คณะรัฐมนตรีเห็นชอบกรอบแนวทางให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังให้ได้รับเงินชดเชยส่วนต่างราคาตามมติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง (วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553) เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากมาตรการประกันรายได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ตามที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ นโยบายมันสำปะหลังเสนอ
คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงการใช้สิทธิของเกษตรกร โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 2552/53 โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายโอฬาร พิทักษ์) เป็นประธาน เพื่อศึกษา ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับข้อร้องเรียนของเกษตรกรจังหวัดจันทบุรี กำแพงเพชร และจังหวัดอื่น ๆ รวมทั้งเสนอแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรให้คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังพิจารณา และคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 เห็นควรให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังจังหวัดจันทบุรี กำแพงเพชร และเกษตรกรจังหวัดอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยส่วนต่างราคา ได้รับสิทธิในการประกันรายได้ตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงในการใช้สิทธิของเกษตรกร ดังนี้
1. กรณีเกษตรกรที่ได้ทำสัญญากับ ธ.ก.ส. ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งไม่ทราบการเปลี่ยนแปลงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 ที่เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การใช้สิทธิของเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังจากเดิมที่ให้เกษตรกรใช้สิทธิได้หลังทำสัญญา 45 วัน เป็นสามารถใช้สิทธิได้ทันที โดยเกษตรกรที่ยังไม่รับเงินชดเชยส่วนต่าง สามารถรับเงินชดเชยตามประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงช่วงวันที่ 16 — 30 พฤศจิกายน 2552
2. กรณีเกษตรกรที่ทำสัญญากับ ธ.ก.ส. หลังวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 เป็นต้นไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 ที่ได้ขยายเวลาการทำสัญญาจากสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2552 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2552 ได้ขยายระยะเวลาการขึ้นทะเบียนเกษตรกรจากสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2552 พร้อมให้ขยายเวลาการทำสัญญาให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 มกราคม 2553 ทำให้ ธ.ก.ส. ทำสัญญาไม่ทัน เกษตรกรทั้งสองกลุ่มนี้จึงมีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงช่วงวันที่ 16 — 31 ธันวาคม 2552 แต่ช่วงเวลาดังกล่าวเกณฑ์กลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกัน เกษตรกรจึงไม่ได้รับเงินชดเชยส่วนต่างแต่อย่างใด ดังนั้น จึงเห็นควรให้เกษตรกรได้รับเงินชดเชยตามประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงช่วงวันที่ 1 — 15 ธันวาคม 2552 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายที่เกษตรกรจะได้รับเงินชดเชยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกรเพราะเป็นช่วงขยายเวลาการทำสัญญา
3. กรณีเกษตรกรจังหวัดจันทบุรี และเกษตรกรจังหวัดกำแพงเพชร สามารถใช้สิทธิตามข้อร้องเรียนในข้อ 1 และ 2 ตามลำดับ
เนื่องจากโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง กำหนดให้เกษตรกรสามารถใช้สิทธิรับเงินชดเชยส่วนต่างได้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ซึ่งหากเกษตรกรรายใดไม่มีความประสงค์จะใช้สิทธิรับเงินชดเชยตามประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิงในช่วงวันที่ 1 — 15 ธันวาคม 2552 แต่มีความประสงค์ที่จะเลือกใช้สิทธิในช่วงอื่นที่ยังไม่ได้มีการประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิง ขอให้เกษตรกรไปแจ้งความประสงค์เลือกวันขอใช้สิทธิได้ที่ ธ.ก.ส. สาขาที่เกษตรกรได้ทำสัญญาไว้ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553
ข้อเท็จจริง
ข้อร้องเรียน
1. เกษตรกรจังหวัดจันทบุรีที่ได้ทำสัญญากับ ธ.ก.ส. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 ที่ให้เกษตรกรใช้สิทธิได้หลังจากวันทำสัญญา 45 วัน และไม่ทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 เนื่องจากการประชาสัมพันธ์ไม่สามารถทำได้ทั่วถึงจึงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิในช่วงวันที่ 16 — 31 ธันวาคม 2552 (ซึ่งไม่มีอัตราชดเชยส่วนต่างรายได้) สามารถใช้สิทธิได้ในระหว่างวันที่ 16 — 30 พฤศจิกายน 2552
2. เกษตรกรจังหวัดกำแพงเพชรขอให้ได้รับสิทธิและโอกาสการประกันรายได้ที่ทัดเทียมกับข้าวตามมติ
คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 ซึ่งอนุโลมให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ทำสัญญากับ ธ.ก.ส. ในช่วงวันที่ 16 — 30 ธันวาคม 2552 (ซึ่งไม่มีอัตราชดเชยส่วนต่างรายได้) สามารถใช้สิทธิรับเงินชดเชยรายได้จากเกณฑ์กลางอ้างอิงตามประกาศคณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงฯ ในช่วงวันที่ 1 — 15 ธันวาคม 2552
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มีนาคม 2553--จบ--