ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 10, 2010 10:04 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 2/2553

คณะรัฐมนตรีรับทราบมติเกี่ยวกับข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในระยะต่อไป และแนวทางการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอ

ตามที่ คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ซึ่งมีนายพนัส สิมะเสถียร เป็นประธาน ได้มีการประชุมครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 14.00 — 16.00 น. ณ ห้องประชุม เดช สนิทวงศ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นั้น คณะกรรมการฯ มีมติดังนี้

1. เห็นชอบข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในระยะต่อไป ดังนี้

1.1 ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553 หน่วยงานราชการมีการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 จำนวน 82,227.36 ล้านบาท จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น 349,960.44 ล้านบาท อย่างไรก็ดี อาจมีเม็ดเงินที่ใช้จ่ายจริงสู่ระบบเศรษฐกิจในจำนวนน้อยกว่าวงเงินเบิกจ่ายดังกล่าว เนื่องจากมีโครงการที่เป็นการเพิ่มทุนให้แก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐรวมอยู่ด้วย อย่างไร ก็ตาม เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนและมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องไปถึงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2553 ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจดังกล่าวน่าจะเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก โดยการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนของแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

1.2 อย่างไรก็ตาม สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยดังกล่าวยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกทั้งในด้านการค้าระหว่างประเทศและภาวะเงินเฟ้อ ดังนั้น วงเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ที่ยังคงเหลือวงเงินเบิกจ่ายสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 300,000 ล้านบาท จึงยังคงมีความจำเป็นเพื่อรองรับความเสี่ยงจากปัจจัยดังกล่าว โดยรัฐบาลอาจพิจารณาปรับระยะเวลาการเบิกจ่ายให้ออกไปเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2553 มากขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2553 ในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วงดังกล่าว

1.3 นอกจากนี้ จากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ทำให้ความจำเป็นของการลงทุนในโครงการที่มีลักษณะเป็นโครงการขนาดเล็กและเบิกจ่ายได้เร็วลดลง เช่น โครงการถนนไร้ฝุ่น และโครงการแหล่งน้ำขนาดเล็ก เป็นต้น ดังนั้น การดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในระยะต่อไปในส่วนโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแต่ยังไม่ได้รับจัดสรรแหล่งเงิน จึงควรพิจารณาลงทุนในโครงการที่มีความจำเป็นในการวางรากฐานของประเทศในระยะยาวและมีความพร้อมในการดำเนินการ โดยอาจพิจารณาใช้แหล่งเงินลงทุนโครงการจากงบประมาณแผ่นดินและเงินกู้ตามกระบวนการปกติ เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะของโครงการและระยะเวลาดำเนินการของโครงการมากขึ้น

2. เห็นชอบแนวทางการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ดังนี้

2.1 โครงการประกันรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 โดยจะดำเนินการประเมินผลใน 3 ด้าน ได้แก่ (1) จำนวนผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ (2) อัตราการเพิ่มของภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บได้และการขยายตัวของการบริโภคภาคครัวเรือนในพื้นที่โครงการ และ (3) การลดลงของงบประมาณภาครัฐที่ใช้ในการเก็บรักษาพืชผลทางการเกษตรในคลังสินค้า

2.2 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองและโครงการเพิ่มทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจประจำปีงบประมาณ 2553 โดยประเมินผลในด้านการเพิ่มขึ้นของปริมาณสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ร่วมโครงการ

2.3 โครงการก่อสร้างถนนและโครงการแหล่งน้ำขนาดเล็ก ให้มีการสำรวจพื้นที่ภาคสนาม เพื่อรับทราบข้อมูลที่แท้จริงของการดำเนินโครงการ โดยให้ความสำคัญกับความต้องการของประชาชนเป็นหลัก ทั้งนี้ ให้ดำเนินการคัดเลือกพื้นที่ในการสำรวจภาคสนามจากการสุ่มคัดเลือกโครงการในระดับตำบลในสัดส่วนร้อยละ 10 จากจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มีนาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