คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ติดตามสถานการณ์สภาวะฝนตกหนักในห้วงระหว่างวันที่ 1-6 สิงหาคม 2550 โดยสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูลถึงวันที่ 6 สิงหาคม 2550) ดังนี้
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 1 - 6 สิงหาคม 2550)
1.1 พื้นที่ประสบภัย จำนวน 4 จังหวัด 9 อำเภอ 16 ตำบล 59 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย อุบลราชธานี และศรีสะเกษ
1.2 ความเสียหาย
1) มีผู้เสียชีวิต 1 คน (จังหวัดศรีสะเกษ) สูญหาย 2 คน (จังหวัดศรีสะเกษ) ราษฎรเดือดร้อน 6,500 คน 1,250 ครัวเรือน อพยพผู้ประสบภัย 315 คน
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 10 หลัง ถนน 16 สาย คอสะพาน 6 แห่ง พื้นที่การเกษตร 1,157 ไร่ ท่อระบายน้ำ 2 แห่ง บ่อปลา 14 บ่อ ฝาย 7 แห่ง พนังกั้นน้ำ 2 แห่ง เหมือง 1 แห่ง ประปาภูเขา 6 แห่ง
3) มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 3,450,000 บาท
1.3 สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดน่านและเชียงรายยุติแล้วเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2550 โดยยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยที่จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ
1.4 สถานการณ์อุทกภัยแยกรายจังหวัด ดังนี้
1) จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2550 เกิดฝนตกต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดน่าน 5 อำเภอ 7 ตำบล 23 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอสองแคว ที่ตำบลนาไร่หลวง (หมู่ที่ 2,4) อำเภอเมืองน่าน ที่ตำบลบ่อ (หมู่ที่ 7,8) ทำให้ถนนชำรุด 2 สาย สะพาน 1 แห่ง ท่อประปา 1 แห่ง ท่อระบายน้ำ 1 แห่ง ราษฎรเดือดร้อน 436 คน 61 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 500,000 บาท อำเภอท่าวังผา จำนวน 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลแสนทอง (หมู่ที่ 1,2) และตำบลผาตอ (หมู่ที่ 6,7) พื้นที่การเกษตรเสียหาย 1,026 ไร่ ราษฎรเดือดร้อน 260 คน 66 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 150,000 บาท อำเภอบ่อเกลือ ที่ตำบลภูฟ้า (หมู่ที่ 2,3,4) และที่ตำบลบ่อเกลือใต้มีน้ำท่วม (หมู่ที่ 1-10,14) และเกิดดินสไลด์ระหว่าง กม.ที่ 71-72 และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ได้เกิดดินสไลด์ที่ตำบลขุนน่าน โดยสถานการณ์อุทกภัยได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2550
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดน่าน อำเภอบ่อเกลือ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน อบจ. หน่วยงานสร้างทางบ้านหลักลาย (กรมทางหลวง) แขวงการทางน่านที่ 2 สมาชิก อส. ร่วมกับราษฎรในพื้นที่ ได้เร่งดำเนินการเปิดเส้นทางบริเวณที่เกิดดินสไลด์แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2550
2) จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2550 เกิดฝนตกต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดเชียงราย 2 อำเภอ 5 ตำบล 25 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอพญาเม็งราย ที่ตำบลแม่ต๋ำ (หมู่ที่ 1,3,4,5,8,9,11) ตำบลแม่เปา (หมู่ที่ 2,4,5,10,11,13,14,15,18) และตำบลพญาเม็งราย (หมู่ที่ 5,8,13) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 180 คน 60 ครัวเรือน และอำเภอเทิง เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมตำบลตับเต่า (หมู่ที่ 7,8,15,18) และตำบล หงาว (หมู่ที่ 8,9) โดยสถานการณ์อุทกภัยได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2550
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดเชียงราย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย อบต.พญาเม็งราย อบต.แม่ต๋ำ อบต.แม่เปา เกษตรอำเภอพญาเม็งราย อบต.ตับเต่า อบต.หงาว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว
3) จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2550 เวลาประมาณ 02.00 น. ได้เกิดฝนตกหนักและมีน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาพนมดงรักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อำเภอน้ำยืน บริเวณตำบลสีวิเชียร จำนวน 2 หมู่บ้าน (หมู่ที่ 7 และ 12 ) ระดับน้ำที่ท่วมบ้านเรือนราษฎรสูงประมาณ 1.00-1.50 ม. ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังและมีระดับน้ำสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือ
1. ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี นายอำเภอน้ำยืน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อพยพราษฎร 315 คน และสิ่งของไปไว้ในที่ปลอดภัย
2. อำเภอน้ำยืน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแจ้งให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์อุทกภัยแล้ว
4) จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2550 เวลาประมาณ 15.00 น. ได้เกิดฝนตกหนักและมีน้ำป่าไหลหลากลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยตาจู ตำบลกันทรอม อำเภอขุนหาญ ทำให้น้ำล้นสปริลเวย์ไหลเข้าท่วมเบ้านเรือนราษฎร จำนวน 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลห้วยจันทร์ ตำบลกันทรอม และตำบลโนนสูง มีผู้เสียชีวิต 1 คน (นายทิน ทองดี อายุ 73 ปี ) สูญหาย 2 คน ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ
การให้ความช่วยเหลือ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ออกไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยและสั่งการให้ชุดกู้ภัยเร่งค้นหาผู้สูญหาย และระดมเครื่องมืออุปกรณ์เรือท้องแบนเพื่อเตรียมการอพยพผู้ประสบภัยแล้ว
2. การประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 16 (216/2550) ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2550 ดังนี้
2.1 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศเตือนภัย เรื่องพายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้ ดังนี้ พายุดีเปรสชันในทะเลจีนใต้ตอนกลาง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 สิงหาคม 2550 มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 150 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 16.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.4 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้เคลื่อนที่ทางเหนือค่อนทางตะวันตกอย่างช้าๆ ทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง ในช่วงวันที่ 6-8 สิงหาคม 2550
2.2 สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศ ตามข้อ 2.1 เมื่อวันที่ 1, 2, และ 4 สิงหาคม 2550 ให้จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ได้เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่มและคลื่นลมแรง อันเกิดจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยให้แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระหว่างวันที่ 5 - 9 สิงหาคม 2550 และให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อมเพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัย เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นได้อย่างทันต่อเหตุการณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 สิงหาคม 2550--จบ--
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 1 - 6 สิงหาคม 2550)
1.1 พื้นที่ประสบภัย จำนวน 4 จังหวัด 9 อำเภอ 16 ตำบล 59 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย อุบลราชธานี และศรีสะเกษ
1.2 ความเสียหาย
1) มีผู้เสียชีวิต 1 คน (จังหวัดศรีสะเกษ) สูญหาย 2 คน (จังหวัดศรีสะเกษ) ราษฎรเดือดร้อน 6,500 คน 1,250 ครัวเรือน อพยพผู้ประสบภัย 315 คน
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 10 หลัง ถนน 16 สาย คอสะพาน 6 แห่ง พื้นที่การเกษตร 1,157 ไร่ ท่อระบายน้ำ 2 แห่ง บ่อปลา 14 บ่อ ฝาย 7 แห่ง พนังกั้นน้ำ 2 แห่ง เหมือง 1 แห่ง ประปาภูเขา 6 แห่ง
3) มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 3,450,000 บาท
1.3 สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดน่านและเชียงรายยุติแล้วเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2550 โดยยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยที่จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ
1.4 สถานการณ์อุทกภัยแยกรายจังหวัด ดังนี้
1) จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2550 เกิดฝนตกต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดน่าน 5 อำเภอ 7 ตำบล 23 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอสองแคว ที่ตำบลนาไร่หลวง (หมู่ที่ 2,4) อำเภอเมืองน่าน ที่ตำบลบ่อ (หมู่ที่ 7,8) ทำให้ถนนชำรุด 2 สาย สะพาน 1 แห่ง ท่อประปา 1 แห่ง ท่อระบายน้ำ 1 แห่ง ราษฎรเดือดร้อน 436 คน 61 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 500,000 บาท อำเภอท่าวังผา จำนวน 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลแสนทอง (หมู่ที่ 1,2) และตำบลผาตอ (หมู่ที่ 6,7) พื้นที่การเกษตรเสียหาย 1,026 ไร่ ราษฎรเดือดร้อน 260 คน 66 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 150,000 บาท อำเภอบ่อเกลือ ที่ตำบลภูฟ้า (หมู่ที่ 2,3,4) และที่ตำบลบ่อเกลือใต้มีน้ำท่วม (หมู่ที่ 1-10,14) และเกิดดินสไลด์ระหว่าง กม.ที่ 71-72 และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ได้เกิดดินสไลด์ที่ตำบลขุนน่าน โดยสถานการณ์อุทกภัยได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2550
