คณะรัฐมนตรีพิจารณาการอนุมัติจ่ายเงินค่าชดเชยเป็นกรณีพิเศษแก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว จังหวัดชัยภูมิ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้จ่ายเงินชดเชยค่าที่ดินเป็นกรณีพิเศษ ให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว จำนวน 288 ราย ที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาวก่อนที่กรมป่าไม้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 334 แปลง คิดเป็นเนื้อที่ 2,166.29 ไร่ ตามราคาประเมินที่ดินปัจจุบันไร่ละ 10,000 บาท รวมจำนวนเงินที่ดินทั้งหมด 21,662,900 บาท (ยี่สิบเอ็ดล้านหกแสนหกหมื่นสองพันเก้าร้อยบาทถ้วน) ทั้งนี้ ในกรณีที่ราษฎรที่ครอบครองที่ดินน้อยกว่า 1 ไร่ให้ถือว่าได้รับเงินชดเชยในอัตราเท่ากับ 1 ไร่
2. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานกรรมการ จำนวน 4 คน ประกอบด้วย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชัยภูมิ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ นายอำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ นายอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ และมีผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการ ดังกล่าว มีอำนาจตรวจสอบและพิจารณาการจ่ายเงินให้แก่ราษฎรตามหลักการในข้อ 1
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2548 รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) ซึ่งกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ได้เดินทางไปประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่องและได้ข้อสรุป โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดิน อ่านแปล และตีความภาพถ่ายทางอากาศว่ามีพื้นที่จำนวนเท่าใดที่ราษฎรครอบครองและทำประโยชน์อยู่ในบริเวณพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว ก่อนที่กรมป่าไม้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งจากการอ่านแปลและตีความภาพถ่ายทางอากาศปรากฏว่ามีจำนวนราษฎร 288 ราย ที่ได้ ครอบครองและทำประโยชน์ในพื้นที่ก่อนกรมป่าไม้จะประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ฉะนั้น สมควรจ่ายเงินชดเชยค่าที่ดินเป็นกรณีพิเศษให้ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 26 กรกฎาคม 2548--จบ--
1. อนุมัติในหลักการให้จ่ายเงินชดเชยค่าที่ดินเป็นกรณีพิเศษ ให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว จำนวน 288 ราย ที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาวก่อนที่กรมป่าไม้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 334 แปลง คิดเป็นเนื้อที่ 2,166.29 ไร่ ตามราคาประเมินที่ดินปัจจุบันไร่ละ 10,000 บาท รวมจำนวนเงินที่ดินทั้งหมด 21,662,900 บาท (ยี่สิบเอ็ดล้านหกแสนหกหมื่นสองพันเก้าร้อยบาทถ้วน) ทั้งนี้ ในกรณีที่ราษฎรที่ครอบครองที่ดินน้อยกว่า 1 ไร่ให้ถือว่าได้รับเงินชดเชยในอัตราเท่ากับ 1 ไร่
2. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานกรรมการ จำนวน 4 คน ประกอบด้วย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชัยภูมิ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ นายอำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ นายอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ และมีผู้แทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการ ดังกล่าว มีอำนาจตรวจสอบและพิจารณาการจ่ายเงินให้แก่ราษฎรตามหลักการในข้อ 1
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2548 รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) ซึ่งกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ได้เดินทางไปประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่องและได้ข้อสรุป โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดิน อ่านแปล และตีความภาพถ่ายทางอากาศว่ามีพื้นที่จำนวนเท่าใดที่ราษฎรครอบครองและทำประโยชน์อยู่ในบริเวณพื้นที่โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว ก่อนที่กรมป่าไม้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งจากการอ่านแปลและตีความภาพถ่ายทางอากาศปรากฏว่ามีจำนวนราษฎร 288 ราย ที่ได้ ครอบครองและทำประโยชน์ในพื้นที่ก่อนกรมป่าไม้จะประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ฉะนั้น สมควรจ่ายเงินชดเชยค่าที่ดินเป็นกรณีพิเศษให้ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 26 กรกฎาคม 2548--จบ--