คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่ กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
สรุปผลความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด และสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลลมมรสุมตะวันตก-
เฉียงใต้ พัดปกคลุมประเทศไทย (ข้อมูลถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2549) ดังนี้
1. สรุปผลความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือของกระทรวงมหาดไทย
(จนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2549)
1.1 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดสร้างเต็นท์พักอาศัยชั่วคราวให้แก่ผู้ประสบภัยที่ไม่มีบ้านพักอาศัย จำนวน 272 หลัง
(เต็นท์ของกรมป้องกันฯ 229 หลัง ของมูลนิธิฉือฉี้ไต้หวัน 43 หลัง ในพื้นที่ ดังนี้
ที่ อำเภอ/จังหวัด เต็นท์ของกรมป้องกันฯ เต็นท์ของมูลนิธิฉือฉี้ไต้หวัน (หลัง) รวมเต็นท์ (หลัง)
กระทรวงมหาดไทย (หลัง) (หลัง)
1 อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ 23 5 28
2 อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ 112 15 127
3 อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ 44 23 67
4 ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย 50 - 50
รวมเต็นท์ทั้งหมด 229 43 272
1.2 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดสร้างบ้านพักชั่วคราว (บ้านน็อคดาวน์) ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)
ยามยาก ที่บ้านแม่คุ หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 24 หลัง
1.3 ความก้าวหน้าสร้างบ้านถาวร
ที่ จังหวัด บ้านพังทั้งหลัง การสร้างบ้าน (หลัง) ราษฎรขอรับ ความก้าวหน้าในการสร้างบ้าน (หลัง)
(หลัง) ในที่ดินรัฐ ที่ดินราษฎร เงินชดเชย มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิไทยคม
สร้างเอง กำลังสร้าง สร้างเสร็จ กำลังสร้าง สร้างเสร็จ
(หลัง)
1 อุตรดิตถ์ 493 238 203 50 24 7 50 20
2 แพร่ 135 127 8 - - - - 23
3 สุโขทัย 73 56 17 - - - - 19
รวมทั้งหมด 701 421 228 50 24 7 50 62
หมายเหตุ
1) ที่ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ บ้านพังทั้งหลังเสียชีวิตทั้งครอบครัว จำนวน 2 หลัง ไม่มีการสร้างบ้านใหม่
2) มูลนิธิชัยพัฒนา จะดำเนินการสร้างบ้านพักถาวรให้แก่ราษฎรที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ ทั้งหมด
จำนวน 161 หลัง และสร้างบ้านให้แก่ราษฎรในที่ดินของตนเองที่ไม่ต้องการอพยพมาอยู่ ในพื้นที่รองรับที่ทางราชการ
จัดให้ ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.ลับแล จำนวน 37 หลัง อ.ท่าปลา จำนวน 52 หลัง รวมยอดดำเนินการ
250 หลัง
3) มูลนิธิไทยคม จะดำเนินการสร้างบ้านถาวรให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ จำนวน 350 หลัง
สุโขทัย จำนวน 73 หลัง และแพร่ จำนวน 135 หลัง รวมยอดดำเนินการ 558 หลัง
1.4 การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ณ จังหวัดอุดรดิตถ์
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2549 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราช-ดำเนิน ไปทรงเยี่ยม
ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คุณหญิงสุดารัตน์
เกยุราพันธุ์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ หัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าฯ
รับเสด็จฯ และติดตามเสด็จฯ ดังนี้
1) ได้ทอดพระเนตรพื้นที่ประสบภัย ณ บ้านด่านห้วยใต้ หมู่ที่ 6 ตำบลแม่พูน อำเภอลับแล โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัด
อุตรดิตถ์ และอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินได้กราบบังคมทูลและสรุปความเสียหาย การช่วยเหลือราษฎร และแนวทางการแก้ไขสภาพพื้นที่ ที่ได้รับความ
เสียหาย พระราชทานสิ่งของให้แก่ผู้แทนราษฎร 4 หมู่บ้าน (หมู่ที่ 6,7,8,11) ตำบลแม่พูน อำเภอลับแล ทรงเยี่ยมราษฎร นางพิตราภรณ์
