คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยสำนักโฆษก รายงานผลการจัด
โครงการสัมมนา “สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล” ครั้งที่ 1 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน
ประเด็นปัญหาที่สื่อมวลชนท้องถิ่นภาคตะวันออกได้นำเสนอในการสัมมนา ไปพิจารณาดำเนินการให้เกิด
ประโยชน์ต่อประชาชนในท้องถิ่น รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูล
ข่าวสารการดำเนินงานของรัฐบาลให้สื่อมวลชนได้รับทราบอย่างถูกต้องชัดเจนและทั่วถึง เพื่อถ่ายทอดให้
ประชาชนทราบและเกิดความเข้าใจต่อไป
สำนักโฆษกรายงานว่า
1. สำนักโฆษกและกรมประชาสัมพันธ์ได้ร่วมกันจัดสัมมนา “สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล”
ครั้งที่ 1 เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2548 ณ จังหวัดชลบุรี โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) เป็นประธานการสัมมนาและชี้แจงสร้างความเข้าใจในนโยบายและการบริหารงาน
ของรัฐบาลแก่สื่อมวลชนท้องถิ่น ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก 8 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ระยอง
ตราด ชลบุรี สระแก้ว นครนายก ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา และได้รับความร่วมมือจากโฆษกกระทรวง
ผู้ปฏิบัติงานด้านประชาสัมพันธ์ของกระทรวง รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้า
ร่วมสัมมนาเพื่อร่วมชี้แจงและสร้างความเข้าใจในนโยบายของรัฐบาล
2. ผลการจัดสัมมนา
การจัดสัมมนาภาคเช้า คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอโครงการต่าง ๆ
ของรัฐบาล ที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาภาคตะวันออก ให้สื่อมวลชนท้องถิ่นได้รับทราบ ต่อจากนั้น เป็นการสัมมนา
กลุ่มย่อยเรื่อง การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนท้องถิ่น เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหาแนวทางให้
สื่อมวลชนท้องถิ่นสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐได้มากขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากผลการสำรวจความคิดเห็น
ของสื่อมวลชนท้องถิ่นที่ได้จากการจัดสัมมนาในปีงบประมาณ 2547 ทำให้ทราบว่า ........ สื่อมวลชนท้องถิ่น
ขาดข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐ ทำให้การสื่อสารและสร้างความเข้าใจกับประชาชนขาดประสิทธิภาพ ซึ่งผลจาก
การสัมมนากลุ่มย่อยในครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคที่ทำให้สื่อมวลชนท้องถิ่นไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
ของภาครัฐได้ รวมทั้งข้อเสนอแนะและแนวทางต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. ข้อมูลในเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการไม่ทันสมัยและไม่มีข้อมูลในเชิงลึก
2. ภาครัฐไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสื่อท้องถิ่น ตามพ.ร.บ. ข้อมูล
ข่าวสาร
3. ต้องการให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับสื่อท้องถิ่นโดยในการให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อนำเสนอข่าว
4. ต้องการให้หน่วยงานราชการในระดับท้องถิ่น สามารถให้ข้อมูลกับสื่อท้องถิ่นได้โดยตรง
5. ควรกำหนดเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานที่มีอำนาจในการให้ข้อมูลข่าวสารต่อ
สื่อมวลชนท้องถิ่นให้ชัดเจน
6. ต้องการให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารของภาครัฐสู่ประชาชน โดยเน้นการสื่อสารและ
รับฟังปัญหาและข้อคิดเห็นของประชาชนโดยตรง
7. ต้องการให้คณะรัฐมนตรีหรือหน่วยงานราชการจัดประชุมตามภูมิภาค และพบปะพูดคุยกับ
สื่อมวลชนท้องถิ่นเพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่ทุกเดือน รวมทั้งยังต้องการให้มีโครงการผู้ว่าราชการจังหวัดพบสื่อมวลชน
เป็นประจำทุกเดือนเหมือนเช่นเดิม
8. ขอให้หน่วยงานระดับจังหวัดมีการสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในลักษณะเดียวกับการ
สัมมนาในวันนี้
9. ต้องการให้รัฐสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและความรู้ และให้สื่อรักษาจรรยาบรรณ
10. ควรให้ความสำคัญกับสื่อประเภทวิทยุชุมชน รวมถึงการอนุโลมเรื่องคลื่นความถี่ในพื้นที่สูง
11. ขอให้หน่วยงานของรัฐช่วยเหลือด้านสวัสดิการ ความปลอดภัยและงบประมาณประชาสัมพันธ์
