คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสถานการณ์อุทกภัยช่วงวันที่ 29 สิงหาคม -4 กันยายน 2549 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
ด้วยอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดอยู่บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ จากนั้นอ่อนกำลังลง โดยพาดเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเกือบตลอดสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยเฉพาะในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ นั้น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ติดตามสถานการณ์ และได้รับรายงานจากกรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ และสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดว่ามีสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ สรุปสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือได้ ดังนี้
1. พื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก เชียงใหม่ ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน แพร่ ลำพูน กำแพงเพชร พิจิตร ศรีสะเกษ จันทบุรี และพังงา สรุปสถานการณ์อุทกภัยได้ดังนี้
จังหวัดสุโขทัย มีน้ำท่วมขังใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง ศรีสำโรง กงไกรลาศ สวรรคโลก และศรีสัชนาลัย ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-1.00 เมตร
สถานการณ์น้ำในแม่น้ำยม เวลา 06.00 น. วันที่ 4 ก.ย.49 ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ที่สถานี Y1C อ.เมือง จ.แพร่ สูง 4.47 ม.(ระดับตลิ่ง 8.0 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 3.53 ม. ที่สถานี Y6 อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย สูง 8.62 ม.(ระดับตลิ่ง 9.0 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.38 ม. ที่สถานีY3A อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย สูง 10.64 ม.(ระดับตลิ่ง 10.0 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.64 ม. ที่สถานี Y33 อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย สูง 11.05 ม.(ระดับตลิ่ง 10.0 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 1.05 ม. และที่สถานี Y4 อ.เมือง จ.สุโขทัย สูง 6.67 ม.(ระดับตลิ่ง 7.45 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.78 ม. ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ
จังหวัดพิษณุโลก มีน้ำท่วมขังใน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังทอง บางกระทุ่ม บางระกำ พรหมพิราม เนินมะปราง นครไทย ชาติตระการ วัดโบสถ์ และเมืองพิษณุโลก ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.50 เมตร เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 6 อำเภอ คือ อำเภอวังทอง บางกระทุ่ม เนินมะปราง นครไทย ชาติตระการ และเมืองพิษณุโลก
สถานการณ์แม่น้ำน่าน ที่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ระดับน้ำเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 ก.ย.49 สูง 9.13 ม. (ระดับตลิ่ง 10.68 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 1.55 ม. กรมชลประทานได้ประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต หยุดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ 3 วัน มีผลทำให้น้ำจากตอนบนลดลง ส่วนน้ำจากแควน้อยเริ่มทรงตัว อย่างไรก็ตามกรมชลประทานจะควบคุมปริมาณที่ผ่านจังหวัดพิษณุโลก ไม่ให้สูงเกิน 10.0 ม. (ระดับวิกฤตเริ่มท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำน่าน 10.0 ม.)
จังหวัดเชียงใหม่ เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง วันที่ 31 ส.ค 49— 1 ก.ย.49 ทำให้น้ำท่วมขังในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และในเขตอำเภอรอบนอก รวม 10 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง แม่ริม หางดง สันป่าตอง สันกำแพง สันทราย แม่แจ่ม สะเมิง เชียงดาว สารภี และกิ่งอำเภอดอยหล่อ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม. สถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดลำปาง เกิดฝนตกหนัก วันที่ 31 ส.ค.49 ทำให้มีน้ำท่วมใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านเถิน งาว เมืองปาน ห้างฉัตร และเกาะคา ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.40 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 4 อำเภอ คือ อำเภองาว เมืองปาน ห้างฉัตร และเกาะคา
จังหวัดตาก น้ำแม่น้ำวัง จากจังหวัดลำปางไหลเข้าสู่จังหวัดตาก ในวันที่ 2 ก.ย.49 ทำให้มีน้ำล้นตลิ่งในที่ลุ่มต่ำสองฝั่งแม่น้ำ ระดับน้ำในลำน้ำวังตั้งแต่จังหวัดลำปางลงมาลดลงอย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่ประสบภัย 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามเงา และบ้านตาก ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.60 ม. คาดว่าระดับน้ำจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติใน 3-4 วัน
