คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย รายงานสรุปการจัดการประชุมตามโครงการ “มหาดไทยกับการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อขจัดความยากจน” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2549 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือทางวิชาการพัฒนาชุมชนเขต พัฒนาการจังหวัด นายอำเภอ และส่วนราชการ / หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รวม 1,243 คน โดยในการประชุมดังกล่าว ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานรวมทั้งรับฟังข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมประชุม สรุปได้ ดังนี้
1. แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
1.1 เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับประเทศ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลางเป็นขั้นเป็นตอน โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์
1.2 รัฐบาลได้มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศแบบคู่ขนาน (Dual Track) ทั้งระบบเศรษฐกิจโดยรวมเพื่อการแข่งขัน และระบบเศรษฐกิจในประเทศ โดยเน้นการที่พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างความเข้มแข็งของชุมชน ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน
1.3 จากการที่ นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ที่อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อรับทราบปัญหาโดยตรงในพื้นที่ และสาธิตการแก้ไขปัญหาของประชาชนในแต่ละประเด็นปัญหา กระทรวงมหาดไทยจึงได้นำแนวทางดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ร่วมกับแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงในระดับพื้นที่ ให้เกิดความสอดคล้องสนับสนุนและผสมผสานกันได้อย่างสมดุล เพื่อความอยู่ดี มีสุขของประชาชนอย่างยั่งยืน
1.4 การดำเนินวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ต้องเริ่มต้นจากทำให้ตนเองมีความพอเพียง พอประมาณ ความมีเหตุผล อันนำไปสู่ครัวเรือนพอเพียง แล้วไปสู่ชุมชนพอเพียงเลี้ยงตำบล ตำบลเพียงพอเลี้ยงอำเภอ อำเภอพอเพียงเลี้ยงจังหวัด จังหวัดพอเพียงเลี้ยงประเทศ หลังจากนั้นก็พัฒนาไปสู่ครัวของโลก ซึ่งจะเป็นการยกระดับเศรษฐกิจพอเพียง ให้มีรายได้ใกล้เคียงกับเศรษฐกิจระดับโลก จึงต้องสร้างความเข้มแข็งในระดับต่าง ๆ รองรับเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ มีความกล้าแกร่ง เพื่อสามารถทำกำไรให้กับชุมชนได้ ระบบเศรษฐกิจพอเพียง อาจจะสู้ระบบเทคโนโลยีอุตสาหกรรมไม่ได้ แต่ระบบอุตสาหกรรมก็มีผลกระทบหลายอย่างทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และทำให้เกิดผลเสียแก่สังคมตามมา ดังนั้น การดำเนินการในรูปของโครงการ SML เข้ามาช่วยให้เศรษฐกิจพอเพียงมีรายได้ เพื่อลดช่องว่างระหว่าง 2 ระบบเศรษฐกิจให้ใกล้เคียงกัน รวมทั้งโครงการ อื่น ๆ เช่น กองทุนหมู่บ้าน OTOP และกลุ่มออมทรัพย์ของชุมชนก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ชุมชนมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น
2. หลักการทำงานมหาดไทยกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อขจัดความยากจน ได้แก่ เศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงชุมชน ชุมชนพอเพียงเลี้ยงตำบล ตำบลพอเพียงเลี้ยงอำเภอ อำเภอพอเพียงเลี้ยงจังหวัด จังหวัดพอเพียงเลี้ยงประเทศ
3. เป้าหมายการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ปี 2549 อำเภอละ 1 ตำบล รวม 876 ตำบล รวม 5,000 หมู่บ้าน ปี 2550 เพิ่มความเข้มแข็งของชุมชนเป็นร้อยละ 50 ของหมู่บ้านทั้งหมด ปี 2551 เพิ่มความเข้มแข็งเป็นร้อยละ 100 ของหมู่บ้านทั้งหมด
4. แนวทางดำเนินการ
4.1 ขั้นเตรียมการ
ในชั้นนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้ให้ทุกจังหวัดนำแนวทางที่ได้รับจากการประชุมไปประยุกต์ให้บังเกิดผล โดยในเบื้องต้น ให้จังหวัดพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1) ให้สำรวจหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่าง เพื่อจะนำมาพิจารณาใช้เป็นข้อมูลและแนวทางในการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อขจัดความยากจนในภาพรวมทั่วประเทศ
2) จัดทำสรุปข้อมูลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่างดังกล่าว ตามข้อ 1) ตามแนวทางและขั้นตอนการค้นหาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่างที่กำหนดใน 6 กิจกรรม ได้แก่ การลดรายจ่าย การเพิ่มรายได้การออม การดำรงชีวิต การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการเอื้ออาทร โดยขอให้สามารถเป็นต้นแบบและเป็นศูนย์การเรียนรู้ได้
3) จัดส่งข้อมูลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่าง ให้กระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อให้กรมการพัฒนาชุมชน แยกประเภทและจัดลำดับความเข้มแข็งในแต่ละเรื่องแล้วส่งกลับไปจังหวัดต่าง ๆ เพื่อเป็นต้นแบบในการขยายผลต่อไป
4.2 ขั้นปฏิบัติการ
1) ส่วนกลาง กำหนดนโยบาย เป้าหมาย และแนวทาง/ประชาสัมพันธ์ สร้างกระแส/สนับสนุนเอกสารสิ่งพิมพ์ สื่อ และข้อมูลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่าง