การสัมมนาภาคบ่าย นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานการ
สัมมนา ได้ชี้แจงนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล และตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนท้องถิ่น โดยมีโฆษก
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกกระทรวงต่าง ๆ ร่วมตอบข้อซักถาม ซึ่งสรุปประเด็นคำถามและข้อเสนอแนะ
ของสื่อมวลชนได้ ดังนี้
จังหวัด คำถาม/ข้อคิดเห็น คำตอบ/ชี้แจง
ปราจีนบุรี 1.ปัญหาน้ำ ขอให้ช่วยแก้ปัญหาน้ำอุปโภค 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
บริโภค น้ำเค็มหนุน น้ำเนาเสีย และ ปัญหาน้ำเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ รัฐบาล
ขอทราบความคืบหน้าโครงการก่อสร้าง ให้ความสำคัญในการจัดการน้ำทิ้งระบบทั่ว
อ่างเก็บน้ำในลุ่มน้ำบางปะกง ประเทศ 25 ลุ่มน้ำสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรี
ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไป
ทบทวนการจัดลำดับความสำคัญว่าส่วนไหน
จุดไหนที่จะสามารถแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้น
และระยะยาวได้เป็นหลักสำคัญ ซึ่งจะทยอย
ทำเป็นลำดับต่อไป สำหรับงบประมาณในการ
ดำเนินการโครงการนี้มีรวมประมาณ 2 แสน
ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี
โดยงบประมาณปี พ.ศ.2549 จะจัดสรรให้
โครงการ 36,000 ล้านบาท ส่วนการแก้
ปัญหาลุ่มน้ำบางปะกงนั้น จะรับเรื่องนี้ไว้เพื่อ
จะนำเรียนและหารือต่อที่ประชุมการพิจารณา
งบประมาณในรอบหน้า
นางรัชนี เอมะรุจิ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริม
การมีส่วนร่วมของประชาชน (แทนโฆษก
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
ชี้แจง
สำหรับการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบคาดว่า
ในปีงบประมาณ พ.ศ.2549 จะมีโครงการ
นำร่องใน 3 ลุ่มน้ำสำคัญ คือ ลุ่มน้ำบางปะกง
ลุ่มน้ำปิง และลุ่มน้ำมูล ซึ่งคาดว่าปัญหาใน
ลุ่มน้ำดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขโดยเร็ว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ตามที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือ
ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาลุ่มน้ำทั้ง
ระบบที่ประชุมได้กำหนดให้ลุ่มน้ำบางปะกงเป็น
1 ใน 3 ลุ่มน้ำโครงการนำร่อง นอกจากนี้ที่
ประชุมยังได้นำปัญหาน้ำเค็มหนุนเข้ารือด้วย
โดยเบื้องต้นทราบว่าจะมีการย้ายสถานที่
ดำเนินโครงการ เพราะสถานที่ตั้งเดิมมี
ความสามารถในการกักเก็บน้ำได้น้อย
2.การคมนาคมภายในจังหวัด อยากให้ 2.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ช่วยพัฒนาและขยายถนนสายหลักใน ปัญหาถนนจะรับไว้และประสานข้อมูลให้
จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อให้สอดคล้อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป
กับถนนสายหลักของจังหวัดรอบข้าง
และสามารถรองรับกับการพัฒนาเขต
อุตสาหกรรมในจังหวัด
ฉะเชิงเทรา 1.ปัญหาน้ำขอความสนับสนุนการสร้าง 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
เหมืองฝายน้ำในที่นาเกษตรกร รัฐบาลให้ความสำคัญในการบริหาร
จัดการน้ำทั้งระบบ และให้การสนับสนุน
การทดลองเหมืองฝายมาโดยตลอด แต่การที่
จะปล่อยให้ทุกคนทำเหมืองฝายของตัวเอง
ก็อาจจะเกิดปัญหาต่างฝ่ายต่างทำ ทำให้การ
ใช้น้ำกระจายไม่ทั่วถึง เพราะแต่ละคนมี
ความสามารถในการกักเก็บน้ำไม่เท่าเทียมกัน
ตราด 1.การพัฒนาเกาะช้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ระดับโลกมีปัญหาการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน นโยบายพัฒนาเกาะช้างเป็นแหล่ง
การละเมิดสิทธิมนุษยชน ผลกระทบ ท่องเที่ยวระดับโลกนี้เป็นนโยบายที่ดี แต่
สิ่งแวดล้อมฯลฯ ขอให้ทบทวนการทำงาน อาจจะมีปัญหาการปฏิบัติบ้าง ส่วนการปัญหา
ขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ การพิสูจน์สิทธิที่ดิน ผู้ว่าราชการจังหวัดคง
เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหรืออพท. ดำเนินการแก้ไขอยู่
นายบุญช่วย เกิดสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด
ตราด ชี้แจง
นโยบายพัฒนาเกาะช้างเป็นนโยบายที่
ถูกต้อง แต่ในทางปฏิบัติอาจมีปัญหาเพราะ
โครงการต่างๆ อาจไม่สอดคล้องกับแผน
นโยบาย และมีปัญหาการประสานงานของ
หน่วยงานในพื้นที่บ้าง จึงขอเรียนฝากท่าน