สังขะทรัพย์ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจสิรินธรกราบบังคมทูลรายงานการช่วยเหลือด้านอาชีพช่างยนต์ให้แก่ผู้ประสบภัย พระราชทานเครื่องมือช่าง
ให้แก่อู่ประจำหมู่บ้าน ทรงพระดำเนินไปยังบริเวณพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวรของนายช่วย แสนคำดี โดยมูลนิธิชัยพัฒนา เลขาธิการสำนักงาน
คณะกรรมการอาชีวะศึกษากราบบังคมทูลรายงานข้อมูลการก่อสร้างบ้าน
2) เสด็จฯ ไปบ้านเชียงแสน หมู่ที่ 1 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ประธานกลุ่มพัฒนาผ้าห่มนวม
และที่นอน กราบบังคมทูลรายงานการดำเนินงานของกลุ่ม ทอดพระเนตรการปฏิบัติงานของกลุ่มและทรงเยี่ยมราษฎร
3) เสด็จฯ ไปบ้านนารี(ห้วยปู่เจ้า) หมู่ที่ 3 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล นายอำเภอลับแล กราบบังคมทูลสรุป
ความเสียหายและการอพยพของราษฎร ปฏิรูปที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์กราบบังคมทูลเรื่องที่ดินที่จะใช้ในการสร้างบ้านให้แก่ราษฎร ทรงพระดำเนินทอด
พระเนตรความเสียหายของฝายห้วยปู่เจ้า อธิบดีกรมชลประทาน กราบบังคมทูลเรื่องการซ่อมแซมฝาย พระราชทานของให้แก่ผู้แทนราษฎรหมู่ที่ 3
และทรงเยื่ยมราษฎร
4) เสด็จฯ ไปวัดด่านนาขาม หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ พระราชทานสิ่งของให้แก่
ผู้แทนราษฎร 4 หมู่บ้าน (หมู่ 1,2,3 และ 4) พระราชทานอุปกรณ์การเกษตรและเครื่องมือประกอบอาชีพค้าขาย ให้แก่ผู้แทนราษฎร และทรง
เยื่ยมราษฎร
5) เสด็จฯ ไปบ้านแม่เฉย หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ทรงพระดำเนินไปทอดพระเนตร
พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ปลัดจังหวัดอุตรดิตถ์กราบบังคมทูลรายงานความเสียหายในเขตอำเภอเมืองและการช่วยเหลือราษฎร อธิบดีกรมชลประทาน
กราบบังคมทูลรายงานการขุดลอกคลองพระราชทานสิ่งของให้แก่ผู้แทนราษฎร 3 หมู่บ้าน (หมู่ที่ 1,6, และ 11)
6) เสด็จฯ ไปพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวร บ้านม่อนหัวฝาย หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองกราบบังคมทูลรายงานแบบบ้าน อธิบดีกรมพัฒนาที่ดินและอธิบดีกรมที่ดินกราบบังคมทูลรายงานสภาพที่ดินที่สำหรับเป็น
พื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวร ทอดพระเนตรพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวรของมูลนิธิชัยพัฒนา
7) เสด็จฯ ไปบ้านกิ่วเคียน หมู่ที่ 12 ตำบลจริม อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์
กราบบังคมทูลรายงานความเสียหายและการช่วยเหลือราษฎร ทอดพระเนตรพื้นที่ประสบภัย ทอดพระเนตรพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวรของมูลนิธิชัยพัฒนา
พระราชทานสิ่งของให้แก่ผู้แทนราษฎร หมู่ที่ 12 และครูใหญ่โรงเรียนบ้านกิ่วเคียน และทรงเยี่ยมราษฎร
8) เสด็จฯ ไปบ้านทรายงาม หมู่ที่ 10 ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ นายอำเภอท่าปลากราบบังคมทูล
รายงานความเสียหายและการช่วยเหลือราษฎร ทอดพระเนตรพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวรของมูลนิธิชัยพัฒนา พระราชทานสิ่งของ
ให้แก่ผู้แทนราษฎร หมู่ที่ 10 และทรงเยี่ยมราษฎร
1.5 การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย
ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (ข้อมูล
ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2549 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
(1) ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 91,109,978 บาท แยกได้ดังนี้
- ค่าด้านการจัดการศพ จำนวน 88 ราย เป็นเงิน 1,920,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือญาติผู้สูญหาย จำนวน 25 ราย เป็นเงิน 750,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จำนวน 1,045 ราย เป็นเงิน 2,196,000 บาท
- ค่าที่อยู่อาศัย จำนวน 4,985 ราย เป็นเงิน 51,692,121 บาท - ค่าเครื่องมือ/ทุนประกอบอาชีพ จำนวน 30 ราย เป็นเงิน 265,800 บาท
- ค่าเครื่องนุ่งห่ม จำนวน 715 ราย เป็นเงิน 771,800 บาท
