ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนธันวาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 3, 2010 14:45 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนธันวาคม 2552 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยสรุปดังนี้

จากการสำรวจราคาสินค้าและบริการทั่วประเทศจำนวน 417 รายการครอบคลุมหมวดอาหารและ เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า เคหสถาน การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล พาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร การบันเทิง การอ่าน การศึกษาและการศาสนา ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ เพื่อนำมาคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค ทั่วไป ได้ผลดังนี้

1. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนธันวาคม 2552

ในปี 2550 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ เท่ากับ 100 และเดือนธันวาคม 2552 เท่ากับ 105.7 (เดือน พฤศจิกายน 2552 คือ 105.8 )

2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนธันวาคม 2552 เมื่อเทียบกับ

             2.1  เดือนพฤศจิกายน     2552     ลดลงร้อยละ   0.1
             2.2  เดือนธันวาคม       2551     สูงขึ้นร้อยละ   3.5

2.3 เฉลี่ยทั้งปี 2552 เทียบกับเฉลี่ยทั้ง ปี 2551 ลดลงร้อยละ 0.9

3. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนธันวาคม 2552 เทียบกับ เดือนพฤศจิกายน 2552 ลดลงร้อยละ 0.1 (เดือนพฤศจิกายน 2552 สูงขึ้นร้อยละ 0.3) เป็นภาวะที่ราคาเริ่มทยอยปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยมีผลกระทบมาจากปัจจัยที่สำคัญ คือ ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยภายในประเทศที่ปรับลดลงตามภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง ประกอบกับราคาสินค้าในหมวดอาหารสดและสินค้าอุปโภคบางชนิดราคาเริ่มปรับตัวลดลง ได้แก่ ผักสด ไก่สด ปลาและสัตว์น้ำ เครื่องรับอุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์การบันเทิง ในขณะที่สินค้าที่มีราคาปรับตัว สูงขึ้น ได้แก่ ข้าว เนื้อสุกร ไข่ ผลไม้สด เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เครื่องประกอบอาหาร ค่าเช่าบ้าน วัสดุก่อสร้างและค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษ เป็นต้น

3.1 ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง (เดือนพฤศจิกายน 2552 โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง) เป็นดัชนีเฉลี่ยคงที่เป็นเดือนที่สอง สาเหตุสำคัญเป็นผลจากราคาอาหารหลายชนิดมีการปรับตัวทั้งสูงขึ้นและลดลง สำหรับสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ข้าว ร้อยละ 3.9 (ข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียว) เป็นผลจากนโยบายการประกันรายได้ของรัฐบาลและพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียจากเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในเขตภาคเหนือและภาคกลางทำให้ผลผลิตต่อไร่ลดลงและเป็นช่วงนอกฤดูกาลของข้าวสารเหนียว เนื้อสุกร ร้อยละ 0.3 ไข่ ร้อยละ 1.5 (ไข่ไก่ ไข่เป็ด) ผลไม้สด ร้อยละ 0.8 ได้แก่ มะม่วง แตงโม องุ่น ฝรั่งและชมพู่ เป็นต้น เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 0.3 (น้ำอัดลม น้ำผลไม้ น้ำดื่มบริสุทธิ์) เครื่องประกอบอาหาร ร้อยละ 0.2 (น้ำมันพืช น้ำปลา เครื่องปรุงรส) สำหรับสินค้าที่ราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ผักสด ร้อยละ 10.1 ได้แก่ ผักกาดขาว ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักชี ต้นหอม มะเขือเจ้าพระยา ขึ้นฉ่าย สภาพอากาศที่เย็นเอื้ออำนวยต่อพื้นที่เพาะปลูก ทำให้ผักสดหลายชนิดออกสู่ตลาดมาก ไก่สด ร้อยละ 0.4 ปลาและสัตว์น้ำ ร้อยละ 0.2 (ปลาช่อน ปลาดุก ปลานิล ปลาทับทิม) และผลไม้บางชนิด คือส้มเขียวหวาน และแอ๊ปเปิ้ล เป็นต้น

3.2 ดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.1 (เดือนพฤศจิกายน สูงขึ้นร้อยละ 0.4) สาเหตุสำคัญมาจากราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยภายในประเทศที่ปรับลดลงตามภาวะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศลดลง ร้อยละ 1.2 เครื่องรับโทรศัพท์มือถือ ร้อยละ 0.1 และอุปกรณ์การบันเทิง (เครื่องเล่นเทป- ดิสก์ จานรับสัญญาณดาวเทียม) สำหรับสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ ค่าเช่าบ้าน ร้อยละ 0.1 วัสดุ ก่อสร้าง ร้อยละ 0.2 (ปูนซีเมนต์ เหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี) และค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษ ร้อยละ 5.9 ซึ่งปรับขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2552

4. ถ้าพิจารณาดัชนีเทียบกับเดือนธันวาคม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 3.5 เป็นอัตราที่สูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม สาเหตุสำคัญมาจากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 2.2 เป็นผลกระทบจากดัชนีหมวด ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ร้อยละ 5.8 เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ร้อยละ 3.6 ไข่และผลิตภัณฑ์นม ร้อยละ 2.4 ผักและผลไม้ ร้อยละ 2.5 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 1.8 เครื่องประกอบอาหาร ร้อยละ 1.0 และอาหารสำเร็จรูป ร้อยละ 0.6 รวมทั้งผลกระทบจากดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร ร้อยละ 9.1 (ยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิง) หมวดเคหสถาน ร้อยละ 3.7 (ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา) หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ร้อยละ 0.9 (ค่ายาและ เวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาล ค่าของใช้ส่วนบุคคล) และหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ร้อยละ 13.6 (ผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์) อย่างไรก็ตามยังมีดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่ปรับลดลง คือ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ลดลงร้อยละ 3.4 และหมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษาและการศาสนาลดลง ร้อยละ 10.3