รัฐมนตรีฯ ช่วยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้ประสานการทำงาน เป็นระบบสอดคล้อง
ไปในทิศทางเดียวกัน และบูรณาการระบบ
การทำงานของหน่วยงานนั้นให้เป็นเอกภาพ
มากยิ่งขึ้น
ระยอง 1.ปัญหาการศึกษา ตามที่รัฐมีนโยบาย 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
สนับสนุนให้นักเรียนเรียนฟรี 12 ปีนั้น ปัญหาการศึกษา รัฐบาลกำลังดำเนินการ
พบว่ามีโรงเรียนบางแห่งเก็บเงิน แก้ไขอยู่ส่วนปัญหาครูส่วนหนึ่งเป็นปัญหาเชิง
ค่าเล่าเรียนของนักเรียน และขอให้ โครงสร้างซึ่งจะต้องอาศัยระยะเวลาในการ
รัฐบาลส่งเสริมการพัฒนาสติปัญญาของ แก้ไข สำหรับการปฏิรูปการศึกษาทุกคนต้อง
เด็กและปลูกฝังคุณธรรมแก่เด็กนักเรียน ช่วยกัน นอกจากนี้ขณะนี้รัฐบาลเองกำลัง
นักศึกษา พร้อมให้ความดูแลครูโดยการ ขยายการปฏิรูปการศึกษาในรูปแบบการสร้าง
ปรับเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการของครู องค์กร มหาชนที่นอกเหนือจากหน่วยงานหลัก
เช่น การสร้างอุทยานการเรียนรู้
2.ปัญหาด้านสาธารณสุข
2.1 โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค 2.1 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ส่วนหนึ่งก่อให้เกิดปัญหาขาดแคลน ปัญหาขาดแคลนหมอส่วนหนึ่งเป็นปัญหา
จึงต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญ ที่เกิดจากคนที่เป็นหมอเอง เพราะหมอมี
ในการแก้ไขปัญหานี้ ทั้งที่ดีและไม่ดี ส่วนปัญหาโครงการ 30
บาทรักษาทุกโรคกำลังมีการแก้ไข โดยปรับ
เพิ่มอัตราค่าใช้จ่ายค่ารักษาต่อคนต่อหัว
ซึ่งคงจะช่วยแก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่ง
ทพญ.นัยนา แพร่ศรีสกุล ผู้อำนวยการกลุ่ม
สารนิเทศ (แทนโฆษกกระทรวงสาธารณสุข)
ชี้แจง
ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เปลี่ยน
แปลงชื่อโครงการจากโครงการ 30 บาท
รักษาทุกโรคเป็นโครงการ 30 บาทห่างไกล
ทุกโรค และยอมรับว่าที่ผ่านมาโครงการ
ประสบปัยหาเงินทุนสนับสนุนไม่เพียงพอ แต่
ทราบว่าขณะนี้รัฐบาลได้ให้เงินสำหรับ
โครงการเพิ่มขึ้นแล้ว เชื่อว่าจะสามารถ
ทำให้มีการรักษาดีขึ้นและเพียงพอสำหรับ
การรักษาทุกๆ โรค
2.2 ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชี 2.2 ทพญ.นัยนา แพร่ศรีสกุล ผู้อำนวยการ กลุ่ม
ยานอกบัญชียาหลักของโครงการ สารนิเทศ ชี้แจง
30 บาทรักษาทุกโรค โครงการได้ให้การรักษากับทุกคนใน
ส่วนของการรักษาในบัญชียาหลักอย่าง
เท่าเทียมกัน ส่วนบัญชียานอกบัญชีหลักจะมี
การจ่ายยาในส่วนนี้เฉพาะในกรณีที่ยาใน
บัญชียาหลักไม่เพียงพอแก่การรักษา จึงต้อง
อาศัยยาอื่นๆ
สระแก้ว 1.ต้องการมีคลื่นวิทยุของตนเอง เป็นวิทยุ 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ภาคเอกชนขนาดเล็ก โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว
แต่การกำหนดคลื่นความถี่ไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล
เป็นอำนาจของกสช. และกทช. อย่างไรก็ตาม
รัฐบาลมีความพยายามเต็มที่ในการแก้ปัญหาใน
ช่วงที่ยังไม่มีการตั้ง กสช. โดยการสร้างพื้นที่
เพื่อให้ผู้ที่ต้องการคลื่นวิทยุชุมชนมาหารือและ
วางกรอบการแก้ปัญหาร่วมกัน
2.วิทยุชุมชนมีปัญหาคลื่นวิทยุชุมชนรบกวน 2.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมตรี ชี้แจง
กันเองและรบกวนคลื่นวิทยุอื่น โดยหลักการวิทยุชุมชนเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์
แต่ในทางปฏิบัติอาจมีปัญหาวิทยุชุมชนบางแห่ง
ดำเนินการเพื่อประโยชน์เฉพาะของคนบางกลุ่ม
หรือบางแห่งส่งสัญญาณคลื่นวิทยุรบกวนวิทยุอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เข้ามาดูแลและแก้ไข
ปัญหาในเบื้องต้นแล้ว
ชลบุรี 1.ขอทราบว่ารัฐบาลมีนโยบายในการ 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
พัฒนาสื่อภาคภาษาอังกฤษทั้งในส่วน จะรับเรื่องนี้ไว้และพยายามพัฒนาสื่อภาค
กลางและภูมิภาคอย่างไรบ้าง ภาษาอังกฤษต่อไป โดยในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์
โดยโทรทัศน์ช่อง 11 นั้น กำลังพยายามปรับปรุง
การนำเสนอข่าว และมีการนำเสนอรายงานข่าว
ภาคภาษาอังกฤษ รวมถึงศึกษาแนวทางปรับปรุง
การรับชมรายการโดยให้ผู้ชมสามารถปรับเปลี่ยน
รายการภาคภาษาไทยเป็นภาคภาษาอังกฤษได้
พร้อมสั่งให้จัดทำข้อความเคลื่อนที่บนจอโทรทัศน์
เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นการเสนอข่าวสาร
ภาษาต่างประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
