คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์สรุปรายงานการส่งออกข้าวของไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 (มกราคม — มิถุนายน) ดังนี้
1. ปริมาณและมูลค่าการส่งออก
มกราคม - มิถุนายน เพิ่ม / ลด (%)
รายการ ปี 2549 % ปี 2550 %
1. ปริมาณ (ล้านตัน)
ข้าวหอมมะลิไทย 1.254 34 1.45 36 15.6
ข้าวขาว 1.401 38 1.353 33 -3.4
ข้าวอื่น ๆ 1.06 28 1.271 31 19.9
รวม 3.715 100 4.074 100 9.7
2. มูลค่า (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
ข้าวหอมมะลิไทย 474 39 646 43 36.3
ข้าวขาว 422 35 437 29 3.6
ข้าวอื่น ๆ 309 26 425 28 37.5
รวม 1,205 100 1,508 100 25.1
3. ราคาส่งออกเฉลี่ย(USD/ตัน) 324 370 14.2
2. ตลาด ภาวะข้าวตลาดโลกเป็นตลาดของผู้ขายหรือประเทศผู้ส่งออก และราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสในการส่งออกข้าวของไทยและเพื่อจำหน่ายข้าวค้างในสต็อกรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการส่งออกข้าวเชิงรุก โดยได้จำหน่ายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลปริมาณ 1,195,037 ตัน เป็นการขายข้าวให้แก่รัฐบาลอิหร่าน 510,000 ตัน อินโดนีเซีย 200,000 ตัน และจำหน่ายข้าวสารโดยวิธีเสนอราคาให้แก่ผู้ส่งออก/โรงสีข้าว 485,037 ตัน นอกจากนี้ยังได้ดำเนินมาตรการควบคุมคุณภาพข้าวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยทั้งภายในและต่างประเทศ โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายข้าวในการประชุม Thailand Rice Convention 2007 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 80 พรรษาในระหว่างวันที่ 11 — 15 พฤษภาคม 2550 และในช่วงการจัดงานดังกล่าวมีการเจรจาซื้อขายข้าวให้แก่ผู้ซื้อข้าวต่างประเทศในปริมาณ 800,000 ตัน นอกจากนั้นยังได้จัดคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนเดินทางไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ขยายตลาดข้าวไทยในหลายประเทศ ได้แก่ เซเนกัล กานา ตูนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งตลาดเหล่านี้มีความเชื่อถือมาตรฐานและคุณภาพข้าวไทย และส่วนใหญ่ยังคงนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณ มูลค่า และราคาข้าวส่งออกมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทย แม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้น และราคาส่งออกได้เพิ่มสูงขึ้นด้วยก็ตาม ขณะที่ราคาข้าวเปลือกส่วนใหญ่ยังคงมีเสถียรภาพในระดับสูง
3. แนวโน้มการส่งออกข้าวในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 คาดว่า ประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ยังคงมีความต้องการข้าวปริมาณมาก โดยเฉพาะอินโดนีเซีย อิหร่าน อิรัก และฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวเพิ่มเติม เพื่อชดเชยผลผลิตและสต็อกข้าวที่ลดลง ขณะที่ประเทศคู่แข่งหลายประเทศมีสต็อกข้าวปริมาณจำกัด โดยเฉพาะเวียดนาม สถานการณ์ข้าว ภายในประเทศค่อนข้างตึงตัวและระงับการส่งออกข้าวในช่วงไตรมาสที่ 3 ไปจนถึงเดือนกันยายน 2550 ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าดังกล่าวหันมานำเข้าจากไทยมากขึ้น เนื่องจากไทยมีข้าวพร้อมส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ตามกำหนดระยะเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยลบหลายด้านที่อาจทำให้การส่งออกเกิดความผันผวนและชะลอตัวลงบ้าง ทั้งปัญหาการขาดแคลนเรือบรรทุกสินค้าข้าว ค่าระวางเรือสูงขึ้น รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะเร่งผลักดันการส่งออกข้าวตามแผนการตลาด และแผนการระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การส่งออกข้าวในปี 2550 บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ปริมาณ 8.5 ล้านตัน มูลค่า 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 สิงหาคม 2550--จบ--