- ค่าอาหารจัดเลี้ยง จำนวน 237,491 ราย เป็นเงิน 18,602,498 บาท
- ค่าอื่นๆ เป็นเงิน 14,911,759 บาท
(2) ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเงิน 16,487,090 บาท
(3) ด้านการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 6,497,970 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 114,095,038 บาท
การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ประเภทผู้ประกอบการรายย่อย (ข้อมูล ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2549
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
(1) จังหวัดแพร่ จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 291 ราย เป็นเงิน 3,186,605 บาท
(2) จังหวัดสุโขทัย จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 806 ราย เป็นเงิน 9,428,775 บาท
(3) จังหวัดอุตรดิตถ์ จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 2,885 ราย เป็นเงิน 35,989,340 บาท
รวมจ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 3,982 ราย เป็นเงิน 48,604,720 บาท
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ระหว่างวันที่ 1 กรกฏาคม — 7 สิงหาคม 2549)
ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม — 7 สิงหาคม 2549 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเล อันดามัน ประเทศไทย
และอ่าวไทย เป็นเหตุให้มีฝนตกหนักมากตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม — 7 สิงหาคม 2549 ในหลายพื้นที่ของภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ ทำให้
เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ต่างๆ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน สิ่งสาธารณประโยชน์และทรัพย์สินของประชาชนเสียหายเป็นจำนวน
มาก
2.1 พื้นที่ประสบอุทกภัย รวม 22 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง ลำพูน
นครราชสีมา นครพนม อุดรธานี ร้อยเอ็ด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สตูล กระบี่ ตรัง และ
สุราษฎร์ธานี รวม 61 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 172 ตำบล 550 หมู่บ้าน
2.2 ความเสียหาย
(1) ด้านชีวิต ราษฎรเดือดร้อน 48,520 คน 14,560 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 5 คน (แม่ฮ่องสอน 1 คน
สตูล 2 คน ตรัง 1 คน และลำปาง 1 คน)
(2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 198 หลัง ถนน 190 สาย สะพาน 12 แห่ง พื้นที่การเกษตร
64,436 ไร่ ปศุสัตว์ 1,143 ตัว
(3) มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ
2.3 สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน (ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2549) สรุปได้ดังนี้
(1) พื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว รวม 20 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี
นครราชสีมา อุดรธานี นครพนม ร้อยเอ็ด เชียงใหม่ ลำปาง ตาก แม่ฮ่องสอน เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สตูล กระบี่
สุราษฎร์ธานี และตรัง
(2) พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ มี 2 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน และเชียงราย
1) จังหวัดลำพูน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอเมือง เนื่องจากน้ำในแม่น้ำกวงได้ล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้าน
เรือนราษฎร ในพื้นที่ตำบลเวียงยอง (หมู่ที่ 1-4,6-8) และท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตรของตำบลบ้านแป้น (หมู่ที่ 1,2,3,9) และตำบลอุโมงค์
(หมู่ที่ 4,8,11) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 เมตร ระดับน้ำลดลงใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดและหน่วยงานในพื้นที่ได้ดำเนินการนำกระสอบทราย จำนวน 10,000 ถุง
ไปวางเป็นแนวป้องกันที่คันคลองแม่น้ำกวงในหมู่ที่ 8,11 ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองฯ รวมทั้งกำจัดผักตบชวา และสิ่งกีดขวางทางน้ำในแม่น้ำกวง
เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวก
2) จังหวัดเชียงราย ยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มการเกษตรของอำเภอแม่จัน ตำบลแม่จัน (หมู่ที่ 1,5,12)
ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 เมตร ระดับน้ำลดลงใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 45 ครัวเรือน 80 คน
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดและหน่วยงานในพื้นที่ได้สำรวจความเสียหายและเร่งดำเนินการช่วยเหลือ
ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. 2546 แล้ว
3. การฝึกอบรมเสริมสร้างทักษะการแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ดินถล่ม
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการฝึกอบรมจัดตั้งเครือข่ายอาสาสมัครเตือนภัยดินถล่ม
หรือ “มิสเตอร์เตือนภัย” ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ดินถล่ม ร่วมกับกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุตุนิยมวิทยา
กรมทรัพยากรธรณี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ทั้งนี้ได้ร่วมกันวางแผนการฝึกอบรม ซักซ้อมนโยบาย
ในระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม — 1 สิงหาคม 2549 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และจะได้ทำการฝึกอบรมประชาชนในจังหวัดที่เป็นพื้นที่
เสี่ยงภัยน้ำท่วม ดินถล่ม จำนวนหมู่บ้านละ 2 คน ให้ทำหน้าที่ เป็นอาสาสมัครแจ้งเตือนภัย “มิสเตอร์เตือนภัย “ เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวังติดตาม
สถานการณ์ระดับน้ำ ปริมาณน้ำฝน และใช้เครื่องมือสื่อสารแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยจะเริ่มดำเนินการ
ฝึกอบรมเพื่อจัดตั้งเครือข่ายอาสาสมัครเตือนภัยในพื้นที่ภาคเหนือเป็นลำดับแรกตั้งแต่วันที่ 7 — 18 สิงหาคม 2549 นี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 สิงหาคม 2549--จบ--
สรุปผลความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด และสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลลมมรสุมตะวันตก-
เฉียงใต้ พัดปกคลุมประเทศไทย (ข้อมูลถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2549) ดังนี้
1. สรุปผลความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือของกระทรวงมหาดไทย
(จนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2549)
1.1 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดสร้างเต็นท์พักอาศัยชั่วคราวให้แก่ผู้ประสบภัยที่ไม่มีบ้านพักอาศัย จำนวน 272 หลัง
(เต็นท์ของกรมป้องกันฯ 229 หลัง ของมูลนิธิฉือฉี้ไต้หวัน 43 หลัง ในพื้นที่ ดังนี้
ที่ อำเภอ/จังหวัด เต็นท์ของกรมป้องกันฯ เต็นท์ของมูลนิธิฉือฉี้ไต้หวัน (หลัง) รวมเต็นท์ (หลัง)
กระทรวงมหาดไทย (หลัง) (หลัง)
1 อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ 23 5 28
2 อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ 112 15 127
3 อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ 44 23 67
4 ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย 50 - 50
รวมเต็นท์ทั้งหมด 229 43 272
1.2 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดสร้างบ้านพักชั่วคราว (บ้านน็อคดาวน์) ของมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)
ยามยาก ที่บ้านแม่คุ หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 24 หลัง
1.3 ความก้าวหน้าสร้างบ้านถาวร
ที่ จังหวัด บ้านพังทั้งหลัง การสร้างบ้าน (หลัง) ราษฎรขอรับ ความก้าวหน้าในการสร้างบ้าน (หลัง)
(หลัง) ในที่ดินรัฐ ที่ดินราษฎร เงินชดเชย มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิไทยคม
สร้างเอง กำลังสร้าง สร้างเสร็จ กำลังสร้าง สร้างเสร็จ
(หลัง)
1 อุตรดิตถ์ 493 238 203 50 24 7 50 20
2 แพร่ 135 127 8 - - - - 23
3 สุโขทัย 73 56 17 - - - - 19
รวมทั้งหมด 701 421 228 50 24 7 50 62