2) จังหวัด กำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมาย / รณรงค์สร้างกระแสปลุกเร้า/สนับสนุนการขับเคลื่อนระดับอำเภอถึงหมู่บ้าน/ติดตามและรายงานผล
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--
1. แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
1.1 เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับประเทศ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลางเป็นขั้นเป็นตอน โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์
1.2 รัฐบาลได้มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศแบบคู่ขนาน (Dual Track) ทั้งระบบเศรษฐกิจโดยรวมเพื่อการแข่งขัน และระบบเศรษฐกิจในประเทศ โดยเน้นการที่พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างความเข้มแข็งของชุมชน ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน
1.3 จากการที่ นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ที่อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อรับทราบปัญหาโดยตรงในพื้นที่ และสาธิตการแก้ไขปัญหาของประชาชนในแต่ละประเด็นปัญหา กระทรวงมหาดไทยจึงได้นำแนวทางดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ร่วมกับแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงในระดับพื้นที่ ให้เกิดความสอดคล้องสนับสนุนและผสมผสานกันได้อย่างสมดุล เพื่อความอยู่ดี มีสุขของประชาชนอย่างยั่งยืน
1.4 การดำเนินวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ต้องเริ่มต้นจากทำให้ตนเองมีความพอเพียง พอประมาณ ความมีเหตุผล อันนำไปสู่ครัวเรือนพอเพียง แล้วไปสู่ชุมชนพอเพียงเลี้ยงตำบล ตำบลเพียงพอเลี้ยงอำเภอ อำเภอพอเพียงเลี้ยงจังหวัด จังหวัดพอเพียงเลี้ยงประเทศ หลังจากนั้นก็พัฒนาไปสู่ครัวของโลก ซึ่งจะเป็นการยกระดับเศรษฐกิจพอเพียง ให้มีรายได้ใกล้เคียงกับเศรษฐกิจระดับโลก จึงต้องสร้างความเข้มแข็งในระดับต่าง ๆ รองรับเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ มีความกล้าแกร่ง เพื่อสามารถทำกำไรให้กับชุมชนได้ ระบบเศรษฐกิจพอเพียง อาจจะสู้ระบบเทคโนโลยีอุตสาหกรรมไม่ได้ แต่ระบบอุตสาหกรรมก็มีผลกระทบหลายอย่างทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และทำให้เกิดผลเสียแก่สังคมตามมา ดังนั้น การดำเนินการในรูปของโครงการ SML เข้ามาช่วยให้เศรษฐกิจพอเพียงมีรายได้ เพื่อลดช่องว่างระหว่าง 2 ระบบเศรษฐกิจให้ใกล้เคียงกัน รวมทั้งโครงการ อื่น ๆ เช่น กองทุนหมู่บ้าน OTOP และกลุ่มออมทรัพย์ของชุมชนก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ชุมชนมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น
2. หลักการทำงานมหาดไทยกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อขจัดความยากจน ได้แก่ เศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงชุมชน ชุมชนพอเพียงเลี้ยงตำบล ตำบลพอเพียงเลี้ยงอำเภอ อำเภอพอเพียงเลี้ยงจังหวัด จังหวัดพอเพียงเลี้ยงประเทศ
3. เป้าหมายการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ปี 2549 อำเภอละ 1 ตำบล รวม 876 ตำบล รวม 5,000 หมู่บ้าน ปี 2550 เพิ่มความเข้มแข็งของชุมชนเป็นร้อยละ 50 ของหมู่บ้านทั้งหมด ปี 2551 เพิ่มความเข้มแข็งเป็นร้อยละ 100 ของหมู่บ้านทั้งหมด
4. แนวทางดำเนินการ
4.1 ขั้นเตรียมการ
ในชั้นนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้ให้ทุกจังหวัดนำแนวทางที่ได้รับจากการประชุมไปประยุกต์ให้บังเกิดผล โดยในเบื้องต้น ให้จังหวัดพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1) ให้สำรวจหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่าง เพื่อจะนำมาพิจารณาใช้เป็นข้อมูลและแนวทางในการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อขจัดความยากจนในภาพรวมทั่วประเทศ
2) จัดทำสรุปข้อมูลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่างดังกล่าว ตามข้อ 1) ตามแนวทางและขั้นตอนการค้นหาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่างที่กำหนดใน 6 กิจกรรม ได้แก่ การลดรายจ่าย การเพิ่มรายได้การออม การดำรงชีวิต การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการเอื้ออาทร โดยขอให้สามารถเป็นต้นแบบและเป็นศูนย์การเรียนรู้ได้
3) จัดส่งข้อมูลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่าง ให้กระทรวงมหาดไทย ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 เพื่อให้กรมการพัฒนาชุมชน แยกประเภทและจัดลำดับความเข้มแข็งในแต่ละเรื่องแล้วส่งกลับไปจังหวัดต่าง ๆ เพื่อเป็นต้นแบบในการขยายผลต่อไป
4.2 ขั้นปฏิบัติการ
1) ส่วนกลาง กำหนดนโยบาย เป้าหมาย และแนวทาง/ประชาสัมพันธ์ สร้างกระแส/สนับสนุนเอกสารสิ่งพิมพ์ สื่อ และข้อมูลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงตัวอย่าง
2) จังหวัด กำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมาย / รณรงค์สร้างกระแสปลุกเร้า/สนับสนุนการขับเคลื่อนระดับอำเภอถึงหมู่บ้าน/ติดตามและรายงานผล
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2549--จบ--