คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ การค้าระหว่างประเทศของไทยปี 2549 สรุปได้ดังนี้
1. การส่งออก
การส่งออกเดือนธันวาคม 2549 มีมูลค่า 10,959.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.5 โดยมีมูลค่าส่งออกเกินหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดต่อกันเป็นเดือนที่แปด โดยเป็นการขยายตัวสูงในทุกหมวดสินค้า ดังนี้
- สินค้าเกษตรกรรม/อุตสาหกรรมการเกษตร ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 สินค้าสำคัญ ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และสินค้าอาหาร (กุ้งแช่แข็งและแปรรูป อาหารกระป๋องและแปรรูป ผักและผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป และ ไก่แช่แข็งและแปรรูป) ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8, 49.0 และ 9.2 ตามลำดับ รวมทั้งข้าวและน้ำตาลที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ ร้อยละ 16.3 และ 71.3 ตามลำดับ
- สินค้าอุตสาหกรรม ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และส่วนประกอบ วัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องใช้และเครื่องประดับตกแต่ง เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เภสัช สิ่งพิมพ์ และของเล่น ในขณะที่สินค้าเฟอร์นิเจอร์ส่งออกลดลงเล็กน้อย ร้อยละ 0.6 เนื่องจากปัญหาวัตถุดิบไม้ยางพาราขาดแคลนและมีราคาสูง รวมทั้งการแข่งขันกับจีนและเวียดนาม
- สินค้าอื่นๆ ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.0 ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ทองแดง และเลนซ์ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 46.3, 42.1, 53.4 และ 32.7 ตามลำดับ
ตลาดส่งออกเดือนธันวาคม 2549 การส่งออกไปตลาดใหม่และตลาดหลักยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.6 และ 11.8 ตามลำดับ
- ตลาดใหม่ที่ขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่อง ได้แก่ ออสเตรเลีย(ร้อยละ 60.7) ลาตินอเมริกา(ร้อยละ 41.7) ยุโรปตะวันออก(ร้อยละ 37.1) แอฟริกา(ร้อยละ 26.0) จีน(ร้อยละ 23.0) อินโดจีนและพม่า(ร้อยละ 21.2) และตะวันออกกลาง(ร้อยละ 16.6) รวมทั้งไต้หวันและฮ่องกงที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.7 และ 16.9 ตามลำดับ
- ตลาดหลักขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกตลาด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่นและอาเซียน(5) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 7.8 , 22.0 , 15.6 และ 4.1 ตามลำดับ โดยอินโดนีเซียยังคงส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม
การส่งออกปี 2549 มีมูลค่า 129,744.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.9 คิดเป็นร้อยละ 99.5 ของเป้าหมายการส่งออก เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกหมวดในสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7
- สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ยางพารา (ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 และ 45.4) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง(ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.8 และ 32.6) และ สินค้าอาหาร (ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 และ 10.6) ขณะที่ข้าวมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 แต่ปริมาณลดลงร้อยละ 0.8 เนื่องจากราคาข้าวในประเทศสูง และต้องแข่งขันด้านราคากับเวียดนามและอินเดีย ส่วนน้ำตาล มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 แต่ปริมาณลดลง ร้อยละ 25.7 เนื่องจากผลผลิตในประเทศลดลง
- สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ ยานยนต์และส่วนประกอบ วัสดุก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 20.9, 21.7 และ 31.4 ตามลำดับ สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งพิมพ์และกระดาษ เครื่องสำอางเม็ด ผลิตภัณฑ์เภสัช/เครื่องมือแพทย์ และของเล่น สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นต่ำกว่าร้อยละ 10 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องเดินทาง เครื่องหนังและรองเท้า และเครื่องใช้และเครื่องประดับตกแต่ง ขณะที่เฟอร์นิเจอร์ส่งออกลดลงร้อยละ 1.5
- สินค้าอื่นๆ ที่สำคัญและส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูงต่อเนื่อง ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ น้ำมันดิบ ทองแดง และเลนส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.1, 25.8, 12.4, 97.6 และ 35.8 ตามลำดับ
