คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณาศึกษากรณีการหายตัวไปของ นายสมชาย นีละไพจิตร ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานว่า ได้ดำเนินการส่งรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทราบและเป็นข้อพึงระมัดระวังในการปฏิบัติงาน ต่อไปแล้ว
2. สำนักงานอัยการสูงสุดรายงานว่า พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้อง พันตำรวจตรี เงิน ทองสุก กับพวก รวม 5 คน ต่อศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ 1952/2547 ฐานความผิด ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะและข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด จำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นและจำยอม ต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป โดยมีการสืบพยานโจทก์ไปแล้ว 8 ปาก ซึ่งปัจจุบันศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว
3. สำนักงานศาลยุติธรรม ได้รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตคณะกรรมาธิการฯ ดังนี้
3.1 กระบวนการไต่สวนในชั้นการฝากขัง ศาลต้องพิจารณาตามมาตรา 87 วรรค 3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งในคดีนี้ศาลได้เรียกสำนวนการสอบสวนมาพิจารณาประกอบก่อนมีคำสั่ง ถือว่าศาลใช้ดุลพินิจชอบด้วยความเป็นธรรมแล้ว
3.2 การพิจารณาของศาลเกี่ยวกับกระบวนการสอบสวนหรือจับกุมหรือการควบคุมตัวนั้น ศาลต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
3.3 กรณีผู้ต้องหา 5 คน ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำร้ายร่างกายให้รับสารภาพ ทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งส่งผู้ต้องหาไปตรวจร่างกาย แต่ศาลมิได้ดำเนินการ โดยแนะนำให้ไปดำเนินการในเรือนจำและคืนคำร้อง เมื่อตรวจสอบแล้วไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามข้อเสนอแนะในรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญในกรณีดังกล่าว และจากการตรวจสอบในสำนวนคดีอาญาของศาลอาญา ไม่พบหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและบันทึกเรื่องที่ผู้ต้องหาทั้งห้าอ้างว่าถูกทำร้ายไว้ในรายงานกระบวนการพิจารณา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 มีนาคม 2549--จบ--
1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานว่า ได้ดำเนินการส่งรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทราบและเป็นข้อพึงระมัดระวังในการปฏิบัติงาน ต่อไปแล้ว
2. สำนักงานอัยการสูงสุดรายงานว่า พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้อง พันตำรวจตรี เงิน ทองสุก กับพวก รวม 5 คน ต่อศาลอาญา คดีหมายเลขดำที่ 1952/2547 ฐานความผิด ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะและข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด จำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นและจำยอม ต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป โดยมีการสืบพยานโจทก์ไปแล้ว 8 ปาก ซึ่งปัจจุบันศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว
3. สำนักงานศาลยุติธรรม ได้รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตคณะกรรมาธิการฯ ดังนี้
3.1 กระบวนการไต่สวนในชั้นการฝากขัง ศาลต้องพิจารณาตามมาตรา 87 วรรค 3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งในคดีนี้ศาลได้เรียกสำนวนการสอบสวนมาพิจารณาประกอบก่อนมีคำสั่ง ถือว่าศาลใช้ดุลพินิจชอบด้วยความเป็นธรรมแล้ว
3.2 การพิจารณาของศาลเกี่ยวกับกระบวนการสอบสวนหรือจับกุมหรือการควบคุมตัวนั้น ศาลต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
3.3 กรณีผู้ต้องหา 5 คน ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำร้ายร่างกายให้รับสารภาพ ทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งส่งผู้ต้องหาไปตรวจร่างกาย แต่ศาลมิได้ดำเนินการ โดยแนะนำให้ไปดำเนินการในเรือนจำและคืนคำร้อง เมื่อตรวจสอบแล้วไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามข้อเสนอแนะในรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญในกรณีดังกล่าว และจากการตรวจสอบในสำนวนคดีอาญาของศาลอาญา ไม่พบหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและบันทึกเรื่องที่ผู้ต้องหาทั้งห้าอ้างว่าถูกทำร้ายไว้ในรายงานกระบวนการพิจารณา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 มีนาคม 2549--จบ--