2.อยากให้หน่วยงานราชการและ 2.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ภาครัฐต่างๆ ปรับปรุงเว็บไซต์ให้ นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายชัดเจนที่จะให้
ข้อมูลทันสมัย และจัดให้มีข้อมูล หน่วยงานราชการต่างๆ เผยแพร่ข้อมูลในเชิงรุก
ทันสมัย และจัดให้มีข้อมูลภาคภาษา มากขึ้น โดยให้หน่วยงานราชการเปิดข้อมูลที่
อังกฤษ ไม่มีลักษณะเป็นความลับของทางราชการ
หน่วยงานนั้นจะต้องเปิดทั้งหมด ส่วนเว็บไซต์
หน่วยงานราชการต่างๆ เห็นด้วยว่าต่อไปคง
ต้องพัฒนาเพิ่มขึ้น
3.ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนทุน 3.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ช่วยเหลือสื่อท้องถิ่น โดยเฉพาะสื่อ สำหรับปัญหาต้นทุนการผลิตสื่อประเภท
ประเภทหนังสือพิมพ์ หนังสือเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสนใจพิจารณา
อยู่ โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในเรื่องนี้
มาก ท่านต้องการสนับสนุนให้คนรักการอ่าน
สำหรับการสนับสนุนเงินทุนนั้น รัฐบาลกำลัง
พิจารณาในเรื่องการปรับลดภาษีกระดาษอยู่
แต่การให้เงินทุนสนับสนุนเป็นการเฉพาะนั้น
คงให้การสนับสนุนไม่ได้
ในประเด็นข้อซักถามของสื่อมวลชนท้องถิ่นดังกล่าว นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำ
สำนักนายกรัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้แทนกระทรวงได้ตอบคำถาม
และชี้แจงข้อสงสัยเกือบทุกประเด็นคำถามแล้ว มีเพียงบางปัญหาหรือข้อเสนอแนะของสื่อมวลชนท้องถิ่นที่รัฐมนตรี
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรับที่จะนำมาพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ การสัมมนาในภาคบ่าย กรมประชาสัมพันธ์ได้ถ่ายทอดสดให้ประชาชนในเขตพื้นที่ได้รับฟังและ
รับชมทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 เพื่อให้
ประชาชนมีส่วนร่วมในการสัมมนาครั้งนี้ด้วย
3. การประเมินผลการสัมมนา
3.1 ผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งสิ้น จำนวน 329 คน แบ่งเป็นสื่อมวลชนท้องถิ่น 143 คน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกกระทรวง 18 คน ผู้ปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ของกระทรวง 16 คน
ผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัด 7 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 4 คน กรมประชาสัมพันธ์
51 คน สำนักโฆษก 24 คน และผู้ติดตามและผู้สังเกตการณ์ 66 คน
3.2 การสำรวจความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการจัดสัมมนา จากการสำรวจโดยให้สื่อมวลชน
ท้องถิ่นตอบแบบสอบถาม พบว่า
— ความเห็นต่อการสัมมนา สื่อมวลชนส่วนใหญ่เห็นว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการสัมมนา
มากที่สุดคือ สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและซักถามข้อข้องใจที่มีต่อนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล
รองลงมาคือ ได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล
— ความเห็นต่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนท้องถิ่น สื่อมวลชนส่วนใหญ่
เห็นว่า ปัจจัยที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารมากที่สุดคือ การขาดความเข้าใจต่อนโยบาย
และการบริหารงานของรัฐบาล และเห็นว่าปัจจัยที่จะทำให้สื่อมวลชนท้องถิ่นจะสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของ
ภาครัฐได้มากที่สุดคือ การได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งต้องมีความสัมพันธ์อันดีระหว่าง
หน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐกับสื่อมวลชนท้องถิ่น
3.3 ข้อเสนอแนะของสื่อมวลชน สื่อมวลชนท้องถิ่นมีความเห็นว่าการจัดสัมมนาถือว่าเป็น
โอกาสที่ดีมากสำหรับสื่อทุกแขนงที่จะนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ไปสู่รัฐบาลเพื่อความเข้าใจอันดีทั้งสองฝ่ายและเห็นควร
มีการจัดสัมมนาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน โดย
ควรจัดสัมมนาอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ ควรให้เวลาสื่อมวลชนท้องถิ่นซักถามและแลกเปลี่ยน
ข้อคิดเห็นกับรัฐบาลมากกว่านี้ รวมทั้งควรมีการติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตาม
ที่สื่อมวลชนท้องถิ่นได้เสนอข้อคิดเห็น และแจ้งผลให้สื่อมวลชนท้องถิ่นและประชาชนได้รับทราบ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 กรกฎาคม 2548--จบ--