จังหวัดอุตรดิตถ์ เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ในวันที่ 1 ก.ย.49 เกิดน้ำหลากเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง น้ำปาด และลับแล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.60 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดแม่ฮ่องสอน เกิดฝนตกหนักวันที่ 31 ส.ค.49 ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง และแม่สะเรียง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.60 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดแพร่ เกิดฝนตกหนักวันที่ 31 ส.ค.49 ทำให้มีน้ำท่วมและน้ำไหลหลากเข้าท่วม ในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง สูงเม่น ร้องกวาง ลอง และเด่นชัย ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.40 ม. สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
จังหวัดลำพูน เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง วันที่ 31 ส.ค. 49 ทำให้น้ำท่วมขังใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้าน ธิ แม่ทา ป่าซาง และเมืองลำพูน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.50 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 2 อำเภอ คือ อำเภอบ้านธิ และป่าซาง
จังหวัดกำแพงเพชร เกิดฝนตกหนักวันที่ 30 ส.ค.49 ทำให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตร ใน 2 อำเภอ ได้แก่ กิ่งอำเภอโกสัมพีนคร และขาณุวรลักษบุรี ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 ถึง 0.50 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดพิจิตร ในวันที่ 31 ส.ค. 49 ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นและไหลล้นเข้าท่วม ต.คลองทราย(หมู่ที่ 1) กิ่ง อ.สากเหล็ก ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 -0.30 ม. เข้าสู่ภาวะปกติแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย.49 และในวันที่ 3 ก.ย.49 ปริมาณน้ำในลำน้ำยมเพิ่มขึ้นล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่มต่ำ บริเวณบ้านกระทุ่มน้ำเดือน ต.รังนก อ.สามง่าม ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำสุดและเป็นพื้นที่การเกษตรที่เก็บเกี่ยวแล้ว ระดับน้ำได้ไหลเข้าพื้นที่สูงประมาณ 0.20 -0.30 ม. แนวโน้มระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จังหวัดศรีสะเกษ เกิดฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 49 มีปริมาณฝน 185 มม. ระดับน้ำที่ลำน้ำห้วยสำราญ ได้เอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ริมตลิ่งที่ อ.เมือง บริเวณ ต.โพธิ์ และ ต.หญ้าปล้อง สูงประมาณ 0.60 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้วเมื่อวันที่ 31 ส.ค.49
จังหวัดจันทบุรี ได้เกิดฝนตกหนักเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 49 ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง แก่งหางแมว และกิ่ง อ.เขาคิชฌกูฎ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดพังงา เกิดฝนตกหนักวันที่ 30 ส.ค.49 ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนราษฎร และพื้นที่ลุ่มทางการเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตะกั่วป่า ปะกง และท้ายเหมือง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
2. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ ณ วันที่ 4 กันยายน 2549
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ วันที่ 4 ก.ย.49 มีปริมาตรน้ำทั้งหมด 55,088 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯทั้งหมด มากกว่าปี 2548 (43,494 ล้าน ลบ.ม.) 11,594 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ในช่วงเวลาเดียวกัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างอยู่ในเกณฑ์มากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ 7,944 ล้าน ลบ.ม. (84%) สิรินธร 1,750 ล้าน ลบ.ม. (89%) ศรีนครินทร์ 16,223 ล้าน ลบ.ม. (91%) วชิราลงกรณ 8,091 ล้าน ลบ.ม. (91%) แก่งกระจาน 687 ล้าน ลบ.ม.(97%) ปราณบุรี 369 ล้าน ลบ.ม. (83%) รัชชประภา 4,903 ล้าน ลบ.ม. (87%) และหนองปลาไหล 139 ล้าน ลบ.ม.(85%)
อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำ 680.847 ล้าน ลบ.ม.(95.89%) มีการระบายน้ำ จำนวน 104.00 ลบ.ม./วินาที และระบายน้ำโดยวิธีกาลักน้ำได้ 3.30 ลบ.ม./วินาที (วางท่อ 10 แถว) รวมระบายน้ำทั้งหมด จำนวน 107.30 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้มีน้ำเหลือในอ่างฯประมาณ 71% ของความจุอ่าง ในช่วงต้นเดือนตุลาคม เพื่อรอรับน้ำหลากในช่วงฝนชุก
3. ผลกระทบด้านการเกษตร พื้นที่การเกษตรประสบภัยช่วงวันที่ 28 สิงหาคม ถึง 4 กันยายน 2549 เบื้องต้นได้รับรายงานแล้ว 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร ลำปาง ลำพูน และแพร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 13,762 ราย พื้นที่ 317,496 ไร่ สัตว์ได้รับผลกระทบ 82,902 ตัว และบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 322 บ่อ ดังนี้
