คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรสวีเดน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วมีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรสวีเดน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามในบันทึกวาจาข้างต้นในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ หากมีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำที่ ไม่ใช่สาระสำคัญให้รัฐมนตรีที่ลงนามพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23-24 กันยายน 2547 นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมไทย-สวีเดน เพื่อให้เป็นกรอบและแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ ต่อมากระทรวงการต่างประเทศได้ประชุมหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและบรรลุการจัดทำแผนฯ ดังกล่าว ซึ่งมีกรอบระยะเวลาระหว่าง ปี 2548-2552 ซึ่งมีสาระสำคัญแบ่งเป็น 7 หมวด คือ
1. เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่โดยผ่านทางเจรจาหารือทวิภาคีในระดับที่สูงขึ้น ระหว่างสมาชิกของรัฐบาล สมาชิกของรัฐสภา ข้าราชการและตัวแทนระดับอื่น ๆ
2. เสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน รวมทั้งเพิ่มพูนการติดต่อระดับประชาชนเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
3. ขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคี ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
4. ขยายความร่วมมือทวิภาคีในสาขาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน คือ (1) ด้านเกษตรกรรมและป่าไม้ (2) ด้านการทหารและความมั่นคง (3) ด้านการออกแบบ (4) ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (5) ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (6) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (7) ด้านการท่องเที่ยวและบริการ ด้านสุขภาพ
5. การฟื้นฟู/บูรณะหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติคลื่นยักษ์ โดยไทยและสวีเดนตัดสินใจที่จะร่วมกันฟื้นฟูสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายในภาคใต้ของไทย และจะนำระบบต่าง ๆ มาป้องกันผลกระทบในลักษณะเดียวกันที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในอนาคต
6. เสริมสร้างความร่วมมือในโครงการพัฒนาในระดับภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไทยและสวีเดนสามารถร่วมกันทำโครงการพัฒนาต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง โครงการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคอื่น ๆ
7. แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระดับโลก โดยไทยและสวีเดนมีท่าทีร่วมกันในการส่งเสริมบทบาทขององค์การสหประชาชาติ และหลักการต่าง ๆ ของกฎบัตรสหประชาชาติ ประเทศทั้งสองสนับสนุนการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติ เพื่อเสริมสร้างความสามารถขององค์การในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศและการตอบรับภัยใหม่ ๆ นอกจากนี้ไทยและสวีเดนถือว่าองค์การการค้าโลกเป็นผู้เล่นหลักในการสร้างกฎเกณฑ์ทางการค้าเพื่อเป็นหลักประกันการค้าที่เสรีและมีความยุติธรรม
ทั้งนี้ รวมทั้งภาคผนวก ซึ่งมีสาระสำคัญคือการจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือไทย-สวีเดน โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเป็นประธานและกำกับดูแลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะจัดให้มีการลงนามแผนฯ ในลักษณะของ การจัดทำบันทึกวาจา (Proces Verbal) ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายในโอกาสที่จะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 17 มกราคม 2549--จบ--
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23-24 กันยายน 2547 นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องให้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมไทย-สวีเดน เพื่อให้เป็นกรอบและแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ ต่อมากระทรวงการต่างประเทศได้ประชุมหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและบรรลุการจัดทำแผนฯ ดังกล่าว ซึ่งมีกรอบระยะเวลาระหว่าง ปี 2548-2552 ซึ่งมีสาระสำคัญแบ่งเป็น 7 หมวด คือ
1. เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่โดยผ่านทางเจรจาหารือทวิภาคีในระดับที่สูงขึ้น ระหว่างสมาชิกของรัฐบาล สมาชิกของรัฐสภา ข้าราชการและตัวแทนระดับอื่น ๆ
2. เสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน รวมทั้งเพิ่มพูนการติดต่อระดับประชาชนเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
3. ขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคี ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
4. ขยายความร่วมมือทวิภาคีในสาขาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน คือ (1) ด้านเกษตรกรรมและป่าไม้ (2) ด้านการทหารและความมั่นคง (3) ด้านการออกแบบ (4) ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (5) ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (6) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (7) ด้านการท่องเที่ยวและบริการ ด้านสุขภาพ
5. การฟื้นฟู/บูรณะหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติคลื่นยักษ์ โดยไทยและสวีเดนตัดสินใจที่จะร่วมกันฟื้นฟูสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายในภาคใต้ของไทย และจะนำระบบต่าง ๆ มาป้องกันผลกระทบในลักษณะเดียวกันที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในอนาคต
6. เสริมสร้างความร่วมมือในโครงการพัฒนาในระดับภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นความเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไทยและสวีเดนสามารถร่วมกันทำโครงการพัฒนาต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง โครงการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคอื่น ๆ
7. แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระดับโลก โดยไทยและสวีเดนมีท่าทีร่วมกันในการส่งเสริมบทบาทขององค์การสหประชาชาติ และหลักการต่าง ๆ ของกฎบัตรสหประชาชาติ ประเทศทั้งสองสนับสนุนการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติ เพื่อเสริมสร้างความสามารถขององค์การในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศและการตอบรับภัยใหม่ ๆ นอกจากนี้ไทยและสวีเดนถือว่าองค์การการค้าโลกเป็นผู้เล่นหลักในการสร้างกฎเกณฑ์ทางการค้าเพื่อเป็นหลักประกันการค้าที่เสรีและมีความยุติธรรม
ทั้งนี้ รวมทั้งภาคผนวก ซึ่งมีสาระสำคัญคือการจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือไทย-สวีเดน โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเป็นประธานและกำกับดูแลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะจัดให้มีการลงนามแผนฯ ในลักษณะของ การจัดทำบันทึกวาจา (Proces Verbal) ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายในโอกาสที่จะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 17 มกราคม 2549--จบ--