โครงการสัมมนา “สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล” ครั้งที่ 1 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน
ประเด็นปัญหาที่สื่อมวลชนท้องถิ่นภาคตะวันออกได้นำเสนอในการสัมมนา ไปพิจารณาดำเนินการให้เกิด
ประโยชน์ต่อประชาชนในท้องถิ่น รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูล
ข่าวสารการดำเนินงานของรัฐบาลให้สื่อมวลชนได้รับทราบอย่างถูกต้องชัดเจนและทั่วถึง เพื่อถ่ายทอดให้
ประชาชนทราบและเกิดความเข้าใจต่อไป
สำนักโฆษกรายงานว่า
1. สำนักโฆษกและกรมประชาสัมพันธ์ได้ร่วมกันจัดสัมมนา “สื่อท้องถิ่นกับนโยบายรัฐบาล”
ครั้งที่ 1 เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2548 ณ จังหวัดชลบุรี โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) เป็นประธานการสัมมนาและชี้แจงสร้างความเข้าใจในนโยบายและการบริหารงาน
ของรัฐบาลแก่สื่อมวลชนท้องถิ่น ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก 8 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ระยอง
ตราด ชลบุรี สระแก้ว นครนายก ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา และได้รับความร่วมมือจากโฆษกกระทรวง
ผู้ปฏิบัติงานด้านประชาสัมพันธ์ของกระทรวง รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้า
ร่วมสัมมนาเพื่อร่วมชี้แจงและสร้างความเข้าใจในนโยบายของรัฐบาล
2. ผลการจัดสัมมนา
การจัดสัมมนาภาคเช้า คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอโครงการต่าง ๆ
ของรัฐบาล ที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาภาคตะวันออก ให้สื่อมวลชนท้องถิ่นได้รับทราบ ต่อจากนั้น เป็นการสัมมนา
กลุ่มย่อยเรื่อง การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนท้องถิ่น เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหาแนวทางให้
สื่อมวลชนท้องถิ่นสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของภาครัฐได้มากขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากผลการสำรวจความคิดเห็น
ของสื่อมวลชนท้องถิ่นที่ได้จากการจัดสัมมนาในปีงบประมาณ 2547 ทำให้ทราบว่า ........ สื่อมวลชนท้องถิ่น
ขาดข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐ ทำให้การสื่อสารและสร้างความเข้าใจกับประชาชนขาดประสิทธิภาพ ซึ่งผลจาก
การสัมมนากลุ่มย่อยในครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคที่ทำให้สื่อมวลชนท้องถิ่นไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
ของภาครัฐได้ รวมทั้งข้อเสนอแนะและแนวทางต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. ข้อมูลในเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการไม่ทันสมัยและไม่มีข้อมูลในเชิงลึก
2. ภาครัฐไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสื่อท้องถิ่น ตามพ.ร.บ. ข้อมูล
ข่าวสาร
3. ต้องการให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับสื่อท้องถิ่นโดยในการให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อนำเสนอข่าว
4. ต้องการให้หน่วยงานราชการในระดับท้องถิ่น สามารถให้ข้อมูลกับสื่อท้องถิ่นได้โดยตรง
5. ควรกำหนดเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานที่มีอำนาจในการให้ข้อมูลข่าวสารต่อ
สื่อมวลชนท้องถิ่นให้ชัดเจน
6. ต้องการให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารของภาครัฐสู่ประชาชน โดยเน้นการสื่อสารและ
รับฟังปัญหาและข้อคิดเห็นของประชาชนโดยตรง
7. ต้องการให้คณะรัฐมนตรีหรือหน่วยงานราชการจัดประชุมตามภูมิภาค และพบปะพูดคุยกับ
สื่อมวลชนท้องถิ่นเพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่ทุกเดือน รวมทั้งยังต้องการให้มีโครงการผู้ว่าราชการจังหวัดพบสื่อมวลชน
เป็นประจำทุกเดือนเหมือนเช่นเดิม
8. ขอให้หน่วยงานระดับจังหวัดมีการสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในลักษณะเดียวกับการ
สัมมนาในวันนี้
9. ต้องการให้รัฐสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและความรู้ และให้สื่อรักษาจรรยาบรรณ
10. ควรให้ความสำคัญกับสื่อประเภทวิทยุชุมชน รวมถึงการอนุโลมเรื่องคลื่นความถี่ในพื้นที่สูง
11. ขอให้หน่วยงานของรัฐช่วยเหลือด้านสวัสดิการ ความปลอดภัยและงบประมาณประชาสัมพันธ์
การสัมมนาภาคบ่าย นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานการ
สัมมนา ได้ชี้แจงนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล และตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนท้องถิ่น โดยมีโฆษก
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกกระทรวงต่าง ๆ ร่วมตอบข้อซักถาม ซึ่งสรุปประเด็นคำถามและข้อเสนอแนะ
ของสื่อมวลชนได้ ดังนี้
จังหวัด คำถาม/ข้อคิดเห็น คำตอบ/ชี้แจง
ปราจีนบุรี 1.ปัญหาน้ำ ขอให้ช่วยแก้ปัญหาน้ำอุปโภค 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
บริโภค น้ำเค็มหนุน น้ำเนาเสีย และ ปัญหาน้ำเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ รัฐบาล
ขอทราบความคืบหน้าโครงการก่อสร้าง ให้ความสำคัญในการจัดการน้ำทิ้งระบบทั่ว
อ่างเก็บน้ำในลุ่มน้ำบางปะกง ประเทศ 25 ลุ่มน้ำสำคัญ โดยนายกรัฐมนตรี
ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไป
ทบทวนการจัดลำดับความสำคัญว่าส่วนไหน
จุดไหนที่จะสามารถแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้น
และระยะยาวได้เป็นหลักสำคัญ ซึ่งจะทยอย
ทำเป็นลำดับต่อไป สำหรับงบประมาณในการ
ดำเนินการโครงการนี้มีรวมประมาณ 2 แสน
ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี
โดยงบประมาณปี พ.ศ.2549 จะจัดสรรให้
โครงการ 36,000 ล้านบาท ส่วนการแก้
ปัญหาลุ่มน้ำบางปะกงนั้น จะรับเรื่องนี้ไว้เพื่อ
จะนำเรียนและหารือต่อที่ประชุมการพิจารณา
งบประมาณในรอบหน้า
นางรัชนี เอมะรุจิ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริม
การมีส่วนร่วมของประชาชน (แทนโฆษก
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
ชี้แจง
สำหรับการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบคาดว่า
ในปีงบประมาณ พ.ศ.2549 จะมีโครงการ
นำร่องใน 3 ลุ่มน้ำสำคัญ คือ ลุ่มน้ำบางปะกง
ลุ่มน้ำปิง และลุ่มน้ำมูล ซึ่งคาดว่าปัญหาใน
ลุ่มน้ำดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขโดยเร็ว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ตามที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือ
ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาลุ่มน้ำทั้ง
ระบบที่ประชุมได้กำหนดให้ลุ่มน้ำบางปะกงเป็น
1 ใน 3 ลุ่มน้ำโครงการนำร่อง นอกจากนี้ที่
ประชุมยังได้นำปัญหาน้ำเค็มหนุนเข้ารือด้วย
โดยเบื้องต้นทราบว่าจะมีการย้ายสถานที่
ดำเนินโครงการ เพราะสถานที่ตั้งเดิมมี
ความสามารถในการกักเก็บน้ำได้น้อย
2.การคมนาคมภายในจังหวัด อยากให้ 2.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ช่วยพัฒนาและขยายถนนสายหลักใน ปัญหาถนนจะรับไว้และประสานข้อมูลให้
จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อให้สอดคล้อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป
กับถนนสายหลักของจังหวัดรอบข้าง
และสามารถรองรับกับการพัฒนาเขต
อุตสาหกรรมในจังหวัด
ฉะเชิงเทรา 1.ปัญหาน้ำขอความสนับสนุนการสร้าง 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
เหมืองฝายน้ำในที่นาเกษตรกร รัฐบาลให้ความสำคัญในการบริหาร
จัดการน้ำทั้งระบบ และให้การสนับสนุน
การทดลองเหมืองฝายมาโดยตลอด แต่การที่
จะปล่อยให้ทุกคนทำเหมืองฝายของตัวเอง
ก็อาจจะเกิดปัญหาต่างฝ่ายต่างทำ ทำให้การ
ใช้น้ำกระจายไม่ทั่วถึง เพราะแต่ละคนมี
ความสามารถในการกักเก็บน้ำไม่เท่าเทียมกัน
ตราด 1.การพัฒนาเกาะช้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ระดับโลกมีปัญหาการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน นโยบายพัฒนาเกาะช้างเป็นแหล่ง
การละเมิดสิทธิมนุษยชน ผลกระทบ ท่องเที่ยวระดับโลกนี้เป็นนโยบายที่ดี แต่
สิ่งแวดล้อมฯลฯ ขอให้ทบทวนการทำงาน อาจจะมีปัญหาการปฏิบัติบ้าง ส่วนการปัญหา
ขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ การพิสูจน์สิทธิที่ดิน ผู้ว่าราชการจังหวัดคง
เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนหรืออพท. ดำเนินการแก้ไขอยู่
นายบุญช่วย เกิดสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด
ตราด ชี้แจง
นโยบายพัฒนาเกาะช้างเป็นนโยบายที่
ถูกต้อง แต่ในทางปฏิบัติอาจมีปัญหาเพราะ
โครงการต่างๆ อาจไม่สอดคล้องกับแผน
นโยบาย และมีปัญหาการประสานงานของ
หน่วยงานในพื้นที่บ้าง จึงขอเรียนฝากท่าน
รัฐมนตรีฯ ช่วยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้ประสานการทำงาน เป็นระบบสอดคล้อง
