คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ข้อเท็จจริง
กระทรวงวัฒนธรรมเสนอว่า
1. ผลการสำรวจเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคสื่อของเด็กพบว่าโดยเฉลี่ยเด็กและเยาวชนไทยบริโภคสื่อวันละ 12.9 ชั่วโมง โดยมีสัดส่วนการรับชมโทรทัศน์สูงสุดอยู่ที่ 5.7 ชั่วโมงต่อวัน และใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 3.1 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะเดียวกัน ผลการสำรวจสัดส่วนรายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก ประเภท ป (อายุ 3-5 ปี) และประเภท ด (อายุ 6-12 ปี) ในเดือนกรกฎาคม 2551 โดยโครงการ Child Media Watch พบว่า เฉลี่ยทุกสถานีในระบบฟรีทีวี มีสัดส่วนรายการเด็กเพียงร้อยละ 5.48 ของเวลาออกอากาศทั้งหมด สอดคล้องกับผลการติดตามการจัดระดับความเหมาะสมของประเภทรายการโทรทัศน์ของเครือข่ายสถาบันวิชาการนิเทศศาสตร์ 12 สถาบัน และเครือข่ายครอบครัวอาสาเฝ้าระวังสื่อ ที่พบว่า รายการประเภท ป และ ด ในช่วงเวลา 16.00-22.00 น. ของทุกสถานี มีเพียงร้อยละ 10 ซึ่งต่ำกว่าที่ระเบียบของกรมประชาสัมพันธ์ ได้กำหนดไว้ว่าต้องมีรายการสำหรับเด็กและเยาวชน ร้อยละ 25 ในผังรายการของช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนสื่อวิทยุนั้นพบว่ามีสัดส่วนของรายการสำหรับเด็กไม่ถึงร้อยละ 1 ของจำนวนเวลาและสถานีทั่วประเทศ
2. การวิเคราะห์ของภาควิชาการต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าสาเหตุหลักที่ทำให้สื่อสร้างสรรค์สำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว มีจำนวนน้อยเนื่องมาจาก 1) นโยบายของสถานีที่มุ่งผลิตรายการเพื่อเป้าหมายทางการตลาด 2) ข้อจำกัดด้านเงินทุน เพราะรายการเด็กที่มีคุณภาพสูงต้องใช้ทุนผลิตสูงกว่า 300,000 บาทต่อชั่วโมง ทำให้ผู้ผลิตรายย่อยและอิสระไม่สามารถอยู่ได้ 3) ข้อจำกัดเรื่องผู้สนับสนุนรายการ เนื่องจากรายการเด็กมักอยู่ในช่วงเวลาไม่ดี ได้รับความนิยมไม่มาก จึงมีผู้สนับสนุนรายการน้อย 4) ผู้ผลิตสื่อเด็กที่มีคุณภาพและมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเรียนรู้พัฒนาการของเด็ก และสาระทางวัฒนธรรม ยังมีจำนวนน้อย ทำให้เกิดข้อจำกัดเรื่องคุณภาพเนื้อหา ในขณะที่ช่องทางของการเผยแพร่มีมากขึ้น โดยเฉพาะทีวีในระบบอื่น ๆ เช่น ดาวเทียม และอินเทอร์เน็ต จึงทำให้มีความจำเป็นต้องเพิ่มเนื้อหาที่สร้างสรรค์
3. ในการพัฒนาและส่งเสริมให้เกิดสื่อสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้นจึงจำเป็นต้องกำหนดให้มีกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ รวมถึงเพื่อพัฒนาศักยภาพในการผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ของผู้ผลิตสื่ออาชีพเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์กระจายสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์อย่างทั่วถึงทุกระดับ รวมทั้งเพื่อสร้างกลไกในการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อ โดยมีคณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายการบริหาร ให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงาน และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินที่จะให้การสนับสนุนกิจกรรมด้านต่าง ๆ และระดมการจัดหาทุนจากแหล่งต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการระดมความร่วมมือจากเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. กำหนดให้จัดตั้งกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เป็นนิติบุคคลและกำหนดวัตถุประสงค์ของกองทุน (ร่างมาตรา 5)
2. กำหนดให้กองทุนส่วนหนึ่งประกอบด้วยทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ เงินอุดหนุนของรัฐบาล หรือที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีและเงินรายได้ที่ กสทช.จัดสรรให้ (ร่างข้อ 6)
3. กำหนดให้กิจการของกองทุนไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วย เงินทดแทน (ร่างข้อ 7)
4. กำหนดให้กองทุนมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ และรายได้ของกองทุนไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน (ร่างข้อ 10)
5. กำหนดให้ กสทช. จัดสรรเงินรายได้ให้แก่กองทุนเป็นประจำทุกปี (ร่างมาตรา 11)
6. กำหนดให้กองทุนมีอำนาจจ่ายเงินจากกองทุนเป็นค่าใช้จ่ายตามที่กำหนด (ร่างมาตรา 13)
7. กำหนดให้มีคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กำหนดองค์ประกอบ คุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง อำนาจหน้าที่และองค์ประชุมคณะกรรมการฯ (ร่างมาตรา 14 ถึงร่างมาตรา 19)
8. กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งที่ปรึกษา และคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่มอบหมายได้ และให้ได้รับเบี้ยประชุมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด (ร่างมาตรา 20 และร่างมาตรา 21)
9. กำหนดให้มีผู้จัดการกองทุน คุณสมบัติของผู้จัดการ วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ (ร่างมาตรา 22 ถึงร่างมาตรา 25)
10. กำหนดให้กองทุนจัดทำงบการเงินและทำรายงานประจำปีเสนอคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา (ร่างมาตรา 32 และร่างมาตรา 33)
11. กำหนดให้มีคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน และกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ (ร่างมาตรา 34 และร่างมาตรา 35)
12. ในวาระเริ่มแรกกำหนดให้คณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ร่างมาตรา 37)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 มีนาคม 2553--จบ--