ที่ จังหวัด เกษตรกร (ราย) พื้นที่ประสบภัย (ไร่) สัตว์ได้รับผลกระทบ (ตัว) ประมง
(บ่อ)
1 สุโขทัย 76,400
2 พิษณุโลก 2,921 64,836 163
3 พิจิตร 5,464 217,631
4 ลำปาง 9,510 1,502 104
5 ลำพูน 4,360 23,713 5,000 55
6 แพร่ 1,017 1,806
รวม 13,762 317,496 82,902 322
4. การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
กรมชลประทาน ได้จัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อให้ความช่วยเหลือในฤดูฝน 2549 ดังนี้ เครื่องสูบน้ำ จำนวน 1,200 เครื่อง (เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย จำนวน 657 เครื่อง และเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จำนวน 543 เครื่อง) รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 295 คัน รถนาค 28 คัน เรือนาค 12 ลำ เครื่องผลักดันน้ำ 110 เครื่อง รถขุด 102 คัน เรือขุด 9 ลำ รถแทรกเตอร์ 28 คัน และรถบรรทุก 70 คัน
ปัจจุบันได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วประเทศรวม 223 เครื่อง ทั้งนี้ได้ส่งเครื่องผลักดันน้ำเพื่อช่วยผลักดันน้ำทะเลที่ จ.เพชรบุรี จำนวน 14 เครื่อง และส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือในเขตจังหวัดสุโขทัย 2 เครื่อง และลำพูน 15 เครื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2549--จบ--
ด้วยอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดอยู่บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ จากนั้นอ่อนกำลังลง โดยพาดเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเกือบตลอดสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยเฉพาะในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ นั้น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ติดตามสถานการณ์ และได้รับรายงานจากกรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ และสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดว่ามีสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ สรุปสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือได้ ดังนี้
1. พื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก เชียงใหม่ ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน แพร่ ลำพูน กำแพงเพชร พิจิตร ศรีสะเกษ จันทบุรี และพังงา สรุปสถานการณ์อุทกภัยได้ดังนี้
จังหวัดสุโขทัย มีน้ำท่วมขังใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง ศรีสำโรง กงไกรลาศ สวรรคโลก และศรีสัชนาลัย ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-1.00 เมตร
สถานการณ์น้ำในแม่น้ำยม เวลา 06.00 น. วันที่ 4 ก.ย.49 ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ที่สถานี Y1C อ.เมือง จ.แพร่ สูง 4.47 ม.(ระดับตลิ่ง 8.0 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 3.53 ม. ที่สถานี Y6 อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย สูง 8.62 ม.(ระดับตลิ่ง 9.0 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.38 ม. ที่สถานีY3A อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย สูง 10.64 ม.(ระดับตลิ่ง 10.0 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.64 ม. ที่สถานี Y33 อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย สูง 11.05 ม.(ระดับตลิ่ง 10.0 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 1.05 ม. และที่สถานี Y4 อ.เมือง จ.สุโขทัย สูง 6.67 ม.(ระดับตลิ่ง 7.45 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.78 ม. ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ
จังหวัดพิษณุโลก มีน้ำท่วมขังใน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังทอง บางกระทุ่ม บางระกำ พรหมพิราม เนินมะปราง นครไทย ชาติตระการ วัดโบสถ์ และเมืองพิษณุโลก ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.50 เมตร เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 6 อำเภอ คือ อำเภอวังทอง บางกระทุ่ม เนินมะปราง นครไทย ชาติตระการ และเมืองพิษณุโลก
สถานการณ์แม่น้ำน่าน ที่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ระดับน้ำเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 ก.ย.49 สูง 9.13 ม. (ระดับตลิ่ง 10.68 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 1.55 ม. กรมชลประทานได้ประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต หยุดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ 3 วัน มีผลทำให้น้ำจากตอนบนลดลง ส่วนน้ำจากแควน้อยเริ่มทรงตัว อย่างไรก็ตามกรมชลประทานจะควบคุมปริมาณที่ผ่านจังหวัดพิษณุโลก ไม่ให้สูงเกิน 10.0 ม. (ระดับวิกฤตเริ่มท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำน่าน 10.0 ม.)
