ขออนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินตามพระราชกำหนด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 28, 2010 14:07 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ขออนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู

และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 สำหรับไตรมาสที่ 3/2553

คณะรัฐมนตรีอนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 สำหรับไตรมาสที่ 3/2553 ด้วยวิธีการทำสัญญากู้เงิน (Term Loan) วงเงิน 80,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับขั้นตอนการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

ข้อเท็จจริง

กระทรวงการคลังรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 กำหนดระยะเวลาให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอขอนุมัติจัดสรรเงินตามโครงการจากสำนักงบประมาณ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 ประกอบกับ สำนักงบประมาณได้อนุมัติคำขอจัดสรรแล้ว (ณ วันที่ 2 เมษายน 2553) รวมทั้งสิ้นประมาณ 268,530.57 ล้านบาท และหน่วยงานเจ้าของโครงการได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว วงเงินประมาณ 207,307.57 ล้านบาท ทั้งนี้ ตามแผนการใช้จ่ายเงินของหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจัดสรร คาดว่าตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2553 จะมีการเบิกจ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 123,881 ล้านบาท ประกอบกับขณะนี้ยังคงมีวงเงินกู้คงเหลือประมาณ 45,000 ล้านบาท จึงเห็นควรกำหนดแผนการกู้เงินสำหรับไตรมาสที่ 3/2553 ด้วยวิธีการทำสัญญากู้เงิน (Term Loan) วงเงิน 80,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงิน ดังนี้

          ผู้กู้                            กระทรวงการคลังในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
          วัตถุประสงค์                     เพื่อนำมาใช้สำหรับแผนงานหรือโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555

ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ

          ระยะเวลาเงินกู้                  ไม่เกิน 4 ปี
          แหล่งเงินกู้                      ธนาคารพาณิชย์ที่ประกอบกิจการในประเทศไทยและ/หรือสถาบันการเงินภาครัฐ
          อัตราดอกเบี้ย                    อัตราต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือนประเภทบุคคลธรรมดา

ของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) เฉลี่ย (ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารกรุงเทพฯ

ธนาคารไทยพาณิชย์ฯ และธนาคารกสิกรไทยฯ) หรืออัตราดอกเบี้ยBIBOR ที่ประกาศ

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และ/หรือ

บวกส่วนเพิ่มหรือลบส่วนลดตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร โดยปรับอัตรา

ดอกเบี้ยทุกงวด 6 เดือนหากมีการเปลี่ยนแปลงและการคิดดอกเบี้ยจะเริ่มนับตั้งแต่

วันที่มีการเบิกจ่ายเงินกู้

          ระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกู้         ภายใน 6 เดือน
          ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย          เป็นไปตามข้อเสนอของแหล่งเงินกู้ ซึ่งจะได้มีการเจรจาต่อรองต่อไปตามที่

กระทรวงการคลังเห็นสมควร

          การชำระคืนต้นเงิน                ชำระคืนต้นเงินกู้ทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนด
          การชำระคืนต้นเงินก่อน             สามารถชำระคืนต้นเงินก่อนกำหนดได้ทั้งจำนวนหรือบางส่วน

กำหนด

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะพิจารณากำหนดแผนการเบิกจ่ายเงินกู้ จำนวนเงิน และระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกู้ ภายใต้เงื่อนไขที่เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติในครั้งนี้ ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดการเงินและแผนความต้องการใช้เงินในแต่ละโครงการต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 เมษายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