ไปในทิศทางเดียวกัน และบูรณาการระบบ
การทำงานของหน่วยงานนั้นให้เป็นเอกภาพ
มากยิ่งขึ้น
ระยอง 1.ปัญหาการศึกษา ตามที่รัฐมีนโยบาย 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
สนับสนุนให้นักเรียนเรียนฟรี 12 ปีนั้น ปัญหาการศึกษา รัฐบาลกำลังดำเนินการ
พบว่ามีโรงเรียนบางแห่งเก็บเงิน แก้ไขอยู่ส่วนปัญหาครูส่วนหนึ่งเป็นปัญหาเชิง
ค่าเล่าเรียนของนักเรียน และขอให้ โครงสร้างซึ่งจะต้องอาศัยระยะเวลาในการ
รัฐบาลส่งเสริมการพัฒนาสติปัญญาของ แก้ไข สำหรับการปฏิรูปการศึกษาทุกคนต้อง
เด็กและปลูกฝังคุณธรรมแก่เด็กนักเรียน ช่วยกัน นอกจากนี้ขณะนี้รัฐบาลเองกำลัง
นักศึกษา พร้อมให้ความดูแลครูโดยการ ขยายการปฏิรูปการศึกษาในรูปแบบการสร้าง
ปรับเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการของครู องค์กร มหาชนที่นอกเหนือจากหน่วยงานหลัก
เช่น การสร้างอุทยานการเรียนรู้
2.ปัญหาด้านสาธารณสุข
2.1 โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค 2.1 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ส่วนหนึ่งก่อให้เกิดปัญหาขาดแคลน ปัญหาขาดแคลนหมอส่วนหนึ่งเป็นปัญหา
จึงต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญ ที่เกิดจากคนที่เป็นหมอเอง เพราะหมอมี
ในการแก้ไขปัญหานี้ ทั้งที่ดีและไม่ดี ส่วนปัญหาโครงการ 30
บาทรักษาทุกโรคกำลังมีการแก้ไข โดยปรับ
เพิ่มอัตราค่าใช้จ่ายค่ารักษาต่อคนต่อหัว
ซึ่งคงจะช่วยแก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่ง
ทพญ.นัยนา แพร่ศรีสกุล ผู้อำนวยการกลุ่ม
สารนิเทศ (แทนโฆษกกระทรวงสาธารณสุข)
ชี้แจง
ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เปลี่ยน
แปลงชื่อโครงการจากโครงการ 30 บาท
รักษาทุกโรคเป็นโครงการ 30 บาทห่างไกล
ทุกโรค และยอมรับว่าที่ผ่านมาโครงการ
ประสบปัยหาเงินทุนสนับสนุนไม่เพียงพอ แต่
ทราบว่าขณะนี้รัฐบาลได้ให้เงินสำหรับ
โครงการเพิ่มขึ้นแล้ว เชื่อว่าจะสามารถ
ทำให้มีการรักษาดีขึ้นและเพียงพอสำหรับ
การรักษาทุกๆ โรค
2.2 ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชี 2.2 ทพญ.นัยนา แพร่ศรีสกุล ผู้อำนวยการ กลุ่ม
ยานอกบัญชียาหลักของโครงการ สารนิเทศ ชี้แจง
30 บาทรักษาทุกโรค โครงการได้ให้การรักษากับทุกคนใน
ส่วนของการรักษาในบัญชียาหลักอย่าง
เท่าเทียมกัน ส่วนบัญชียานอกบัญชีหลักจะมี
การจ่ายยาในส่วนนี้เฉพาะในกรณีที่ยาใน
บัญชียาหลักไม่เพียงพอแก่การรักษา จึงต้อง
อาศัยยาอื่นๆ
สระแก้ว 1.ต้องการมีคลื่นวิทยุของตนเอง เป็นวิทยุ 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ภาคเอกชนขนาดเล็ก โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว
แต่การกำหนดคลื่นความถี่ไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล
เป็นอำนาจของกสช. และกทช. อย่างไรก็ตาม
รัฐบาลมีความพยายามเต็มที่ในการแก้ปัญหาใน
ช่วงที่ยังไม่มีการตั้ง กสช. โดยการสร้างพื้นที่
เพื่อให้ผู้ที่ต้องการคลื่นวิทยุชุมชนมาหารือและ
วางกรอบการแก้ปัญหาร่วมกัน
2.วิทยุชุมชนมีปัญหาคลื่นวิทยุชุมชนรบกวน 2.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมตรี ชี้แจง
กันเองและรบกวนคลื่นวิทยุอื่น โดยหลักการวิทยุชุมชนเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์
แต่ในทางปฏิบัติอาจมีปัญหาวิทยุชุมชนบางแห่ง
ดำเนินการเพื่อประโยชน์เฉพาะของคนบางกลุ่ม
หรือบางแห่งส่งสัญญาณคลื่นวิทยุรบกวนวิทยุอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เข้ามาดูแลและแก้ไข
ปัญหาในเบื้องต้นแล้ว
ชลบุรี 1.ขอทราบว่ารัฐบาลมีนโยบายในการ 1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
พัฒนาสื่อภาคภาษาอังกฤษทั้งในส่วน จะรับเรื่องนี้ไว้และพยายามพัฒนาสื่อภาค
กลางและภูมิภาคอย่างไรบ้าง ภาษาอังกฤษต่อไป โดยในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์
โดยโทรทัศน์ช่อง 11 นั้น กำลังพยายามปรับปรุง
การนำเสนอข่าว และมีการนำเสนอรายงานข่าว
ภาคภาษาอังกฤษ รวมถึงศึกษาแนวทางปรับปรุง
การรับชมรายการโดยให้ผู้ชมสามารถปรับเปลี่ยน
รายการภาคภาษาไทยเป็นภาคภาษาอังกฤษได้
พร้อมสั่งให้จัดทำข้อความเคลื่อนที่บนจอโทรทัศน์
เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นการเสนอข่าวสาร
ภาษาต่างประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
2.อยากให้หน่วยงานราชการและ 2.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ภาครัฐต่างๆ ปรับปรุงเว็บไซต์ให้ นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายชัดเจนที่จะให้