ตลาดส่งออกสำคัญในปี 2549 การส่งออกไปตลาดใหม่และตลาดหลักยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 24.7 และ 11.7 ตามลำดับ ทำให้สัดส่วนการส่งออกไปตลาดใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 43.2 ขณะที่สัดส่วนการส่งออกไปตลาดหลักลดลงเป็นร้อยละ 56.8
- ตลาดใหม่ที่ขยายตัวในอัตราสูงได้แก่ ลาตินอเมริกา(ร้อยละ 36.0) ยุโรปตะวันออก(ร้อยละ 35.9) ไต้หวัน(ร้อยละ 23.7) ออสเตรเลีย(ร้อยละ 30.7) อินโดจีนและพม่า (ร้อยละ 27.7) จีน(ร้อยละ 27.7) ตะวันออกกลาง(ร้อยละ 27.1) และแคนาดา(ร้อยละ 19.6) และอินเดียที่กลับมาส่งออกเพิ่มถึงร้อยละ 17.9
- ตลาดหลักที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐฯร้อยละ 14.5 สหภาพยุโรปร้อยละ 18.0 ญี่ปุ่นร้อยละ 8.8 และ อาเซียน(5)ร้อยละ 6.7 ยกเว้น อินโดนีเซียลดลงร้อยละ 16.9 เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ
2. การนำเข้า
การนำเข้าเดือนธันวาคม 2549 มีมูลค่า 10,047.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.1
- กลุ่มสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง (ร้อยละ 27.1) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ร้อยละ 8.8) สินค้าอุปโภคบริโภค (ร้อยละ 7.5) กลุ่มสินค้าที่นำเข้าลดลง ได้แก่ สินค้าทุน(ร้อยละ 9.2) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง (ร้อยละ 10.1) สินค้าอาวุธ ยุทธปัจจัยและสินค้าอื่นๆ (ร้อยละ 27.8)
- สำหรับกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงในเดือนธันวาคม 2549 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95.9 ของการนำเข้ารวม มีดังนี้
(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้ามูลค่า 2,071 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.1 (สัดส่วนร้อยละ 20.6 ของมูลค่านำเข้ารวม) เป็นการนำเข้าน้ำมันดิบปริมาณ 25.84 ล้านบาร์เรล (833,489 บาร์เรลต่อวัน) มูลค่า 1,582 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 15.4 มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.4 (สัดส่วนร้อยละ 15.7 ของมูลค่านำเข้ารวม)
(2) สินค้าทุน นำเข้ามูลค่า 2,653 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลง ร้อยละ 9.2 (สัดส่วนร้อยละ 26.4 ของมูลค่านำเข้ารวม) สินค้าสำคัญ ได้แก่
- เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ นำเข้ามูลค่า 850 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 4.6 (สัดส่วนร้อยละ 8.5 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ นำเข้ามูลค่า 710 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 19.8 (สัดส่วนร้อยละ 7.1 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ นำเข้ามูลค่า 585 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 (สัดส่วนร้อยละ 5.8 ของมูลค่านำเข้ารวม)
(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป นำเข้ามูลค่า 4,166 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 (สัดส่วนร้อยละ 41.5 ของมูลค่านำเข้ารวม) สินค้าสำคัญ ได้แก่
- อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นำเข้ามูลค่า 722 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 9.1 (สัดส่วนร้อยละ 7.2 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เคมีภัณฑ์ นำเข้ามูลค่า 728 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 (สัดส่วนร้อยละ 7.2 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ นำเข้าปริมาณ 0.96 ล้านตัน มูลค่า 681 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวของปีก่อน ปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.9(สัดส่วนร้อยละ 6.8 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- ทองคำ นำเข้าปริมาณ 8.13 ตัน เทียบกับเดือนเดียวของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 23.5 มูลค่า 163 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.6 (สัดส่วนร้อยละ 1.6 ของมูลค่านำเข้ารวม)
(4) สินค้าอุปโภคบริโภค นำเข้ามูลค่า 742 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 (สัดส่วนร้อยละ 7.4 ของมูลค่านำเข้ารวม) สินค้าสำคัญได้แก่
- เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เช่น เครื่องใช้ในครัวและโต๊ะอาหาร กระเป๋า เป็นต้น นำเข้ามูลค่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 4.3 (สัดส่วนร้อยละ 1..4 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน นำเข้ามูลค่า 134 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของ ปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 (สัดส่วนร้อยละ 1.3 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- นาฬิกาและส่วนประกอบ นำเข้ามูลค่า 23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 30.2 (สัดส่วนร้อยละ 0.2 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เสื้อผ้า รองเท้าและผลิตภัณฑ์ สิ่งทออื่นๆ นำเข้ามูลค่า 37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 (สัดส่วนร้อยละ 0.4 ของมูลค่านำเข้ารวม) โดยเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 และรองเท้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.9
การนำเข้าของปี 2549 มีมูลค่า 126,830.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 7.3 โดยกลุ่มสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่สินค้าเชื้อเพลิง(ร้อยละ 20.9) สินค้าทุน(ร้อยละ 3.9) สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป(ร้อยละ 4.3) และ สินค้าอุปโภคบริโภค(ร้อยละ 13.8) ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีการนำเข้าลดลง ได้แก่ สินค้ายานพาหนะ/อุปกรณ์ขนส่ง(ร้อยละ 4.4) และสินค้าอาวุธยุทธปัจจัยและสินค้าอื่นๆ(ร้อยละ 7.7)
3. ดุลการค้า
ดุลการค้าเดือนธันวาคม 2549 ไทยเกินดุลการค้า 911.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าของปี 2549 ไทยเกินดุลการค้ารวม 2,913.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเทียบกับปีก่อนหน้า ขาดดุลสูงถึง 7,236.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
4. สรุปแนวโน้มการส่งออก การนำเข้า และดุลการค้าปี 2550
แนวโน้มการส่งออก
กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับภาคเอกชน สมาคม และผู้ประกอบการส่งออกสินค้าสำคัญ ในเบื้องต้นคาดการณ์ว่าการส่งออกในปี 2550 จะขยายตัวร้อยละ 12.5 ตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญได้แก่ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินการเจาะและขยายตลาดเชิงรุก ความต้องการสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดใหม่ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแผนส่งเสริมการส่งออกเพื่อเร่งรัดผลักดันการส่งออกที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมส่งออกเป็นกรณีพิเศษในตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะ อาเซียน จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การส่งเสริมธุรกิจบริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น การวางรากฐานการส่งออกในระยะกลาง/ยาว (เพิ่มผู้ส่งออกรายใหม่มากขึ้น พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและส่งเสริมธุรกิจไทยสู่สากล ส่งเสริมพัฒนา Trade Mart และส่งเสริม/พัฒนาผลิตภัณฑ์) สนับสนุนการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น
แนวโน้มการนำเข้าและดุลการค้า
เพื่อให้การนำเข้าอยู่ในระดับที่เหมาะสม จะได้มีการดูแลการนำเข้าโดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนในการแจ้งแผนการนำเข้าเป็นรายเดือนอย่างต่อเนื่องรวม 10 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ทองคำ เครื่องจักรและส่วนประกอบ เครื่องจักรการเกษตร คอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม อัญมณีและเครื่องประดับ และมีมาตรการติดตามการนำเข้าสินค้าตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งดำเนินโครงการสร้างศักยภาพการผลิต การตลาด ในสินค้าไทยที่มีศักยภาพ และรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตได้ภายในประเทศ
แนวโน้มการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบ เช่น สินค้าเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์เหล็ก ในเดือนมกราคม 2550 คาดว่า ผู้นำเข้าจะนำเข้าใกล้เคียงกับเดือนมกราคม 2549 ปริมาณ 1.2 ล้านตัน ส่วนทองคำ คาดว่าจะนำเข้าสูงกว่าเดือนธันวาคม 2549 เนื่องจากเป็นช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนซึ่งประชาชนนิยมซื้อเครื่องประดับทองคำเพื่อเป็นของขวัญ
การนำเข้าสินค้าทุน เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ คาดว่า การนำเข้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตและการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และปิโตรเคมี สำหรับการนำเข้าตามโครงการของรัฐฯ หน่วยงานต่างๆ ได้แจ้งแผนการนำเข้าในเดือนมกราคม 2550 มูลค่า 62.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะนำเข้าทั้งปี 2550 มูลค่าประมาณ 1,160.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 มกราคม 2550--จบ--
