คณะรัฐมนตรีพิจารณาการอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 2 แห่ง รวมทั้งสิ้นจำนวน 300 ล้านบาท ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) จำนวน 200 ล้านบาท และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) จำนวน 100 ล้านบาท
กระทรวงการคลัง รายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนทางการเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำแก่ ธสน. และ ธพว. เพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อบรรเทาภาระทางการเงินสำหรับยอดสินเชื่อคงค้าง และเพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยวิธีการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธสน. และ ธพว. เป็นผู้ออก และมีกระทรวงการคลังเป็นผู้อาวัล ซึ่ง ธสน. และ ธพว. ได้ขอรับการสนับสนุนทางการเงินดังกล่าว จึงขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธสน. และ ธพว. เป็นผู้ออกตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้การสนับสนุน โดยสรุปดังนี้
1. เงื่อนไขการกู้เงิน
1.1 วงเงินกู้ 1) ธสน. วงเงิน 200 ล้านบาท 2) ธพว. วงเงิน 100 ล้านบาท
1.2 เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นผู้ออกและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้อาวัล
1.3 กำหนดชำระคืนไม่เกินวันที่ 31 กรกฎาคม 2549
1.4 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี
2. สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรับซื้อไว้ ตามข้อ 1 ได้เป็นงวด ๆ ไม่เกินจำนวนเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจตกลงให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะต้องเบิกเงินกู้งวดแรกจากธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2548
3. สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะคิดดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการตามโครงการนี้ได้ไม่เกินอัตราร้อยละ 1.5 ต่อปี
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางด้านการเงินสำหรับสินเชื่อคงค้างและเพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนจากแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำไปใช้ในการฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินการต่อไปได้ และเพื่อให้ ธสน. และ ธพว. สามารถใช้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 มิถุนายน 2548--จบ--
กระทรวงการคลัง รายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนทางการเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำแก่ ธสน. และ ธพว. เพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อบรรเทาภาระทางการเงินสำหรับยอดสินเชื่อคงค้าง และเพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยวิธีการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธสน. และ ธพว. เป็นผู้ออก และมีกระทรวงการคลังเป็นผู้อาวัล ซึ่ง ธสน. และ ธพว. ได้ขอรับการสนับสนุนทางการเงินดังกล่าว จึงขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่ ธสน. และ ธพว. เป็นผู้ออกตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้การสนับสนุน โดยสรุปดังนี้
1. เงื่อนไขการกู้เงิน
1.1 วงเงินกู้ 1) ธสน. วงเงิน 200 ล้านบาท 2) ธพว. วงเงิน 100 ล้านบาท
1.2 เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นผู้ออกและมีกระทรวงการคลังเป็นผู้อาวัล
1.3 กำหนดชำระคืนไม่เกินวันที่ 31 กรกฎาคม 2549
1.4 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี
2. สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะเบิกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรับซื้อไว้ ตามข้อ 1 ได้เป็นงวด ๆ ไม่เกินจำนวนเงินที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจตกลงให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะต้องเบิกเงินกู้งวดแรกจากธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2548
3. สถาบันการเงินเฉพาะกิจจะคิดดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบกิจการตามโครงการนี้ได้ไม่เกินอัตราร้อยละ 1.5 ต่อปี
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางด้านการเงินสำหรับสินเชื่อคงค้างและเพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนจากแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำไปใช้ในการฟื้นฟูกิจการให้ดำเนินการต่อไปได้ และเพื่อให้ ธสน. และ ธพว. สามารถใช้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 มิถุนายน 2548--จบ--