1. ปริมาณและมูลค่าการส่งออก
มกราคม - มิถุนายน เพิ่ม / ลด (%)
รายการ ปี 2549 % ปี 2550 %
1. ปริมาณ (ล้านตัน)
ข้าวหอมมะลิไทย 1.254 34 1.45 36 15.6
ข้าวขาว 1.401 38 1.353 33 -3.4
ข้าวอื่น ๆ 1.06 28 1.271 31 19.9
รวม 3.715 100 4.074 100 9.7
2. มูลค่า (ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
ข้าวหอมมะลิไทย 474 39 646 43 36.3
ข้าวขาว 422 35 437 29 3.6
ข้าวอื่น ๆ 309 26 425 28 37.5
รวม 1,205 100 1,508 100 25.1
3. ราคาส่งออกเฉลี่ย(USD/ตัน) 324 370 14.2
2. ตลาด ภาวะข้าวตลาดโลกเป็นตลาดของผู้ขายหรือประเทศผู้ส่งออก และราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสในการส่งออกข้าวของไทยและเพื่อจำหน่ายข้าวค้างในสต็อกรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการส่งออกข้าวเชิงรุก โดยได้จำหน่ายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลปริมาณ 1,195,037 ตัน เป็นการขายข้าวให้แก่รัฐบาลอิหร่าน 510,000 ตัน อินโดนีเซีย 200,000 ตัน และจำหน่ายข้าวสารโดยวิธีเสนอราคาให้แก่ผู้ส่งออก/โรงสีข้าว 485,037 ตัน นอกจากนี้ยังได้ดำเนินมาตรการควบคุมคุณภาพข้าวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยทั้งภายในและต่างประเทศ โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายข้าวในการประชุม Thailand Rice Convention 2007 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 80 พรรษาในระหว่างวันที่ 11 — 15 พฤษภาคม 2550 และในช่วงการจัดงานดังกล่าวมีการเจรจาซื้อขายข้าวให้แก่ผู้ซื้อข้าวต่างประเทศในปริมาณ 800,000 ตัน นอกจากนั้นยังได้จัดคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนเดินทางไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ขยายตลาดข้าวไทยในหลายประเทศ ได้แก่ เซเนกัล กานา ตูนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งตลาดเหล่านี้มีความเชื่อถือมาตรฐานและคุณภาพข้าวไทย และส่วนใหญ่ยังคงนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณ มูลค่า และราคาข้าวส่งออกมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทย แม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้น และราคาส่งออกได้เพิ่มสูงขึ้นด้วยก็ตาม ขณะที่ราคาข้าวเปลือกส่วนใหญ่ยังคงมีเสถียรภาพในระดับสูง
3. แนวโน้มการส่งออกข้าวในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 คาดว่า ประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ยังคงมีความต้องการข้าวปริมาณมาก โดยเฉพาะอินโดนีเซีย อิหร่าน อิรัก และฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวเพิ่มเติม เพื่อชดเชยผลผลิตและสต็อกข้าวที่ลดลง ขณะที่ประเทศคู่แข่งหลายประเทศมีสต็อกข้าวปริมาณจำกัด โดยเฉพาะเวียดนาม สถานการณ์ข้าว ภายในประเทศค่อนข้างตึงตัวและระงับการส่งออกข้าวในช่วงไตรมาสที่ 3 ไปจนถึงเดือนกันยายน 2550 ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าดังกล่าวหันมานำเข้าจากไทยมากขึ้น เนื่องจากไทยมีข้าวพร้อมส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ตามกำหนดระยะเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยลบหลายด้านที่อาจทำให้การส่งออกเกิดความผันผวนและชะลอตัวลงบ้าง ทั้งปัญหาการขาดแคลนเรือบรรทุกสินค้าข้าว ค่าระวางเรือสูงขึ้น รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะเร่งผลักดันการส่งออกข้าวตามแผนการตลาด และแผนการระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การส่งออกข้าวในปี 2550 บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ปริมาณ 8.5 ล้านตัน มูลค่า 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 สิงหาคม 2550--จบ--