หมายเหตุ
1) ที่ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ บ้านพังทั้งหลังเสียชีวิตทั้งครอบครัว จำนวน 2 หลัง ไม่มีการสร้างบ้านใหม่
2) มูลนิธิชัยพัฒนา จะดำเนินการสร้างบ้านพักถาวรให้แก่ราษฎรที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ ทั้งหมด
จำนวน 161 หลัง และสร้างบ้านให้แก่ราษฎรในที่ดินของตนเองที่ไม่ต้องการอพยพมาอยู่ ในพื้นที่รองรับที่ทางราชการ
จัดให้ ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.ลับแล จำนวน 37 หลัง อ.ท่าปลา จำนวน 52 หลัง รวมยอดดำเนินการ
250 หลัง
3) มูลนิธิไทยคม จะดำเนินการสร้างบ้านถาวรให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ จำนวน 350 หลัง
สุโขทัย จำนวน 73 หลัง และแพร่ จำนวน 135 หลัง รวมยอดดำเนินการ 558 หลัง
1.4 การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ณ จังหวัดอุดรดิตถ์
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2549 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราช-ดำเนิน ไปทรงเยี่ยม
ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คุณหญิงสุดารัตน์
เกยุราพันธุ์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ หัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าฯ
รับเสด็จฯ และติดตามเสด็จฯ ดังนี้
1) ได้ทอดพระเนตรพื้นที่ประสบภัย ณ บ้านด่านห้วยใต้ หมู่ที่ 6 ตำบลแม่พูน อำเภอลับแล โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัด
อุตรดิตถ์ และอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินได้กราบบังคมทูลและสรุปความเสียหาย การช่วยเหลือราษฎร และแนวทางการแก้ไขสภาพพื้นที่ ที่ได้รับความ
เสียหาย พระราชทานสิ่งของให้แก่ผู้แทนราษฎร 4 หมู่บ้าน (หมู่ที่ 6,7,8,11) ตำบลแม่พูน อำเภอลับแล ทรงเยี่ยมราษฎร นางพิตราภรณ์
สังขะทรัพย์ หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจสิรินธรกราบบังคมทูลรายงานการช่วยเหลือด้านอาชีพช่างยนต์ให้แก่ผู้ประสบภัย พระราชทานเครื่องมือช่าง
ให้แก่อู่ประจำหมู่บ้าน ทรงพระดำเนินไปยังบริเวณพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวรของนายช่วย แสนคำดี โดยมูลนิธิชัยพัฒนา เลขาธิการสำนักงาน
คณะกรรมการอาชีวะศึกษากราบบังคมทูลรายงานข้อมูลการก่อสร้างบ้าน
2) เสด็จฯ ไปบ้านเชียงแสน หมู่ที่ 1 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ประธานกลุ่มพัฒนาผ้าห่มนวม
และที่นอน กราบบังคมทูลรายงานการดำเนินงานของกลุ่ม ทอดพระเนตรการปฏิบัติงานของกลุ่มและทรงเยี่ยมราษฎร
3) เสด็จฯ ไปบ้านนารี(ห้วยปู่เจ้า) หมู่ที่ 3 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล นายอำเภอลับแล กราบบังคมทูลสรุป
ความเสียหายและการอพยพของราษฎร ปฏิรูปที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์กราบบังคมทูลเรื่องที่ดินที่จะใช้ในการสร้างบ้านให้แก่ราษฎร ทรงพระดำเนินทอด
พระเนตรความเสียหายของฝายห้วยปู่เจ้า อธิบดีกรมชลประทาน กราบบังคมทูลเรื่องการซ่อมแซมฝาย พระราชทานของให้แก่ผู้แทนราษฎรหมู่ที่ 3
และทรงเยื่ยมราษฎร
4) เสด็จฯ ไปวัดด่านนาขาม หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ พระราชทานสิ่งของให้แก่
ผู้แทนราษฎร 4 หมู่บ้าน (หมู่ 1,2,3 และ 4) พระราชทานอุปกรณ์การเกษตรและเครื่องมือประกอบอาชีพค้าขาย ให้แก่ผู้แทนราษฎร และทรง
เยื่ยมราษฎร
5) เสด็จฯ ไปบ้านแม่เฉย หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ทรงพระดำเนินไปทอดพระเนตร
พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ปลัดจังหวัดอุตรดิตถ์กราบบังคมทูลรายงานความเสียหายในเขตอำเภอเมืองและการช่วยเหลือราษฎร อธิบดีกรมชลประทาน
กราบบังคมทูลรายงานการขุดลอกคลองพระราชทานสิ่งของให้แก่ผู้แทนราษฎร 3 หมู่บ้าน (หมู่ที่ 1,6, และ 11)
6) เสด็จฯ ไปพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวร บ้านม่อนหัวฝาย หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านด่านนาขาม อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองกราบบังคมทูลรายงานแบบบ้าน อธิบดีกรมพัฒนาที่ดินและอธิบดีกรมที่ดินกราบบังคมทูลรายงานสภาพที่ดินที่สำหรับเป็น
