การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 28, 2010 14:50 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้ง 3 ข้อ ดังนี้

1. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยให้หน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ทำการ

2. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ สำหรับโครงการก่อสร้างทางและสะพานขนาดใหญ่ ที่มีระยะเวลาในการดำเนินการเกินกว่า 1 ปี กรมทางหลวงจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันทำการหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงโครงการ

3. เห็นชอบการจัดสรรวงเงินคงเหลือจากการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ให้แก่โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ สาขาเศรษฐกิจ และกรอบวงเงินตามกรอบการใช้จ่ายเงินกู้เสนอต่อรัฐสภาตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 โดยมอบหมายให้คณะกรรมการฯ เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองโครงการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงการคลังรายงานว่า คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555 (คณะกรรมการฯ) ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงาน และเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ดังนี้

1. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555

1.1 ระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552

  • หมวด 4 ข้อ 19 “...หากหน่วยงานเจ้าของโครงการประสงค์จะโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคำขอดังกล่าวพร้อมเหตุผลความจำเป็นต่อสำนักงบประมาณเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณา และเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี การโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการข้ามกระทรวงหรือข้ามหน่วยงานเจ้าของโครงการจะกระทำมิได้”

1.2 การขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555

คณะกรรมการฯ รายงานว่า มีหน่วยงานดำเนินโครงการแจ้งขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552

สรุปสาระสำคัญของคำขอได้ ดังนี้

1) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา :

(1) สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว

  • ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและรูปแบบรายการให้สอดคล้องกับพื้นที่ดำเนินโครงการ

(2) การกีฬาแห่งประเทศไทย

  • ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่โครงการเนื่องจากเป็นนโยบายของจังหวัดให้กระจายสนามกีฬาให้ทั่วถึง

2) กระทรวงศึกษาธิการ :

(1) มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

  • ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดสิ่งก่อสร้างให้สอดคล้องกับการใช้งานจริง

(2) มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

  • ขอเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะของครุภัณฑ์ให้ครอบคลุมชัดเจนยิ่งขึ้น

คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการข้างต้นเป็นการแก้ไขข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องตามความเป็นจริง หรือปรับรายละเอียดโครงการให้สอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการใช้งาน เพื่อความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพต่อการดำเนินงาน โดยไม่ทำให้วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ลดลงในสาระสำคัญ จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้แก้ไขตามที่ขออนุมัติได้

3) จังหวัดและกลุ่มจังหวัด : กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กลุ่มจังหวัดภาคใต้ อันดามัน จังหวัดกระบี่ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดตรัง จังหวัดยะลา จังหวัดตราด จังหวัดนครพนม จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดยโสธร จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดพิจิตร จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา จังหวัดเชียงราย จังหวัดแพร่ จังหวัดตาก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดอุตรดิตถ์

  • ขอแก้ไขรายการซ้ำซ้อนกับรายการที่หน่วยงานอื่นได้รับจัดสรรแล้ว โดยจังหวัดและกลุ่มจังหวัดซึ่งมีรายการซ้ำซ้อนได้เสนอโครงการที่อยู่ในลำดับที่ 2 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดปี 2553 ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้แล้วมาดำเนินการแทน
  • ขอแก้ไขข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
  • ขอเปลี่ยนแปลงประเภทงบรายจ่ายให้ถูกต้อง
  • ขอเปลี่ยนแปลงรายการสิ่งก่อสร้างเพื่อความเหมาะสม

โครงการจังหวัดและกลุ่มจังหวัดซึ่งมีรายการซ้ำซ้อนคณะกรรมการฯ เห็นชอบให้นำโครงการลำดับที่ 2 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและของกลุ่มจังหวัดปี 2553 โดยคณะกรรมการ นโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว การแก้ไขข้อมูลและรายละเอียดให้ถูกต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงไม่ทำให้วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ลดลงในสาระสำคัญ จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้แก้ไขตามที่ขออนุมัติได้

สำหรับจังหวัดราชบุรี ขอแก้ไขปริมาณงานให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า โครงการของจังหวัดราชบุรีเป็นการแก้ไขรายละเอียดโครงการให้ถูกต้อง แต่เนื่องจากการขออนุมัติเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการยังไม่ได้พิจารณา จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้แก้ไขตามที่ขออนุมัติได้ โดยมีเงื่อนไขว่าจะมีผลเมื่อได้รับอนุมัติเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจากคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการแล้ว

