คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ)รายงานสรุปผลการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรณีพิบัติจังหวัดกระบี่ สรุปได้ดังนี้
1. การเร่งรัดคืนทรัพย์สินแก่ผู้ประสบภัย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้จัดทำบัญชีสิ่งของต่าง ๆ พร้อมสิ่งของคืนให้จังหวัดกระบี่ที่เก็บได้บริเวณเกาะพีพี หากไม่มีญาติมารับคืน จังหวัดกระบี่จะรวบรวมไว้เป็นอนุสรณ์สำหรับผู้ประสบภัย
2. การเร่งรัดจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยที่มายื่นหลักฐานในภายหลัง จำนวน 101 ราย ขณะนี้คงเหลือ 10 ราย ได้แก่
- กรณีทรัพย์สินเสียหาย ค้างจ่าย 8 ราย เป็นเงิน 29,100 บาท เนื่องจากไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายได้
- กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย ค้างจ่าย 1 ราย เป็นเงิน 2,000 บาท เนื่องจากขาดใบรับรองแพทย์
- กรณีค่าขนย้ายศพ ค้างจ่าย 1 ราย เป็นเงิน 6,000 บาท มีปัญหาผู้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
3. กรณีผู้ประกอบอาชีพการประมง จังหวัดกระบี่ได้มอบหมายให้ประมงจังหวัดสอบสวนเรื่องราว พิสูจน์ความเสียหายเพิ่มเติมจนถึง 25 สิงหาคม 2548 เพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนอย่างแท้จริง หากมีผู้มาแจ้งเท็จให้จังหวัด ดำเนินการอย่างเฉียบขาด
4. โครงการพัฒนาเกาะพีพี โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้เสนอโครงการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา การก่อสร้างแนวถนน เพื่อเป็นเส้นทางความปลอดภัยบนเกาะพีพี ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร งบประมาณ 259 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ไปพิจารณาทบทวน ต่อมารองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่ที่จะก่อสร้างเส้นทางความปลอดภัยบนเกาะพีพี เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2548 แล้วมีความเห็นในเบื้องต้น ดังนี้
- ราคาค่าก่อสร้างเส้นทางเพื่อความปลอดภัย ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร งบประมาณ 259 ล้านบาท นั้น เป็นราคาที่ค่อนข้างสูง แม้ว่าจะได้มีการปรับลดราคาค่าก่อสร้างลงมาเหลือ 166 ล้านบาท แล้วก็ตาม ซึ่งราคาที่สูงส่วนหนึ่งเนื่องจากเป็นการก่อสร้างบนเกาะทำให้ต้องเพิ่มราคาค่าก่อสร้างอีกร้อยละ 30 และเหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ คือ ระบบไฟฟ้าจะนำลงใต้ดินทั้งหมด
- การก่อสร้างใด ๆ ก็ตามจะต้องคำนึงถึงความสวยงามตามธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ดำเนินการศึกษาอยู่ และใกล้จะแล้วเสร็จ ดังนั้น ควรจะรอผลการศึกษาของ อพท. ก่อน
- ในระยะเร่งด่วนนี้ เห็นควรที่จะดำเนินการปรับสภาพภูมิทัศน์ในพื้นที่ 30 เมตร จากระดับน้ำทะเลสูงสุดท่วมถึง ซึ่งเป็นพื้นที่ห้ามก่อสร้าง ในเบื้องต้นจะต้องทำความตกลงกับเจ้าของที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ครอบครองอยู่ จำนวน 10 ราย เพื่อจัดทำโครงการปรับสภาพภูมิทัศน์ต่อไป
- การจัดหาที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนบนเกาะพีพี จังหวัดได้มอบหมายให้นายอำเภอเมืองดำเนินการ ปรากฏว่าสามารถประสานงานกับผู้มีจิตศรัทธาบริจาคที่ดิน จำนวน 12 ไร่ ให้แก่ทางราชการเพื่อเป็นที่ก่อสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนบนเกาะพีพีได้เรียบร้อยแล้ว
- การก่อสร้างบ้าน Knock Down ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนให้การช่วยเหลือ จำนวน 400 หลัง แต่ปรากฏว่าบ้านดังกล่าวไม่มีฐานบ้าน ห้องน้ำ ห้องส้วม ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ซึ่งจังหวัดได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในส่วนนี้ไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 22 ล้านบาท (ราคาค่าก่อสร้างบนแผ่นดินใหญ่ ราคาหลังละ 49,000 บาท ราคาค่าก่อสร้างบนเกาะ ราคาหลังละ 57,000 บาท) ในเบื้องต้นจังหวัดได้ปรับเปลี่ยนโครงการตามยุทธศาสตร์ของจังหวัด เพื่อจะนำงบประมาณไปดำเนินการก่อสร้างเป็นกรณีเร่งด่วนเฉพาะหน้า จำนวน 160 หลัง วงเงินประมาณ 8 ล้านบาทเศษ และรองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ได้มีข้อสั่งการเบื้องต้นให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีนำเงินกองทุนสงเคราะห์ผู้ประสบภัยมาช่วยเหลือ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กันยายน 2548--จบ--
