คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการเยือนระหว่างกันของคนชาติไทยแห่งราชอาณาจักรไทยและคนชาติรัสเซียแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ ได้ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ
กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2548 และได้พบปะหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำทั้งสองได้ตกลงที่จะจัดทำความตกลงเพื่อยกเว้นการตรวจลงตรา สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาระหว่างไทยกับรัสเซีย และให้มีการลงนามความตกลงดังกล่าวในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน — รัสเซีย ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2548
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2548 คือ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และได้ประชุมเจรจาความตกลงฯ กับฝ่ายรัสเซียในวันเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ทุกข้อบทของความตกลงฯ สรุปสาระสำคัญของความตกลงฯ ดังนี้
1. คนชาติของรัฐภาคีฝ่ายหนึ่ง ซึ่งถือหนังสือเดินทางที่ยังมีอายุใช้ได้ นอกเหนือจากหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ ซึ่งได้รับสิทธิที่จะเดินทางข้ามแดน สามารถเดินทางเข้า และพำนักอยู่ในดินแดนของรัฐของ คู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นระยะเวลาไม่เกินสามสิบวัน และการเดินทางออกจากดินแดนดังกล่าว
2. ให้คนชาติของรัฐคู่ภาคีฝ่ายหนึ่งเคารพกฎหมาย และกฎข้อบังคับของรัฐแห่งนี้ รวมทั้งข้อกำหนด กฎเกณฑ์ด้านศุลกากร และการตรวจคนเข้าเมือง หลักฐานการเงินที่สนับสนุนการเดินทาง ขั้นตอนการลงทะเบียน การเคลื่อนย้าย และการต่อระยะเวลาในการพำนัก ทั้งนี้ ในระหว่างพำนักอยู่ในดินแดนของรัฐภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง
3. ความตกลงนี้ จะไม่จำกัดสิทธิของหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐคู่ภาคีแต่ละฝ่าย ที่จะปฏิเสธการเดินทางเข้า หรือยกเลิกการพำนัก ของคนชาติของรัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ ความสงบเรียบร้อย และสุขอนามัย
4. หากคนชาติของรัฐคู่ภาคีฝ่ายหนึ่ง อยู่ในสถานะที่ไม่สามารถเดินทางออกจากดินแดนของรัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ (30 วัน) เนื่องจากสถานการณ์พิเศษต่าง ๆ เช่น การเจ็บป่วย หรือภัยพิบัติ เป็นต้น และมีเอกสารหลักฐานสนับสนุนสถานการณ์เช่นว่านั้น บุคคลดังกล่าวอาจขออนุญาตอยู่ต่อในดินแดนของรัฐนี้ได้ในระยะเวลาที่เหมาะสมเท่าที่จำเป็นเพื่อเดินทางกลับรัฐที่ตนมีสัญชาติ ทั้งนี้ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของรัฐที่ตนเดินทางเข้าไป
5. ความตกลงนี้ จะมีผลบังคับสามสิบวัน นับตั้งแต่วันที่คู่ภาคีฝ่ายที่ได้แจ้งทีหลัง ผ่านช่องทางทางการทูต ว่า ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนภายในที่จำเป็นของตน เพื่อให้ความตกลงมีผลบังคับใช้แล้ว
กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่า สหพันธรัฐรัสเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในยุโรปกลาง ตะวันออก และเครือรัฐเอกราช และเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของไทยในกลุ่มประเทศสมาชิกถาวรคณะมนตรี ความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางมาประเทศไทยประมาณหนึ่งแสนคนต่อปี การจัดทำความตกลงเพื่อยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาไทย-รัสเซีย จะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ในระดับประชาชนให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อันจะนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยอีกทางหนึ่งด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 ธันวาคม 2548--จบ--
กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2548 และได้พบปะหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำทั้งสองได้ตกลงที่จะจัดทำความตกลงเพื่อยกเว้นการตรวจลงตรา สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาระหว่างไทยกับรัสเซีย และให้มีการลงนามความตกลงดังกล่าวในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน — รัสเซีย ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2548
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2548 คือ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และได้ประชุมเจรจาความตกลงฯ กับฝ่ายรัสเซียในวันเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ทุกข้อบทของความตกลงฯ สรุปสาระสำคัญของความตกลงฯ ดังนี้
1. คนชาติของรัฐภาคีฝ่ายหนึ่ง ซึ่งถือหนังสือเดินทางที่ยังมีอายุใช้ได้ นอกเหนือจากหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ ซึ่งได้รับสิทธิที่จะเดินทางข้ามแดน สามารถเดินทางเข้า และพำนักอยู่ในดินแดนของรัฐของ คู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นระยะเวลาไม่เกินสามสิบวัน และการเดินทางออกจากดินแดนดังกล่าว
2. ให้คนชาติของรัฐคู่ภาคีฝ่ายหนึ่งเคารพกฎหมาย และกฎข้อบังคับของรัฐแห่งนี้ รวมทั้งข้อกำหนด กฎเกณฑ์ด้านศุลกากร และการตรวจคนเข้าเมือง หลักฐานการเงินที่สนับสนุนการเดินทาง ขั้นตอนการลงทะเบียน การเคลื่อนย้าย และการต่อระยะเวลาในการพำนัก ทั้งนี้ ในระหว่างพำนักอยู่ในดินแดนของรัฐภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง
3. ความตกลงนี้ จะไม่จำกัดสิทธิของหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐคู่ภาคีแต่ละฝ่าย ที่จะปฏิเสธการเดินทางเข้า หรือยกเลิกการพำนัก ของคนชาติของรัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ ความสงบเรียบร้อย และสุขอนามัย
4. หากคนชาติของรัฐคู่ภาคีฝ่ายหนึ่ง อยู่ในสถานะที่ไม่สามารถเดินทางออกจากดินแดนของรัฐคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ (30 วัน) เนื่องจากสถานการณ์พิเศษต่าง ๆ เช่น การเจ็บป่วย หรือภัยพิบัติ เป็นต้น และมีเอกสารหลักฐานสนับสนุนสถานการณ์เช่นว่านั้น บุคคลดังกล่าวอาจขออนุญาตอยู่ต่อในดินแดนของรัฐนี้ได้ในระยะเวลาที่เหมาะสมเท่าที่จำเป็นเพื่อเดินทางกลับรัฐที่ตนมีสัญชาติ ทั้งนี้ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของรัฐที่ตนเดินทางเข้าไป
5. ความตกลงนี้ จะมีผลบังคับสามสิบวัน นับตั้งแต่วันที่คู่ภาคีฝ่ายที่ได้แจ้งทีหลัง ผ่านช่องทางทางการทูต ว่า ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนภายในที่จำเป็นของตน เพื่อให้ความตกลงมีผลบังคับใช้แล้ว
กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่า สหพันธรัฐรัสเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในยุโรปกลาง ตะวันออก และเครือรัฐเอกราช และเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของไทยในกลุ่มประเทศสมาชิกถาวรคณะมนตรี ความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางมาประเทศไทยประมาณหนึ่งแสนคนต่อปี การจัดทำความตกลงเพื่อยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาไทย-รัสเซีย จะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ในระดับประชาชนให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อันจะนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยอีกทางหนึ่งด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 ธันวาคม 2548--จบ--