จังหวัดเชียงใหม่ เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง วันที่ 31 ส.ค 49— 1 ก.ย.49 ทำให้น้ำท่วมขังในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และในเขตอำเภอรอบนอก รวม 10 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง แม่ริม หางดง สันป่าตอง สันกำแพง สันทราย แม่แจ่ม สะเมิง เชียงดาว สารภี และกิ่งอำเภอดอยหล่อ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม. สถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดลำปาง เกิดฝนตกหนัก วันที่ 31 ส.ค.49 ทำให้มีน้ำท่วมใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านเถิน งาว เมืองปาน ห้างฉัตร และเกาะคา ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.40 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 4 อำเภอ คือ อำเภองาว เมืองปาน ห้างฉัตร และเกาะคา
จังหวัดตาก น้ำแม่น้ำวัง จากจังหวัดลำปางไหลเข้าสู่จังหวัดตาก ในวันที่ 2 ก.ย.49 ทำให้มีน้ำล้นตลิ่งในที่ลุ่มต่ำสองฝั่งแม่น้ำ ระดับน้ำในลำน้ำวังตั้งแต่จังหวัดลำปางลงมาลดลงอย่างต่อเนื่อง มีพื้นที่ประสบภัย 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามเงา และบ้านตาก ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.60 ม. คาดว่าระดับน้ำจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติใน 3-4 วัน
จังหวัดอุตรดิตถ์ เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ในวันที่ 1 ก.ย.49 เกิดน้ำหลากเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง น้ำปาด และลับแล ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.60 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดแม่ฮ่องสอน เกิดฝนตกหนักวันที่ 31 ส.ค.49 ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง และแม่สะเรียง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.60 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดแพร่ เกิดฝนตกหนักวันที่ 31 ส.ค.49 ทำให้มีน้ำท่วมและน้ำไหลหลากเข้าท่วม ในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง สูงเม่น ร้องกวาง ลอง และเด่นชัย ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.40 ม. สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
จังหวัดลำพูน เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง วันที่ 31 ส.ค. 49 ทำให้น้ำท่วมขังใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้าน ธิ แม่ทา ป่าซาง และเมืองลำพูน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.50 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 2 อำเภอ คือ อำเภอบ้านธิ และป่าซาง
จังหวัดกำแพงเพชร เกิดฝนตกหนักวันที่ 30 ส.ค.49 ทำให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตร ใน 2 อำเภอ ได้แก่ กิ่งอำเภอโกสัมพีนคร และขาณุวรลักษบุรี ระดับน้ำสูงประมาณ 0.30 ถึง 0.50 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดพิจิตร ในวันที่ 31 ส.ค. 49 ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นและไหลล้นเข้าท่วม ต.คลองทราย(หมู่ที่ 1) กิ่ง อ.สากเหล็ก ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 -0.30 ม. เข้าสู่ภาวะปกติแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ย.49 และในวันที่ 3 ก.ย.49 ปริมาณน้ำในลำน้ำยมเพิ่มขึ้นล้นตลิ่งเข้าท่วมที่ลุ่มต่ำ บริเวณบ้านกระทุ่มน้ำเดือน ต.รังนก อ.สามง่าม ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำสุดและเป็นพื้นที่การเกษตรที่เก็บเกี่ยวแล้ว ระดับน้ำได้ไหลเข้าพื้นที่สูงประมาณ 0.20 -0.30 ม. แนวโน้มระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จังหวัดศรีสะเกษ เกิดฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 49 มีปริมาณฝน 185 มม. ระดับน้ำที่ลำน้ำห้วยสำราญ ได้เอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ริมตลิ่งที่ อ.เมือง บริเวณ ต.โพธิ์ และ ต.หญ้าปล้อง สูงประมาณ 0.60 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้วเมื่อวันที่ 31 ส.ค.49
