คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รายงานผลความคืบหน้าในการจัดหาบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) จำนวน 1.5 ล้านใบ ในช่วงที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้พิจารณาผู้ยื่นข้อเสนอทางเทคนิคและข้อเสนอทางราคาจากผู้ผ่านเกณฑ์ทางเทคนิคและมีสิทธิเสนอราคาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) จัดจ้างทำบัตรฯ Smart Card จำนวน 12 ล้านใบ และ จำนวน 13 ล้านใบ จำนวนทั้งสิ้น 7 ราย ปรากฏว่ามีผู้ยื่นข้อเสนอเพียง 2 ราย คือ กิจการค้าร่วม FIMA และกิจการค้าร่วมอินคอร์ปและเจมส์พลัส และเมื่อพิจารณาความเหมาะสมจากเอกสารปรากฏว่า กิจการค้าร่วม FIMA เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมในการยื่นข้อเสนอดังกล่าวเพียงรายเดียว
2. กิจการค้าร่วม FIMA ได้ยื่นข้อเสนอราคา ปรากฏว่าราคาบัตรละ 62.00 บาท (หกสิบสองบาทถ้วน) โดยระยะเวลาส่งมอบบัตร เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2549 จนถึง วันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 ซึ่งเป็นข้อเสนอที่คณะกรรมการจัดจ้างฯ เห็นว่าไม่สอดคล้องกับนโยบายที่ได้รับมอบหมาย จึงได้มีการเจรจาต่อรองราคาพร้อมทั้งระยะเวลาในการส่งมอบบัตรใหม่ จึงมีสรุปราคาสุดท้ายบัตรละ 61.50 บาท (หกสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์) โดยมีระยะเวลาในการส่งมอบเช่นเดิม
3. ต่อมาจึงได้มีหนังสือเรียนเชิญชวนผู้ที่ผ่านเกณฑ์ทางเทคนิคในการจัดจ้างทำบัตร Smart Card จำนวน 13 ล้านใบ ซึ่งมีทั้งสิ้น 4 ราย เข้ามายื่นข้อเสนอราคาและข้อเสนอการส่งมอบบัตรให้คณะกรรมการจัดจ้างฯ ได้พิจารณาใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่ามีผู้สนใจยื่นข้อเสนอครบทั้ง 4 รายโดยมีกิจการค้าร่วม HST เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ในราคาบัตรละ 42 บาท (สี่สิบสองบาทถ้วน) แต่ระยะเวลาในการส่งมอบบัตรภายใน 120 วัน (4 เดือน) นับจากวันลงนามสั่งซื้อ
4. เพื่อให้ได้ข้อยุติในการจัดหาบัตรฯ จึงได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและผู้แทนกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ของผู้ยื่นข้อเสนอราคาและระยะเวลาการส่งมอบบัตร เมื่อวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2549 มีข้อสรุปดังนี้
4.1 เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยมีความจำเป็นต้องออกบัตรประจำตัวประชาชนตามกฎหมาย และรองรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน) กอร์ปกับในปัจจุบันสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ได้มีการสำรองบัตรประจำตัวประชาชนแบบแถบแม่เหล็กคงเหลือไว้เพียง 3 แสนใบ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กันยายน 2549) ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนเลือกตั้ง
4.2 เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบดำเนินการซื้อบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (แบบเดิม-แบบแถบแม่เหล็ก) จำนวน 1.5 ล้านใบ แทนการจัดหาบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ทั้งนี้ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในส่วนที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 กันยายน 2549--จบ--
1. คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้พิจารณาผู้ยื่นข้อเสนอทางเทคนิคและข้อเสนอทางราคาจากผู้ผ่านเกณฑ์ทางเทคนิคและมีสิทธิเสนอราคาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) จัดจ้างทำบัตรฯ Smart Card จำนวน 12 ล้านใบ และ จำนวน 13 ล้านใบ จำนวนทั้งสิ้น 7 ราย ปรากฏว่ามีผู้ยื่นข้อเสนอเพียง 2 ราย คือ กิจการค้าร่วม FIMA และกิจการค้าร่วมอินคอร์ปและเจมส์พลัส และเมื่อพิจารณาความเหมาะสมจากเอกสารปรากฏว่า กิจการค้าร่วม FIMA เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมในการยื่นข้อเสนอดังกล่าวเพียงรายเดียว
2. กิจการค้าร่วม FIMA ได้ยื่นข้อเสนอราคา ปรากฏว่าราคาบัตรละ 62.00 บาท (หกสิบสองบาทถ้วน) โดยระยะเวลาส่งมอบบัตร เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2549 จนถึง วันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 ซึ่งเป็นข้อเสนอที่คณะกรรมการจัดจ้างฯ เห็นว่าไม่สอดคล้องกับนโยบายที่ได้รับมอบหมาย จึงได้มีการเจรจาต่อรองราคาพร้อมทั้งระยะเวลาในการส่งมอบบัตรใหม่ จึงมีสรุปราคาสุดท้ายบัตรละ 61.50 บาท (หกสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์) โดยมีระยะเวลาในการส่งมอบเช่นเดิม
3. ต่อมาจึงได้มีหนังสือเรียนเชิญชวนผู้ที่ผ่านเกณฑ์ทางเทคนิคในการจัดจ้างทำบัตร Smart Card จำนวน 13 ล้านใบ ซึ่งมีทั้งสิ้น 4 ราย เข้ามายื่นข้อเสนอราคาและข้อเสนอการส่งมอบบัตรให้คณะกรรมการจัดจ้างฯ ได้พิจารณาใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่ามีผู้สนใจยื่นข้อเสนอครบทั้ง 4 รายโดยมีกิจการค้าร่วม HST เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด ในราคาบัตรละ 42 บาท (สี่สิบสองบาทถ้วน) แต่ระยะเวลาในการส่งมอบบัตรภายใน 120 วัน (4 เดือน) นับจากวันลงนามสั่งซื้อ
4. เพื่อให้ได้ข้อยุติในการจัดหาบัตรฯ จึงได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและผู้แทนกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาเงื่อนไขต่าง ๆ ของผู้ยื่นข้อเสนอราคาและระยะเวลาการส่งมอบบัตร เมื่อวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2549 มีข้อสรุปดังนี้
4.1 เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยมีความจำเป็นต้องออกบัตรประจำตัวประชาชนตามกฎหมาย และรองรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน) กอร์ปกับในปัจจุบันสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ได้มีการสำรองบัตรประจำตัวประชาชนแบบแถบแม่เหล็กคงเหลือไว้เพียง 3 แสนใบ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กันยายน 2549) ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนเลือกตั้ง
4.2 เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบดำเนินการซื้อบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (แบบเดิม-แบบแถบแม่เหล็ก) จำนวน 1.5 ล้านใบ แทนการจัดหาบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ทั้งนี้ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในส่วนที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 กันยายน 2549--จบ--