พื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวร ทอดพระเนตรพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวรของมูลนิธิชัยพัฒนา
7) เสด็จฯ ไปบ้านกิ่วเคียน หมู่ที่ 12 ตำบลจริม อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์
กราบบังคมทูลรายงานความเสียหายและการช่วยเหลือราษฎร ทอดพระเนตรพื้นที่ประสบภัย ทอดพระเนตรพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวรของมูลนิธิชัยพัฒนา
พระราชทานสิ่งของให้แก่ผู้แทนราษฎร หมู่ที่ 12 และครูใหญ่โรงเรียนบ้านกิ่วเคียน และทรงเยี่ยมราษฎร
8) เสด็จฯ ไปบ้านทรายงาม หมู่ที่ 10 ตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ นายอำเภอท่าปลากราบบังคมทูล
รายงานความเสียหายและการช่วยเหลือราษฎร ทอดพระเนตรพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่ก่อสร้างบ้านพักถาวรของมูลนิธิชัยพัฒนา พระราชทานสิ่งของ
ให้แก่ผู้แทนราษฎร หมู่ที่ 10 และทรงเยี่ยมราษฎร
1.5 การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย
ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (ข้อมูล
ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2549 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
(1) ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 91,109,978 บาท แยกได้ดังนี้
- ค่าด้านการจัดการศพ จำนวน 88 ราย เป็นเงิน 1,920,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือญาติผู้สูญหาย จำนวน 25 ราย เป็นเงิน 750,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จำนวน 1,045 ราย เป็นเงิน 2,196,000 บาท
- ค่าที่อยู่อาศัย จำนวน 4,985 ราย เป็นเงิน 51,692,121 บาท - ค่าเครื่องมือ/ทุนประกอบอาชีพ จำนวน 30 ราย เป็นเงิน 265,800 บาท
- ค่าเครื่องนุ่งห่ม จำนวน 715 ราย เป็นเงิน 771,800 บาท
- ค่าอาหารจัดเลี้ยง จำนวน 237,491 ราย เป็นเงิน 18,602,498 บาท
- ค่าอื่นๆ เป็นเงิน 14,911,759 บาท
(2) ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเงิน 16,487,090 บาท
(3) ด้านการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 6,497,970 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 114,095,038 บาท
การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ประเภทผู้ประกอบการรายย่อย (ข้อมูล ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2549
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
(1) จังหวัดแพร่ จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 291 ราย เป็นเงิน 3,186,605 บาท
(2) จังหวัดสุโขทัย จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 806 ราย เป็นเงิน 9,428,775 บาท
(3) จังหวัดอุตรดิตถ์ จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 2,885 ราย เป็นเงิน 35,989,340 บาท
รวมจ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 3,982 ราย เป็นเงิน 48,604,720 บาท
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ระหว่างวันที่ 1 กรกฏาคม — 7 สิงหาคม 2549)
ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม — 7 สิงหาคม 2549 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเล อันดามัน ประเทศไทย
และอ่าวไทย เป็นเหตุให้มีฝนตกหนักมากตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม — 7 สิงหาคม 2549 ในหลายพื้นที่ของภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ ทำให้
เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ต่างๆ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน สิ่งสาธารณประโยชน์และทรัพย์สินของประชาชนเสียหายเป็นจำนวน
มาก
2.1 พื้นที่ประสบอุทกภัย รวม 22 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง ลำพูน
นครราชสีมา นครพนม อุดรธานี ร้อยเอ็ด ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สตูล กระบี่ ตรัง และ
