คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการใช้เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ โครงการพัฒนาธุรกิจโคนม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ใช้เงินที่ได้รับชำระคืนจากสหกรณ์ลูกหนี้ โครงการพัฒนาธุรกิจโคนมเพื่อให้สหกรณ์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโคนมกู้ยืม เพื่อนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพ การผลิต การตลาด และนโยบาย Food safety รวมทั้งใช้ในวัตถุประสงค์เดิมของโครงการ สำหรับการขอใช้ดอกผลที่เกิดขึ้นจากการให้กู้เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ โครงการพัฒนาธุรกิจโคนม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป และควรกำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้มีความชัดเจนโดยประหยัด และให้สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 8 มกราคม 2545 รัฐจัดหาเงินทุนให้กู้ยืมเพื่อเลี้ยงโคนมผ่านกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) จำนวน 600 ล้านบาท โดยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมรายใหม่กู้รายละไม่เกิน 300,000 บาท กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้อนุญาตให้สหกรณ์กู้เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ตามโครงการพัฒนาธุรกิจโคนม จำนวน 49 สหกรณ์ เป็นเงิน 531.60 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ 10 ปี ส่วนเงินที่เหลือจากการให้กู้จำนวน 68.40 ล้านบาท ได้ส่งคืนกรมบัญชีกลางแล้ว
2. ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 ลูกหนี้โครงการพัฒนาธุรกิจโคนมได้ชำระหนี้ต้นเงินแล้วทั้งสิ้น 102.70 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยซึ่งไม่สามารถนำไปใช้หมุนเวียนให้เกิดประโยชน์ต่อสหกรณ์และสมาชิกในวัตถุประสงค์อื่น ๆ นอกจากให้สหกรณ์กู้เพื่อนำไปให้สมาชิกกู้เลี้ยงโคนมรายใหม่ตามวัตถุประสงค์ของโครงการเดิมเท่านั้น
3. ปัจจุบันสถานการณ์การเลี้ยงโคนมเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมประสบปัญหาการขาดทุน รายได้ไม่เพียงพอเลี้ยงครอบครัวมีภาระหนี้สิน ในที่สุดเกษตรกรจำนวนไม่น้อยต้องเลิกอาชีพการเลี้ยงโคนม ประกอบกับชมรมสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมภาคเหนือตอนบนและสหกรณ์โคนมอีกหลายสหกรณ์ได้ยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอให้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยขอให้ปรับเพิ่มราคาน้ำนมดิบและปรับลดราคาอาหารข้นโคนมและลดต้นทุนค่าขนส่ง จึงจำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงเห็นสมควรนำเงินที่ได้รับชำระคืนตามโครงการฯ ดังกล่าว มาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการตลาดเพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมอยู่ได้
4. กองทุนพัฒนาสหกรณ์มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนส่งเสริมกิจการของสหกรณ์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 มีทุนดำเนินงานทั้งสิ้น 3,500 ล้านบาท แต่เงินส่วนใหญ่หมุนเวียนอยู่ในลูกหนี้เงินกู้ ประกอบกับความต้องการใช้เงินทุนของสหกรณ์มีมากขึ้นตามลำดับ รวมทั้งรัฐใช้กองทุนพัฒนาสหกรณ์เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาตามนโยบายสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิต การแก้ไขปัญหาไข้หวัดนก และนโยบาย Food safety เป็นต้น ทำให้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ขาดสภาพคล่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มกราคม 2550--จบ--
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 8 มกราคม 2545 รัฐจัดหาเงินทุนให้กู้ยืมเพื่อเลี้ยงโคนมผ่านกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) จำนวน 600 ล้านบาท โดยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมรายใหม่กู้รายละไม่เกิน 300,000 บาท กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้อนุญาตให้สหกรณ์กู้เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ตามโครงการพัฒนาธุรกิจโคนม จำนวน 49 สหกรณ์ เป็นเงิน 531.60 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ 10 ปี ส่วนเงินที่เหลือจากการให้กู้จำนวน 68.40 ล้านบาท ได้ส่งคืนกรมบัญชีกลางแล้ว
2. ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 ลูกหนี้โครงการพัฒนาธุรกิจโคนมได้ชำระหนี้ต้นเงินแล้วทั้งสิ้น 102.70 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยซึ่งไม่สามารถนำไปใช้หมุนเวียนให้เกิดประโยชน์ต่อสหกรณ์และสมาชิกในวัตถุประสงค์อื่น ๆ นอกจากให้สหกรณ์กู้เพื่อนำไปให้สมาชิกกู้เลี้ยงโคนมรายใหม่ตามวัตถุประสงค์ของโครงการเดิมเท่านั้น
3. ปัจจุบันสถานการณ์การเลี้ยงโคนมเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมประสบปัญหาการขาดทุน รายได้ไม่เพียงพอเลี้ยงครอบครัวมีภาระหนี้สิน ในที่สุดเกษตรกรจำนวนไม่น้อยต้องเลิกอาชีพการเลี้ยงโคนม ประกอบกับชมรมสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมภาคเหนือตอนบนและสหกรณ์โคนมอีกหลายสหกรณ์ได้ยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอให้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยขอให้ปรับเพิ่มราคาน้ำนมดิบและปรับลดราคาอาหารข้นโคนมและลดต้นทุนค่าขนส่ง จึงจำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงเห็นสมควรนำเงินที่ได้รับชำระคืนตามโครงการฯ ดังกล่าว มาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการตลาดเพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมอยู่ได้
4. กองทุนพัฒนาสหกรณ์มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนส่งเสริมกิจการของสหกรณ์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 มีทุนดำเนินงานทั้งสิ้น 3,500 ล้านบาท แต่เงินส่วนใหญ่หมุนเวียนอยู่ในลูกหนี้เงินกู้ ประกอบกับความต้องการใช้เงินทุนของสหกรณ์มีมากขึ้นตามลำดับ รวมทั้งรัฐใช้กองทุนพัฒนาสหกรณ์เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาตามนโยบายสำคัญ เช่น การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิต การแก้ไขปัญหาไข้หวัดนก และนโยบาย Food safety เป็นต้น ทำให้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ขาดสภาพคล่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มกราคม 2550--จบ--