คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ตามข้อเสนอของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติขยายระยะเวลาโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553
2. อนุมัติขยายการเก็บเงินและการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่คงเหลือ จำนวน 197.59 ล้านบาท ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 ดังนี้
2.1 ธ.ก.ส.จำนวน 183.76 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าชดเชยดอกเบี้ย 158.96 ล้านบาท และค่าบริหารโครงการฯ จำนวน 24.80 ล้านบาท (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบริหารโครงการเพิ่มเติม 1 ล้านบาท และส่วนที่เหลืออีกจำนวน 23.80 ล้านบาท ขอโอนไปเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ย)
2.2 อคส. จำนวน 10.53 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสาร
2.3 อ.ต.ก. จำนวน 3.30 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสาร
3. อนุมัติการจัดสรรงบกลางปี 2553 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพิ่มเติม วงเงิน 2,963.44 ล้านบาท ดังนี้
3.1 ธ.ก.ส. จำนวน 2,534.48 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ย โดยให้ใช้อัตราร้อยละ 1.98 ต่อปี เช่นเดียวกับโครงการรับจำนำผลผลิตการเกษตรปี 2551/52 และโครงการประกันรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งทำให้งบประมาณจำนวนที่กล่าวลดลงเหลือเพียงจำนวน 673,664,300 บาท แต่เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถระบายหรือจำหน่ายข้าวสารที่รับจำนำไว้ให้เสร็จสิ้นได้ ทำให้ไม่สามารถคำนวณค่าชดเชยดอกเบี้ยทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นและที่คาดว่าจะเกิดในอนาคตได้ จึงเห็นควรให้ ธ.ก.ส. ชะลอการขอชดเชยดอกเบี้ยไว้ก่อนจนกว่ามีการระบายหรือจำหน่ายข้าวสารที่รับจำนำไว้ให้เสร็จสิ้นก่อน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
3.2 อคส. จำนวน 316.34 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสาร
3.3 อ.ต.ก. จำนวน 112.62 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสาร
4. มอบหมายการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กำกับดูแลต่อไป และให้ตรวจสอบสต็อกให้ชัดเจนอีกครั้ง
ส่วนกรณีตามข้อเสนอของ ธ.ก.ส. ที่ ธ.ก.ส. ขออนุมัติในหลักการกรณีโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรทุกโครงการที่คณะรัฐมนตรีหรือ กขช. หรือคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการ หรือหากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้วแต่ยังมีภาระหนี้กับ ธ.ก.ส. ให้ ธ.ก.ส.เบิกชดเชยค่าใช้จ่ายได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยให้ ธ.ก.ส.ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรงนั้น เห็นควรให้ ธ.ก.ส.เสนอขออนุมัติเป็นรายโครงการ ทั้งนี้เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้รับทราบผลการดำเนินงานของแต่ละโครงการอย่างต่อเนื่องเช่นที่เคยปฏิบัติมา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 มีนาคม 2553--จบ--