5. ถ้าพิจารณาดัชนีเฉลี่ยทั้งปี 2552 เทียบกับปี 2551 ลดลงร้อยละ 0.9 นับเป็นอัตราที่ ลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ปี 2551 สูงขึ้นร้อยละ 5.5) ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากในช่วงครึ่งปีแรกภาวะเศรษฐกิจมีการหดตัวอย่างมากเป็นผลจากวิกฤตเศรษฐกิจภายนอก นอกจากนี้ราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีแรกมีการปรับตัว ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันรัฐบาลยังออกมาตรการช่วยค่าครองชีพให้กับ ประชาชน 6 มาตรการพร้อมกับนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ มีผลให้ค่าครองชีพของประชาชนลดลงและเงินเฟ้อของประเทศติดลบอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความกังวลว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด สำหรับช่วงครึ่งปีหลังภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยอยปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับรัฐบาลได้ปรับลดการสนับสนุนมาตรการค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปารวมทั้งได้มีการปรับภาษีสรรสามิตสูงขึ้นและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลตามนโยบายโครงการไทยเข็มแข็ง ส่งผลกระทบให้อัตราเงินเฟ้อครึ่งปีหลังเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีราคาผู้บริโภคสำหรับหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 4.8

สำหรับสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ราคาอาหารสดในครึ่งแรกของปีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่มีผลกระทบจากปัจจัยภายนอก คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น ส่งผลให้ราคาอาหารสดและสินค้าอุปโภคอื่นๆหลายประเภทเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าว ผักและผลไม้ ไข่และผลิตภัณฑ์นม เครื่องประกอบอาหาร เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหารสำเร็จรูป มีผลให้ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 4.4

6. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ (คำนวณจากรายการสินค้าและบริการ 300 รายการ) คือ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศที่หักรายการสินค้ากลุ่มอาหารสด และกลุ่มพลังงานจำนวน 117 รายการ คิดเป็นประมาณร้อยละ 24 ของสัดส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนธันวาคม 2552 เท่ากับ 102.7 เมื่อเทียบกับ

6.1 เดือนพฤศจิกายน 2552 โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง

6.2 เดือนธันวาคม 2551 สูงขึ้นร้อยละ 0.2

6.3 เฉลี่ยทั้งปี 2552 เทียบกับเฉลี่ยทั้งปี 2551 สูงขึ้นร้อยละ 0.3

ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ เดือนธันวาคม 2552 เมื่อเทียบกับเดือน พฤศจิกายน 2552 โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง (เดือนพฤศจิกายน 2552 โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง ) เป็นดัชนีเฉลี่ยคงที่เป็นเดือนที่สอง สาเหตุสำคัญเนื่องจากราคาสินค้าหลายชนิดปรับตัวทั้งสูงขึ้นและลดลง โดยสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง ค่ายาและเวชภัณฑ์และสิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด ขณะที่สินค้าที่มีราคาลดลง คือ ค่าอุปกรณ์การบันเทิงและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์

7. ผลกระทบของการที่ภาวะเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติมี ดังนี้

7.1 ประชาชน

ค่าครองชีพของประชาชนในปี 2552 ยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก ถึงแม้ว่าราคาสินค้ากลุ่มอาหารโดยเฉลี่ยจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมากจากปีที่ผ่านมา ประกอบกับมาตรการช่วยค่าครองชีพของรัฐบาล (6 มาตรการ และค่าเล่าเรียน) ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนลดลง

ด้านการจับจ่ายใช้สอย จากการที่ภาวะเงินเฟ้อเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติจะทำให้ภาวะการจ้างงานเริ่มจะดีขึ้น มีผลให้ประชาชนเริ่มมีความรู้สึกมั่นใจในรายได้ของตนเองมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนกล้าที่จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

7.2 ผู้ผลิต

เมื่อดัชนีราคาผู้บริโภคเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติจะทำให้ผู้ผลิตมีแรงจูงใจที่ผลิตสินค้าเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการจ้างงานหรือเพิ่มชั่วโมงการทำงานมากขึ้น

7.3 รัฐบาล

การที่ดัชนีราคาผู้บริโภคและเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ชี้ให้เห็นการเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รัฐบาลควรถือโอกาสนี้ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลควรดูแลให้การเบิกจ่ายงบประมาณตามนโยบายไทยเข้มแข็งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างลื่นไหล ส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่สะดุดลงไป

7.4 ธนาคารแห่งประเทศไทย

ในช่วงจังหวะนี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับการเกื้อหนุนให้ภาวะเศรษฐกิจ มีการเติบโต คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะยังคงรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับนี้ไว้

เมื่อภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอย่างมั่นคงแล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงจะมีการปรับตัวอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจต่อไป และคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 อัตราดอกเบี้ยน่าจะคงที่

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 มีนาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