สุราษฎร์ธานี รวม 61 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 172 ตำบล 550 หมู่บ้าน
2.2 ความเสียหาย
(1) ด้านชีวิต ราษฎรเดือดร้อน 48,520 คน 14,560 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 5 คน (แม่ฮ่องสอน 1 คน
สตูล 2 คน ตรัง 1 คน และลำปาง 1 คน)
(2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 198 หลัง ถนน 190 สาย สะพาน 12 แห่ง พื้นที่การเกษตร
64,436 ไร่ ปศุสัตว์ 1,143 ตัว
(3) มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ
2.3 สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน (ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2549) สรุปได้ดังนี้
(1) พื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว รวม 20 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี
นครราชสีมา อุดรธานี นครพนม ร้อยเอ็ด เชียงใหม่ ลำปาง ตาก แม่ฮ่องสอน เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สตูล กระบี่
สุราษฎร์ธานี และตรัง
(2) พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ มี 2 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน และเชียงราย
1) จังหวัดลำพูน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอเมือง เนื่องจากน้ำในแม่น้ำกวงได้ล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้าน
เรือนราษฎร ในพื้นที่ตำบลเวียงยอง (หมู่ที่ 1-4,6-8) และท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตรของตำบลบ้านแป้น (หมู่ที่ 1,2,3,9) และตำบลอุโมงค์
(หมู่ที่ 4,8,11) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 เมตร ระดับน้ำลดลงใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดและหน่วยงานในพื้นที่ได้ดำเนินการนำกระสอบทราย จำนวน 10,000 ถุง
ไปวางเป็นแนวป้องกันที่คันคลองแม่น้ำกวงในหมู่ที่ 8,11 ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองฯ รวมทั้งกำจัดผักตบชวา และสิ่งกีดขวางทางน้ำในแม่น้ำกวง
เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวก
2) จังหวัดเชียงราย ยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มการเกษตรของอำเภอแม่จัน ตำบลแม่จัน (หมู่ที่ 1,5,12)
ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 เมตร ระดับน้ำลดลงใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 45 ครัวเรือน 80 คน
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดและหน่วยงานในพื้นที่ได้สำรวจความเสียหายและเร่งดำเนินการช่วยเหลือ
ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ. 2546 แล้ว
3. การฝึกอบรมเสริมสร้างทักษะการแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ดินถล่ม
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการฝึกอบรมจัดตั้งเครือข่ายอาสาสมัครเตือนภัยดินถล่ม
หรือ “มิสเตอร์เตือนภัย” ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ดินถล่ม ร่วมกับกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุตุนิยมวิทยา
กรมทรัพยากรธรณี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ทั้งนี้ได้ร่วมกันวางแผนการฝึกอบรม ซักซ้อมนโยบาย
ในระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม — 1 สิงหาคม 2549 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และจะได้ทำการฝึกอบรมประชาชนในจังหวัดที่เป็นพื้นที่
เสี่ยงภัยน้ำท่วม ดินถล่ม จำนวนหมู่บ้านละ 2 คน ให้ทำหน้าที่ เป็นอาสาสมัครแจ้งเตือนภัย “มิสเตอร์เตือนภัย “ เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวังติดตาม
สถานการณ์ระดับน้ำ ปริมาณน้ำฝน และใช้เครื่องมือสื่อสารแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยจะเริ่มดำเนินการ
ฝึกอบรมเพื่อจัดตั้งเครือข่ายอาสาสมัครเตือนภัยในพื้นที่ภาคเหนือเป็นลำดับแรกตั้งแต่วันที่ 7 — 18 สิงหาคม 2549 นี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 สิงหาคม 2549--จบ--