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดน่าน อำเภอบ่อเกลือ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน อบจ. หน่วยงานสร้างทางบ้านหลักลาย (กรมทางหลวง) แขวงการทางน่านที่ 2 สมาชิก อส. ร่วมกับราษฎรในพื้นที่ ได้เร่งดำเนินการเปิดเส้นทางบริเวณที่เกิดดินสไลด์แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2550
2) จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2550 เกิดฝนตกต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดเชียงราย 2 อำเภอ 5 ตำบล 25 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอพญาเม็งราย ที่ตำบลแม่ต๋ำ (หมู่ที่ 1,3,4,5,8,9,11) ตำบลแม่เปา (หมู่ที่ 2,4,5,10,11,13,14,15,18) และตำบลพญาเม็งราย (หมู่ที่ 5,8,13) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 180 คน 60 ครัวเรือน และอำเภอเทิง เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมตำบลตับเต่า (หมู่ที่ 7,8,15,18) และตำบล หงาว (หมู่ที่ 8,9) โดยสถานการณ์อุทกภัยได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2550
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัดเชียงราย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย อบต.พญาเม็งราย อบต.แม่ต๋ำ อบต.แม่เปา เกษตรอำเภอพญาเม็งราย อบต.ตับเต่า อบต.หงาว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว
3) จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2550 เวลาประมาณ 02.00 น. ได้เกิดฝนตกหนักและมีน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาพนมดงรักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อำเภอน้ำยืน บริเวณตำบลสีวิเชียร จำนวน 2 หมู่บ้าน (หมู่ที่ 7 และ 12 ) ระดับน้ำที่ท่วมบ้านเรือนราษฎรสูงประมาณ 1.00-1.50 ม. ขณะนี้ยังคงมีน้ำท่วมขังและมีระดับน้ำสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือ
1. ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี นายอำเภอน้ำยืน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อพยพราษฎร 315 คน และสิ่งของไปไว้ในที่ปลอดภัย
2. อำเภอน้ำยืน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแจ้งให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์อุทกภัยแล้ว
4) จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2550 เวลาประมาณ 15.00 น. ได้เกิดฝนตกหนักและมีน้ำป่าไหลหลากลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยตาจู ตำบลกันทรอม อำเภอขุนหาญ ทำให้น้ำล้นสปริลเวย์ไหลเข้าท่วมเบ้านเรือนราษฎร จำนวน 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลห้วยจันทร์ ตำบลกันทรอม และตำบลโนนสูง มีผู้เสียชีวิต 1 คน (นายทิน ทองดี อายุ 73 ปี ) สูญหาย 2 คน ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ
การให้ความช่วยเหลือ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ออกไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยและสั่งการให้ชุดกู้ภัยเร่งค้นหาผู้สูญหาย และระดมเครื่องมืออุปกรณ์เรือท้องแบนเพื่อเตรียมการอพยพผู้ประสบภัยแล้ว
2. การประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 16 (216/2550) ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2550 ดังนี้
2.1 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศเตือนภัย เรื่องพายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้ ดังนี้ พายุดีเปรสชันในทะเลจีนใต้ตอนกลาง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 สิงหาคม 2550 มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 150 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 16.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.4 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้เคลื่อนที่ทางเหนือค่อนทางตะวันตกอย่างช้าๆ ทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง ในช่วงวันที่ 6-8 สิงหาคม 2550
2.2 สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศ ตามข้อ 2.1 เมื่อวันที่ 1, 2, และ 4 สิงหาคม 2550 ให้จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ได้เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่มและคลื่นลมแรง อันเกิดจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยให้แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระหว่างวันที่ 5 - 9 สิงหาคม 2550 และให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อมเพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัย เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นได้อย่างทันต่อเหตุการณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 สิงหาคม 2550--จบ--