จังหวัดจันทบุรี ได้เกิดฝนตกหนักเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 49 ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง แก่งหางแมว และกิ่ง อ.เขาคิชฌกูฎ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
จังหวัดพังงา เกิดฝนตกหนักวันที่ 30 ส.ค.49 ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนราษฎร และพื้นที่ลุ่มทางการเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตะกั่วป่า ปะกง และท้ายเหมือง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม. สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
2. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ ณ วันที่ 4 กันยายน 2549
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ วันที่ 4 ก.ย.49 มีปริมาตรน้ำทั้งหมด 55,088 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯทั้งหมด มากกว่าปี 2548 (43,494 ล้าน ลบ.ม.) 11,594 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ในช่วงเวลาเดียวกัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างอยู่ในเกณฑ์มากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ 7,944 ล้าน ลบ.ม. (84%) สิรินธร 1,750 ล้าน ลบ.ม. (89%) ศรีนครินทร์ 16,223 ล้าน ลบ.ม. (91%) วชิราลงกรณ 8,091 ล้าน ลบ.ม. (91%) แก่งกระจาน 687 ล้าน ลบ.ม.(97%) ปราณบุรี 369 ล้าน ลบ.ม. (83%) รัชชประภา 4,903 ล้าน ลบ.ม. (87%) และหนองปลาไหล 139 ล้าน ลบ.ม.(85%)
อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำ 680.847 ล้าน ลบ.ม.(95.89%) มีการระบายน้ำ จำนวน 104.00 ลบ.ม./วินาที และระบายน้ำโดยวิธีกาลักน้ำได้ 3.30 ลบ.ม./วินาที (วางท่อ 10 แถว) รวมระบายน้ำทั้งหมด จำนวน 107.30 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้มีน้ำเหลือในอ่างฯประมาณ 71% ของความจุอ่าง ในช่วงต้นเดือนตุลาคม เพื่อรอรับน้ำหลากในช่วงฝนชุก
3. ผลกระทบด้านการเกษตร พื้นที่การเกษตรประสบภัยช่วงวันที่ 28 สิงหาคม ถึง 4 กันยายน 2549 เบื้องต้นได้รับรายงานแล้ว 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร ลำปาง ลำพูน และแพร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 13,762 ราย พื้นที่ 317,496 ไร่ สัตว์ได้รับผลกระทบ 82,902 ตัว และบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 322 บ่อ ดังนี้
ที่ จังหวัด เกษตรกร (ราย) พื้นที่ประสบภัย (ไร่) สัตว์ได้รับผลกระทบ (ตัว) ประมง
(บ่อ)
1 สุโขทัย 76,400
2 พิษณุโลก 2,921 64,836 163
3 พิจิตร 5,464 217,631
4 ลำปาง 9,510 1,502 104
5 ลำพูน 4,360 23,713 5,000 55
6 แพร่ 1,017 1,806
รวม 13,762 317,496 82,902 322
4. การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
กรมชลประทาน ได้จัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อให้ความช่วยเหลือในฤดูฝน 2549 ดังนี้ เครื่องสูบน้ำ จำนวน 1,200 เครื่อง (เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย จำนวน 657 เครื่อง และเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จำนวน 543 เครื่อง) รถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 295 คัน รถนาค 28 คัน เรือนาค 12 ลำ เครื่องผลักดันน้ำ 110 เครื่อง รถขุด 102 คัน เรือขุด 9 ลำ รถแทรกเตอร์ 28 คัน และรถบรรทุก 70 คัน
ปัจจุบันได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วประเทศรวม 223 เครื่อง ทั้งนี้ได้ส่งเครื่องผลักดันน้ำเพื่อช่วยผลักดันน้ำทะเลที่ จ.เพชรบุรี จำนวน 14 เครื่อง และส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือในเขตจังหวัดสุโขทัย 2 เครื่อง และลำพูน 15 เครื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2549--จบ--