1. การส่งออก
การส่งออกเดือนธันวาคม 2549 มีมูลค่า 10,959.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.5 โดยมีมูลค่าส่งออกเกินหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดต่อกันเป็นเดือนที่แปด โดยเป็นการขยายตัวสูงในทุกหมวดสินค้า ดังนี้
- สินค้าเกษตรกรรม/อุตสาหกรรมการเกษตร ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 สินค้าสำคัญ ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และสินค้าอาหาร (กุ้งแช่แข็งและแปรรูป อาหารกระป๋องและแปรรูป ผักและผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป และ ไก่แช่แข็งและแปรรูป) ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.8, 49.0 และ 9.2 ตามลำดับ รวมทั้งข้าวและน้ำตาลที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ ร้อยละ 16.3 และ 71.3 ตามลำดับ
- สินค้าอุตสาหกรรม ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และส่วนประกอบ วัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องใช้และเครื่องประดับตกแต่ง เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เภสัช สิ่งพิมพ์ และของเล่น ในขณะที่สินค้าเฟอร์นิเจอร์ส่งออกลดลงเล็กน้อย ร้อยละ 0.6 เนื่องจากปัญหาวัตถุดิบไม้ยางพาราขาดแคลนและมีราคาสูง รวมทั้งการแข่งขันกับจีนและเวียดนาม
- สินค้าอื่นๆ ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.0 ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ทองแดง และเลนซ์ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 46.3, 42.1, 53.4 และ 32.7 ตามลำดับ
ตลาดส่งออกเดือนธันวาคม 2549 การส่งออกไปตลาดใหม่และตลาดหลักยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.6 และ 11.8 ตามลำดับ
- ตลาดใหม่ที่ขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่อง ได้แก่ ออสเตรเลีย(ร้อยละ 60.7) ลาตินอเมริกา(ร้อยละ 41.7) ยุโรปตะวันออก(ร้อยละ 37.1) แอฟริกา(ร้อยละ 26.0) จีน(ร้อยละ 23.0) อินโดจีนและพม่า(ร้อยละ 21.2) และตะวันออกกลาง(ร้อยละ 16.6) รวมทั้งไต้หวันและฮ่องกงที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.7 และ 16.9 ตามลำดับ
- ตลาดหลักขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกตลาด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่นและอาเซียน(5) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 7.8 , 22.0 , 15.6 และ 4.1 ตามลำดับ โดยอินโดนีเซียยังคงส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม
การส่งออกปี 2549 มีมูลค่า 129,744.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 16.9 คิดเป็นร้อยละ 99.5 ของเป้าหมายการส่งออก เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกหมวดในสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.7
- สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ยางพารา (ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 และ 45.4) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง(ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.8 และ 32.6) และ สินค้าอาหาร (ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 และ 10.6) ขณะที่ข้าวมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 แต่ปริมาณลดลงร้อยละ 0.8 เนื่องจากราคาข้าวในประเทศสูง และต้องแข่งขันด้านราคากับเวียดนามและอินเดีย ส่วนน้ำตาล มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 แต่ปริมาณลดลง ร้อยละ 25.7 เนื่องจากผลผลิตในประเทศลดลง
- สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ ยานยนต์และส่วนประกอบ วัสดุก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 20.9, 21.7 และ 31.4 ตามลำดับ สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งพิมพ์และกระดาษ เครื่องสำอางเม็ด ผลิตภัณฑ์เภสัช/เครื่องมือแพทย์ และของเล่น สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นต่ำกว่าร้อยละ 10 ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก เครื่องเดินทาง เครื่องหนังและรองเท้า และเครื่องใช้และเครื่องประดับตกแต่ง ขณะที่เฟอร์นิเจอร์ส่งออกลดลงร้อยละ 1.5
- สินค้าอื่นๆ ที่สำคัญและส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูงต่อเนื่อง ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ น้ำมันดิบ ทองแดง และเลนส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.1, 25.8, 12.4, 97.6 และ 35.8 ตามลำดับ
