(4) การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือการจัดการเรียนรู้
(5) เป็นการระดมสรรพกำลังในพื้นที่ร่วมกันพัฒนาอย่างเป็นระบบ
เป้าหมาย ประชากรวัยเรียนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 จำนวน 9,267 คน ประชากรวัยเรียนในสังกัด การศึกษานอกโรงเรียน จำนวน 7,276 คน ประชากรวัยทำงาน (อายุ 15-59 ปี) จำนวน 11,140 คน เยาวชนและผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับการศึกษา จำนวน 11,230 คน ผู้สูงอายุและคนชรา จำนวน 2,500 คน ได้รับการพัฒนาด้านต่าง ๆ ดังนี้ (1) ด้านการสร้างโอกาสทางการเรียนรู้ (2) ด้านการพัฒนาบุคลากร (3) ด้านการพัฒนาวิชาชีพ (4) ด้านการปรับหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ (5) ด้านการส่งเสริมการพัฒนา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--
ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า ได้เตรียมการที่จะพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ที่ห่างไกล ทุรกันดาร การเดินทางยากลำบากในรูปแบบพิเศษแบบบูรณาการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม โดยเลือกพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ดำเนินการ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. ศึกษาสภาพพื้นที่และประชากร แบ่งเขตปกครองเป็น 6 ตำบล มีประชากรทั้งสิ้น 51,393 คน จำนวน 12,769 ครัวเรือน ประชากรส่วนใหญ่ยากจนมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 22,050 บาทต่อปี
2. ด้านการศึกษา
(1) มีการจัดการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบ สพท.เชียงใหม่ เขต 5 รับผิดชอบ 41 โรงเรียน เปิดสอนระดับปฐมวัย-ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 9,267 คน
(2) สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียนจัดการศึกษา 101 ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขาระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 7,276 คน
3. สภาพปัญหาและข้อจำกัดในการจัดการศึกษา
(1) สภาพภูมิศาสตร์เป็นภูเขาสลับซับซ้อนคิดเป็นร้อยละ 90 ตั้งอยู่ในกลุ่มน้ำชั้น 1 A ได้รับ การประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ การคมนาคมเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากเป็นเส้นทางสำลองบางชุมชนต้องเดินทางด้วยเท้า ไม่สามารถนำยานพาหนะเข้าพื้นที่ได้
(2) ประชากรประกอบไปด้วยชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ ตลอดจนกลุ่มชนพลัดถิ่นที่หลบหนีเข้าเมือง ชาวไทยภูเขาเหล่านี้มีวัฒนธรรมในแต่ละชุมชนมีความเข้มแข็ง เช่น ภาษา จารีตประเพณี มีผลต่อการจัดการศึกษา
(3) มีพื้นที่เป็นจุดอับทางการศึกษา จำนวน 24 จุด (หย่อมบ้าน) ที่ไม่มีหน่วยงานทางการศึกษาเข้าไปจัดการศึกษาและเด็กมีการอพยพโยกย้ายตามผู้ปกครอง
(4) อัตราการออกกลางคันมีแนวโน้มสูง เนื่องจากเนื้อหาทางวิชาการที่เรียนและการปรับตัวต้องเข้าไปเรียนต่อในอำเภอ การบีบคั้นทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังพบว่ามีเด็กชนกลุ่มน้อย จำนวน 625 คน เด็กยากจน จำนวน 8,239 คน
(5) เนื้อหาวิชาที่เรียนไม่สอดคล้องกับสภาพชีวิตที่เป็นจริง เพราะวิชาที่เรียนมุ่งเน้นการศึกษาต่อสายสามัญ ทำให้เด็กบางคนไม่สามารถเรียนได้ ประกอบกับความเชื่อที่ว่าผู้ชายเป็นผู้นำ ทำให้เด็กหญิงไม่ได้รับการสนับสนุนในด้านการศึกษา
(6) การจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดการศึกษา ไม่เพียงพอขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์การเรียน การสอนสื่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขาดกำลังครู การเข้าไม่ถึงวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของชุมชน
แนวคิดในการจัดการศึกษาสำหรับประชากรที่ยากจน
(1) การจัดการศึกษาต้องคำนึงถึงสภาพปัญหาและความจำเป็นของกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะประชาชนที่ยากจนที่มีข้อจำกัด
(2) รูปแบบการศึกษาต้องมีความยืดหยุ่นได้ เน้นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เรียน
(3) เนื้อหาสาระต้องมีความยืดหยุ่นหลากหลาย ใช้ชีวิตของผู้เรียนเป็นตัวตั้ง
(4) ภาษาที่ใช้ต้องคำนึงถึงพื้นฐานเดิมของผู้เรียน
(5) ครูผู้สอน ควรระดมจากกลุ่มคนที่หลากหลาย มีความสามารถที่จะสื่อสาร จูงใจและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้
(6) หน่วยงานและสถานศึกษาที่จัดการศึกษาสำหรับคนยากจนจะต้องได้รับการสนับสนุนดูแลในลักษณะที่แตกต่างไปจากหน่วยงานทั่วไป ทั้งในด้านเงินอุดหนุน หลักสูตร สื่อ บุคลากร และกฎระเบียบต่าง ๆ
สาระสำคัญในการดำเนินโครงการ
เป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษา พัฒนาอาชีพ และยกระดับวัฒนธรรม ชุมชน ชาติพันธุ์ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ ซึ่งมีภารกิจหลักในการดำเนินการดังนี้
(1) เป็นการจัดการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส กลุ่มตกหล่น และกลุ่มชาติพันธุ์ ในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ให้สามารถใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร สร้างองค์ความรู้ในชีวิตประจำวัน
(2) บูรณาการสอนวิชาชีพที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ในการจัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย
ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน
(1) ปรับระบบและรูปแบบการจัดการศึกษาให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
(2) ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนและสัมมนารูปแบบการใช้ภาษาประจำกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นเครื่องมือเชื่อมโยงในการเรียนรู้ภาษาไทยและการสร้างองค์ความรู้
(3) การใช้สถานศึกษาเป็นฐานการผลิต โดยใช้ชุมชนเป็นแหล่งการเรียนรู้
(4) การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือการจัดการเรียนรู้
(5) เป็นการระดมสรรพกำลังในพื้นที่ร่วมกันพัฒนาอย่างเป็นระบบ
เป้าหมาย ประชากรวัยเรียนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 จำนวน 9,267 คน ประชากรวัยเรียนในสังกัด การศึกษานอกโรงเรียน จำนวน 7,276 คน ประชากรวัยทำงาน (อายุ 15-59 ปี) จำนวน 11,140 คน เยาวชนและผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับการศึกษา จำนวน 11,230 คน ผู้สูงอายุและคนชรา จำนวน 2,500 คน ได้รับการพัฒนาด้านต่าง ๆ ดังนี้ (1) ด้านการสร้างโอกาสทางการเรียนรู้ (2) ด้านการพัฒนาบุคลากร (3) ด้านการพัฒนาวิชาชีพ (4) ด้านการปรับหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ (5) ด้านการส่งเสริมการพัฒนา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--