1. การเร่งรัดคืนทรัพย์สินแก่ผู้ประสบภัย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้จัดทำบัญชีสิ่งของต่าง ๆ พร้อมสิ่งของคืนให้จังหวัดกระบี่ที่เก็บได้บริเวณเกาะพีพี หากไม่มีญาติมารับคืน จังหวัดกระบี่จะรวบรวมไว้เป็นอนุสรณ์สำหรับผู้ประสบภัย
2. การเร่งรัดจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยที่มายื่นหลักฐานในภายหลัง จำนวน 101 ราย ขณะนี้คงเหลือ 10 ราย ได้แก่
- กรณีทรัพย์สินเสียหาย ค้างจ่าย 8 ราย เป็นเงิน 29,100 บาท เนื่องจากไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายได้
- กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย ค้างจ่าย 1 ราย เป็นเงิน 2,000 บาท เนื่องจากขาดใบรับรองแพทย์
- กรณีค่าขนย้ายศพ ค้างจ่าย 1 ราย เป็นเงิน 6,000 บาท มีปัญหาผู้รับมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
3. กรณีผู้ประกอบอาชีพการประมง จังหวัดกระบี่ได้มอบหมายให้ประมงจังหวัดสอบสวนเรื่องราว พิสูจน์ความเสียหายเพิ่มเติมจนถึง 25 สิงหาคม 2548 เพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนอย่างแท้จริง หากมีผู้มาแจ้งเท็จให้จังหวัด ดำเนินการอย่างเฉียบขาด
4. โครงการพัฒนาเกาะพีพี โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองได้เสนอโครงการให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา การก่อสร้างแนวถนน เพื่อเป็นเส้นทางความปลอดภัยบนเกาะพีพี ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร งบประมาณ 259 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ไปพิจารณาทบทวน ต่อมารองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่ที่จะก่อสร้างเส้นทางความปลอดภัยบนเกาะพีพี เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2548 แล้วมีความเห็นในเบื้องต้น ดังนี้
- ราคาค่าก่อสร้างเส้นทางเพื่อความปลอดภัย ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร งบประมาณ 259 ล้านบาท นั้น เป็นราคาที่ค่อนข้างสูง แม้ว่าจะได้มีการปรับลดราคาค่าก่อสร้างลงมาเหลือ 166 ล้านบาท แล้วก็ตาม ซึ่งราคาที่สูงส่วนหนึ่งเนื่องจากเป็นการก่อสร้างบนเกาะทำให้ต้องเพิ่มราคาค่าก่อสร้างอีกร้อยละ 30 และเหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ คือ ระบบไฟฟ้าจะนำลงใต้ดินทั้งหมด
- การก่อสร้างใด ๆ ก็ตามจะต้องคำนึงถึงความสวยงามตามธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ดำเนินการศึกษาอยู่ และใกล้จะแล้วเสร็จ ดังนั้น ควรจะรอผลการศึกษาของ อพท. ก่อน
- ในระยะเร่งด่วนนี้ เห็นควรที่จะดำเนินการปรับสภาพภูมิทัศน์ในพื้นที่ 30 เมตร จากระดับน้ำทะเลสูงสุดท่วมถึง ซึ่งเป็นพื้นที่ห้ามก่อสร้าง ในเบื้องต้นจะต้องทำความตกลงกับเจ้าของที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ครอบครองอยู่ จำนวน 10 ราย เพื่อจัดทำโครงการปรับสภาพภูมิทัศน์ต่อไป
- การจัดหาที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนบนเกาะพีพี จังหวัดได้มอบหมายให้นายอำเภอเมืองดำเนินการ ปรากฏว่าสามารถประสานงานกับผู้มีจิตศรัทธาบริจาคที่ดิน จำนวน 12 ไร่ ให้แก่ทางราชการเพื่อเป็นที่ก่อสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนบนเกาะพีพีได้เรียบร้อยแล้ว
- การก่อสร้างบ้าน Knock Down ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนให้การช่วยเหลือ จำนวน 400 หลัง แต่ปรากฏว่าบ้านดังกล่าวไม่มีฐานบ้าน ห้องน้ำ ห้องส้วม ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ซึ่งจังหวัดได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในส่วนนี้ไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 22 ล้านบาท (ราคาค่าก่อสร้างบนแผ่นดินใหญ่ ราคาหลังละ 49,000 บาท ราคาค่าก่อสร้างบนเกาะ ราคาหลังละ 57,000 บาท) ในเบื้องต้นจังหวัดได้ปรับเปลี่ยนโครงการตามยุทธศาสตร์ของจังหวัด เพื่อจะนำงบประมาณไปดำเนินการก่อสร้างเป็นกรณีเร่งด่วนเฉพาะหน้า จำนวน 160 หลัง วงเงินประมาณ 8 ล้านบาทเศษ และรองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ได้มีข้อสั่งการเบื้องต้นให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีนำเงินกองทุนสงเคราะห์ผู้ประสบภัยมาช่วยเหลือ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กันยายน 2548--จบ--