ข้อมูลทันสมัย และจัดให้มีข้อมูล หน่วยงานราชการต่างๆ เผยแพร่ข้อมูลในเชิงรุก
ทันสมัย และจัดให้มีข้อมูลภาคภาษา มากขึ้น โดยให้หน่วยงานราชการเปิดข้อมูลที่
อังกฤษ ไม่มีลักษณะเป็นความลับของทางราชการ
หน่วยงานนั้นจะต้องเปิดทั้งหมด ส่วนเว็บไซต์
หน่วยงานราชการต่างๆ เห็นด้วยว่าต่อไปคง
ต้องพัฒนาเพิ่มขึ้น
3.ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนทุน 3.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจง
ช่วยเหลือสื่อท้องถิ่น โดยเฉพาะสื่อ สำหรับปัญหาต้นทุนการผลิตสื่อประเภท
ประเภทหนังสือพิมพ์ หนังสือเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสนใจพิจารณา
อยู่ โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในเรื่องนี้
มาก ท่านต้องการสนับสนุนให้คนรักการอ่าน
สำหรับการสนับสนุนเงินทุนนั้น รัฐบาลกำลัง
พิจารณาในเรื่องการปรับลดภาษีกระดาษอยู่
แต่การให้เงินทุนสนับสนุนเป็นการเฉพาะนั้น
คงให้การสนับสนุนไม่ได้
ในประเด็นข้อซักถามของสื่อมวลชนท้องถิ่นดังกล่าว นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำ
สำนักนายกรัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้แทนกระทรวงได้ตอบคำถาม
และชี้แจงข้อสงสัยเกือบทุกประเด็นคำถามแล้ว มีเพียงบางปัญหาหรือข้อเสนอแนะของสื่อมวลชนท้องถิ่นที่รัฐมนตรี
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรับที่จะนำมาพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ การสัมมนาในภาคบ่าย กรมประชาสัมพันธ์ได้ถ่ายทอดสดให้ประชาชนในเขตพื้นที่ได้รับฟังและ
รับชมทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 เพื่อให้
ประชาชนมีส่วนร่วมในการสัมมนาครั้งนี้ด้วย
3. การประเมินผลการสัมมนา
3.1 ผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งสิ้น จำนวน 329 คน แบ่งเป็นสื่อมวลชนท้องถิ่น 143 คน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและโฆษกกระทรวง 18 คน ผู้ปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ของกระทรวง 16 คน
ผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัด 7 คน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 4 คน กรมประชาสัมพันธ์
51 คน สำนักโฆษก 24 คน และผู้ติดตามและผู้สังเกตการณ์ 66 คน
3.2 การสำรวจความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการจัดสัมมนา จากการสำรวจโดยให้สื่อมวลชน
ท้องถิ่นตอบแบบสอบถาม พบว่า
— ความเห็นต่อการสัมมนา สื่อมวลชนส่วนใหญ่เห็นว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการสัมมนา
มากที่สุดคือ สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและซักถามข้อข้องใจที่มีต่อนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล
รองลงมาคือ ได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายและการบริหารงานของรัฐบาล
— ความเห็นต่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนท้องถิ่น สื่อมวลชนส่วนใหญ่
เห็นว่า ปัจจัยที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารมากที่สุดคือ การขาดความเข้าใจต่อนโยบาย
และการบริหารงานของรัฐบาล และเห็นว่าปัจจัยที่จะทำให้สื่อมวลชนท้องถิ่นจะสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของ
ภาครัฐได้มากที่สุดคือ การได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งต้องมีความสัมพันธ์อันดีระหว่าง
หน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐกับสื่อมวลชนท้องถิ่น
3.3 ข้อเสนอแนะของสื่อมวลชน สื่อมวลชนท้องถิ่นมีความเห็นว่าการจัดสัมมนาถือว่าเป็น
โอกาสที่ดีมากสำหรับสื่อทุกแขนงที่จะนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ไปสู่รัฐบาลเพื่อความเข้าใจอันดีทั้งสองฝ่ายและเห็นควร
มีการจัดสัมมนาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน โดย
ควรจัดสัมมนาอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ ควรให้เวลาสื่อมวลชนท้องถิ่นซักถามและแลกเปลี่ยน
ข้อคิดเห็นกับรัฐบาลมากกว่านี้ รวมทั้งควรมีการติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตาม
ที่สื่อมวลชนท้องถิ่นได้เสนอข้อคิดเห็น และแจ้งผลให้สื่อมวลชนท้องถิ่นและประชาชนได้รับทราบ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 กรกฎาคม 2548--จบ--