ตลาดส่งออกสำคัญในปี 2549 การส่งออกไปตลาดใหม่และตลาดหลักยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 24.7 และ 11.7 ตามลำดับ ทำให้สัดส่วนการส่งออกไปตลาดใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 43.2 ขณะที่สัดส่วนการส่งออกไปตลาดหลักลดลงเป็นร้อยละ 56.8
- ตลาดใหม่ที่ขยายตัวในอัตราสูงได้แก่ ลาตินอเมริกา(ร้อยละ 36.0) ยุโรปตะวันออก(ร้อยละ 35.9) ไต้หวัน(ร้อยละ 23.7) ออสเตรเลีย(ร้อยละ 30.7) อินโดจีนและพม่า (ร้อยละ 27.7) จีน(ร้อยละ 27.7) ตะวันออกกลาง(ร้อยละ 27.1) และแคนาดา(ร้อยละ 19.6) และอินเดียที่กลับมาส่งออกเพิ่มถึงร้อยละ 17.9
- ตลาดหลักที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐฯร้อยละ 14.5 สหภาพยุโรปร้อยละ 18.0 ญี่ปุ่นร้อยละ 8.8 และ อาเซียน(5)ร้อยละ 6.7 ยกเว้น อินโดนีเซียลดลงร้อยละ 16.9 เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ
2. การนำเข้า
การนำเข้าเดือนธันวาคม 2549 มีมูลค่า 10,047.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.1
- กลุ่มสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง (ร้อยละ 27.1) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ร้อยละ 8.8) สินค้าอุปโภคบริโภค (ร้อยละ 7.5) กลุ่มสินค้าที่นำเข้าลดลง ได้แก่ สินค้าทุน(ร้อยละ 9.2) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง (ร้อยละ 10.1) สินค้าอาวุธ ยุทธปัจจัยและสินค้าอื่นๆ (ร้อยละ 27.8)
- สำหรับกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงในเดือนธันวาคม 2549 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95.9 ของการนำเข้ารวม มีดังนี้
(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้ามูลค่า 2,071 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.1 (สัดส่วนร้อยละ 20.6 ของมูลค่านำเข้ารวม) เป็นการนำเข้าน้ำมันดิบปริมาณ 25.84 ล้านบาร์เรล (833,489 บาร์เรลต่อวัน) มูลค่า 1,582 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ปริมาณเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 15.4 มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.4 (สัดส่วนร้อยละ 15.7 ของมูลค่านำเข้ารวม)
(2) สินค้าทุน นำเข้ามูลค่า 2,653 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลง ร้อยละ 9.2 (สัดส่วนร้อยละ 26.4 ของมูลค่านำเข้ารวม) สินค้าสำคัญ ได้แก่
- เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ นำเข้ามูลค่า 850 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 4.6 (สัดส่วนร้อยละ 8.5 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ นำเข้ามูลค่า 710 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 19.8 (สัดส่วนร้อยละ 7.1 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ นำเข้ามูลค่า 585 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 (สัดส่วนร้อยละ 5.8 ของมูลค่านำเข้ารวม)
(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป นำเข้ามูลค่า 4,166 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 (สัดส่วนร้อยละ 41.5 ของมูลค่านำเข้ารวม) สินค้าสำคัญ ได้แก่
- อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นำเข้ามูลค่า 722 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 9.1 (สัดส่วนร้อยละ 7.2 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เคมีภัณฑ์ นำเข้ามูลค่า 728 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 (สัดส่วนร้อยละ 7.2 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ นำเข้าปริมาณ 0.96 ล้านตัน มูลค่า 681 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวของปีก่อน ปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.9(สัดส่วนร้อยละ 6.8 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- ทองคำ นำเข้าปริมาณ 8.13 ตัน เทียบกับเดือนเดียวของปีก่อนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 23.5 มูลค่า 163 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.6 (สัดส่วนร้อยละ 1.6 ของมูลค่านำเข้ารวม)
(4) สินค้าอุปโภคบริโภค นำเข้ามูลค่า 742 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 (สัดส่วนร้อยละ 7.4 ของมูลค่านำเข้ารวม) สินค้าสำคัญได้แก่
- เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เช่น เครื่องใช้ในครัวและโต๊ะอาหาร กระเป๋า เป็นต้น นำเข้ามูลค่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 4.3 (สัดส่วนร้อยละ 1..4 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน นำเข้ามูลค่า 134 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของ ปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 (สัดส่วนร้อยละ 1.3 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- นาฬิกาและส่วนประกอบ นำเข้ามูลค่า 23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 30.2 (สัดส่วนร้อยละ 0.2 ของมูลค่านำเข้ารวม)
