คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมเรื่อง การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและเป็นกิจการของคนไทย เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2553 และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของข้อ 16 เป็นการสนับสนุนการใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและกิจการของคนไทยอย่างเหมาะสมแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงในประเด็นใด ๆ อีก ยกเว้นเมื่อประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของความตกลงว่าด้วยการจัดซื้อโดยรัฐ (Government Procurement Agreement - GPA) ขององค์การการค้าโลก ซึ่งกำหนดหลักการเรื่องการห้ามเลือกปฏิบัติ (Non-discrimination) ก็จำเป็นต้องแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับความตกลงดังกล่าวต่อไป
2. ให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานที่รัฐบาลถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 51 ให้ความร่วมมือในการนำหลักเกณฑ์ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 16 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 29 พฤษภาคม 2550 มาปรับใช้ ทั้งนี้ ให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐวิสาหกิจ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการประกอบการและประโยชน์ของหน่วยงานเป็นสำคัญ
3. จัดตั้งคณะทำงานเพื่อรวบรวมข้อมูลปัญหาอุปสรรครวมทั้งรับฟังความเห็นจากรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับ หลักเกณฑ์การปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 16 ซึ่งคณะทำงานประกอบด้วย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรมบัญชีกลางและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าว ต่อไป
4. เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปรับปรุงระบบฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้ผลิตสินค้าในประเทศและกิจการของคนไทย ให้ทันสมัยและสะดวกกับการสืบค้น ปรับปรุงมาตรฐานต่างๆ ให้เท่าเทียมกับสากล รวมถึงตรวจสอบมาตรฐานสินค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้แล้วไม่ให้มีมาตรฐานต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดและกำหนดระยะเวลาการให้มาตรฐาน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและโรงงาน ผู้ผลิตของภาคเอกชนมีความทันสมัยเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 มีนาคม 2553--จบ--