คณะรัฐมนตรีรับทราบสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ปี 2550 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ซึ่งมักพบการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนของทุกปี อันมีสาเหตุเนื่องมาจากการเกิดไฟและหมอกควันบริเวณเกาะสุมาตรา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษขอรายงานผลการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม 2550 พบการเพิ่มสูงขึ้นของปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของจำนวน hotspot (จุดความร้อนในภาพถ่ายดาวเทียมที่คาดว่าเป็นจุดที่เกิดไฟ) บริเวณเกาะสุมาตรา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าว ทิศทางลมพัดจากเกาะสุมาตรามายังประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ส่งผลให้จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ได้รับผลกระทบหมอกควันจากเกาะสุมาตรา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ปริมาณฝุ่นละออกขนาดเล็กเฉลี่ย 24 ชั่วโมง (เวลา 09.00 — 09.00 น.) ตรวจพบค่าสูงสุดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2550 ณ จังหวัดสงขลา มีค่าเท่ากับ 91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากภาคใต้ตอนล่างของประเทศมีฝนตกตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2550 ทำให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในขณะนี้ลดลงกลับสู่สภาวะปกติ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยกรมควบคุมมลพิษ ได้เพิ่มการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่จังหวัดสตูลและตรัง โดยได้จัดส่งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่ทำการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 เป็นต้นมา ทำให้ในขณะนี้มีสถานีติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สงขลา ยะลา นราธิวาส สตูล และตรัง โดยได้มีการรายงานข้อมูลคุณภาพอากาศเป็นประจำทุกวันผ่านเว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษ www.pcd.go.th และได้จัดส่งข้อมูลข่าวสารสถานการณ์หมอกควันให้หน่วยงานท้องถิ่นทราบเป็นข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS) โทรสาร และจดหมายอิเล็คทรอนิกส์ (e-mail) เพื่อให้รับทราบข้อมูลข่าวสารและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์หมอกควันและผลกระทบที่อาจมีต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน นอกจากนี้ ได้แจ้งประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่คาดว่าอาจได้รับผลกระทบหมอกควัน 9 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ให้เตรียมมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันเป็นพิษ พร้อมทั้งแจ้งประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุข ให้มีการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชน และเตรียมความพร้อมบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนกรณีวิกฤติหมอกควัน โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบบทางเดินหายใจ
จากการคาดการณ์ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาเฉพาะทางอาเซียน (ASEAN Specialized Meteorological Centre : ASMC) สาธารณรัฐสิงคโปร์ พบว่าสภาพอุตินิยมวิทยา ได้แก่ ปริมาณน้ำฝน และความชื้นในอากาศของประเทศมาเลเซียและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จะเอื้อต่อการเผาไปจนถึงเดือนกันยายน 2550 ดังนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันอย่างต่อเนื่อง และรายงานข้อมูลผ่านสื่อต่าง ๆ ต่อไป จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูการเผาในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 สิงหาคม 2550--จบ--
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ซึ่งมักพบการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนของทุกปี อันมีสาเหตุเนื่องมาจากการเกิดไฟและหมอกควันบริเวณเกาะสุมาตรา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษขอรายงานผลการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม 2550 พบการเพิ่มสูงขึ้นของปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของจำนวน hotspot (จุดความร้อนในภาพถ่ายดาวเทียมที่คาดว่าเป็นจุดที่เกิดไฟ) บริเวณเกาะสุมาตรา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าว ทิศทางลมพัดจากเกาะสุมาตรามายังประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ส่งผลให้จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ได้รับผลกระทบหมอกควันจากเกาะสุมาตรา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ปริมาณฝุ่นละออกขนาดเล็กเฉลี่ย 24 ชั่วโมง (เวลา 09.00 — 09.00 น.) ตรวจพบค่าสูงสุดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2550 ณ จังหวัดสงขลา มีค่าเท่ากับ 91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากภาคใต้ตอนล่างของประเทศมีฝนตกตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2550 ทำให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในขณะนี้ลดลงกลับสู่สภาวะปกติ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยกรมควบคุมมลพิษ ได้เพิ่มการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่จังหวัดสตูลและตรัง โดยได้จัดส่งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่ทำการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 เป็นต้นมา ทำให้ในขณะนี้มีสถานีติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สงขลา ยะลา นราธิวาส สตูล และตรัง โดยได้มีการรายงานข้อมูลคุณภาพอากาศเป็นประจำทุกวันผ่านเว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษ www.pcd.go.th และได้จัดส่งข้อมูลข่าวสารสถานการณ์หมอกควันให้หน่วยงานท้องถิ่นทราบเป็นข้อความสั้นผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS) โทรสาร และจดหมายอิเล็คทรอนิกส์ (e-mail) เพื่อให้รับทราบข้อมูลข่าวสารและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์หมอกควันและผลกระทบที่อาจมีต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน นอกจากนี้ ได้แจ้งประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่คาดว่าอาจได้รับผลกระทบหมอกควัน 9 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ให้เตรียมมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันเป็นพิษ พร้อมทั้งแจ้งประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุข ให้มีการเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชน และเตรียมความพร้อมบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนกรณีวิกฤติหมอกควัน โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบบทางเดินหายใจ
จากการคาดการณ์ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาเฉพาะทางอาเซียน (ASEAN Specialized Meteorological Centre : ASMC) สาธารณรัฐสิงคโปร์ พบว่าสภาพอุตินิยมวิทยา ได้แก่ ปริมาณน้ำฝน และความชื้นในอากาศของประเทศมาเลเซียและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จะเอื้อต่อการเผาไปจนถึงเดือนกันยายน 2550 ดังนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันอย่างต่อเนื่อง และรายงานข้อมูลผ่านสื่อต่าง ๆ ต่อไป จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูการเผาในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 สิงหาคม 2550--จบ--