- เสื้อผ้า รองเท้าและผลิตภัณฑ์ สิ่งทออื่นๆ นำเข้ามูลค่า 37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 (สัดส่วนร้อยละ 0.4 ของมูลค่านำเข้ารวม) โดยเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.7 และรองเท้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.9
การนำเข้าของปี 2549 มีมูลค่า 126,830.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 7.3 โดยกลุ่มสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่สินค้าเชื้อเพลิง(ร้อยละ 20.9) สินค้าทุน(ร้อยละ 3.9) สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป(ร้อยละ 4.3) และ สินค้าอุปโภคบริโภค(ร้อยละ 13.8) ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีการนำเข้าลดลง ได้แก่ สินค้ายานพาหนะ/อุปกรณ์ขนส่ง(ร้อยละ 4.4) และสินค้าอาวุธยุทธปัจจัยและสินค้าอื่นๆ(ร้อยละ 7.7)
3. ดุลการค้า
ดุลการค้าเดือนธันวาคม 2549 ไทยเกินดุลการค้า 911.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าของปี 2549 ไทยเกินดุลการค้ารวม 2,913.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเทียบกับปีก่อนหน้า ขาดดุลสูงถึง 7,236.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
4. สรุปแนวโน้มการส่งออก การนำเข้า และดุลการค้าปี 2550
แนวโน้มการส่งออก
กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับภาคเอกชน สมาคม และผู้ประกอบการส่งออกสินค้าสำคัญ ในเบื้องต้นคาดการณ์ว่าการส่งออกในปี 2550 จะขยายตัวร้อยละ 12.5 ตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญได้แก่ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินการเจาะและขยายตลาดเชิงรุก ความต้องการสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดใหม่ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแผนส่งเสริมการส่งออกเพื่อเร่งรัดผลักดันการส่งออกที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมส่งออกเป็นกรณีพิเศษในตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะ อาเซียน จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การส่งเสริมธุรกิจบริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น การวางรากฐานการส่งออกในระยะกลาง/ยาว (เพิ่มผู้ส่งออกรายใหม่มากขึ้น พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและส่งเสริมธุรกิจไทยสู่สากล ส่งเสริมพัฒนา Trade Mart และส่งเสริม/พัฒนาผลิตภัณฑ์) สนับสนุนการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น
แนวโน้มการนำเข้าและดุลการค้า
เพื่อให้การนำเข้าอยู่ในระดับที่เหมาะสม จะได้มีการดูแลการนำเข้าโดยได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนในการแจ้งแผนการนำเข้าเป็นรายเดือนอย่างต่อเนื่องรวม 10 กลุ่มสินค้า ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ทองคำ เครื่องจักรและส่วนประกอบ เครื่องจักรการเกษตร คอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม อัญมณีและเครื่องประดับ และมีมาตรการติดตามการนำเข้าสินค้าตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งดำเนินโครงการสร้างศักยภาพการผลิต การตลาด ในสินค้าไทยที่มีศักยภาพ และรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตได้ภายในประเทศ
แนวโน้มการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบ เช่น สินค้าเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์เหล็ก ในเดือนมกราคม 2550 คาดว่า ผู้นำเข้าจะนำเข้าใกล้เคียงกับเดือนมกราคม 2549 ปริมาณ 1.2 ล้านตัน ส่วนทองคำ คาดว่าจะนำเข้าสูงกว่าเดือนธันวาคม 2549 เนื่องจากเป็นช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนซึ่งประชาชนนิยมซื้อเครื่องประดับทองคำเพื่อเป็นของขวัญ
การนำเข้าสินค้าทุน เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ คาดว่า การนำเข้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตและการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และปิโตรเคมี สำหรับการนำเข้าตามโครงการของรัฐฯ หน่วยงานต่างๆ ได้แจ้งแผนการนำเข้าในเดือนมกราคม 2550 มูลค่า 62.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะนำเข้าทั้งปี 2550 มูลค่าประมาณ 1,160.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 มกราคม 2550--จบ--