2. โครงการที่ขอเปลี่ยนแปลงข้ามโครงการ

ตามหนังสือที่อ้างถึง 6 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 รับทราบแนวทางการพิจารณาโครงการที่ขอโอนเปลี่ยนแปลงข้ามโครงการของกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ขออนุมัติโอนวงเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ให้แก่โครงการอื่นภายใต้หน่วยงานเดียวกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

2.1 กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขออนุมัติโอนวงเงินโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินกู้ภายใต้กรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 จากโครงการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างด้านแหล่งน้ำเพื่อการถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 200 รายการ วงเงิน 1,266.2653 ล้านบาท ให้แก่ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ 582 รายการ วงเงิน 1,266.2653 ล้านบาท

การขอเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นผลจากการที่โครงการเดิมไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ไม่ยินยอมให้หน่วยงานเข้าดำเนินการเพราะยังสามารถใช้น้ำที่มีอยู่ทำการเกษตร และในบางพื้นที่ยังมีระดับน้ำสูง ทำให้ไม่สามารถเข้าตรวจสอบโครงสร้างเพื่อปรับปรุงรายละเอียดของแบบ การก่อสร้างได้ ในขณะที่บางโครงการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้วหรือมีความต้องการเพิ่มเติมรูปแบบโครงการที่มีระบบกระจายน้ำครอบคลุมพื้นที่หรือปรับปรุงให้กักเก็บน้ำได้มากขึ้นกว่ารูปแบบที่กำหนดไว้เดิม จึงมีความจำเป็นต้องขอโอนเปลี่ยนแปลงโครงการ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินและเป้าหมายเดิมตามที่รัฐบาลกำหนด

ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำได้ยืนยันความพร้อมของโครงการที่เสนอเข้ามาใหม่ว่า ยังคงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการปรับปรุงแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค โดยอยู่ในแผนงาน และมีตัวชี้วัดเช่นเดิม ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำได้พิจารณาความพร้อมของโครงการดังกล่าวและได้มีการลงพื้นที่เพื่อสำรวจความพร้อมแล้ว โดยโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำที่ขอเปลี่ยนแปลงเป็นโครงการขนาดเล็ก ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำแจ้งว่า กรมทรัพยากรน้ำพิจารณาจากความพร้อมและความต้องการของประชาชนเป็นลำดับแรกเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ที่ต้องการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน รวมทั้งเป้าหมายการพัฒนาแหล่งน้ำโดยรวมจะไม่แตกต่างในเรื่องของปริมาณน้ำ เนื่องจากเป็นโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำเป็นการฟื้นฟูสภาพห้วยหนองคลองบึงที่เสื่อมโทรมให้ใช้ประโยชน์ได้ รายละเอียดโครงการปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2

2.2 กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ขออนุมัติโอนวงเงินโครงการแก้ไขปัญหาจราจรใน กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองหลัก วงเงิน 600 ล้านบาท และโครงการขยายทางสายประธาน 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) วงเงิน 2,600 ล้านบาท ที่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ภายใต้กรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ให้แก่โครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงและโครงการก่อสร้างทางและสะพานขนาดใหญ่ ดังนี้

การขอปรับลดวงเงินโครงการแก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองหลัก และโครงการขยายสายทางเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) เนื่องจากโครงการเดิมไม่สามารถดำเนินการได้ทันที โดยมีปัญหาในการคำนวณค่าก่อสร้างเบื้องต้นสูงกว่าเงินที่ได้รับจัดสรร ขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนแบบและบางสายทางติดปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือยังอยู่ระหว่างการออกแบบ ในขณะที่บางสายทางอยู่ระหว่างการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จึงต้องชะลอการดำเนินโครงการออกไป ซึ่งกรมทางหลวงแจ้งว่า โครงการที่ขอปรับลดยังมีความสำคัญและอยู่ในแผนแม่บทการพัฒนาทางหลวงของกรมทางหลวง โดยได้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และขอใช้เงินกู้ต่างประเทศจากธนาคารพัฒนาเอเชียและธนาคารโลกภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะปีงบประมาณ 2553 แล้ว กรมทางหลวงจึงขอโอนวงเงิน 3,200 ล้านบาท ที่ปรับลดลงจากโครงการดังกล่าวมาใช้ในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง (กิจกรรมทางหลวงเพื่อชุมชน) ซึ่งเมื่อรวมกับวงเงินที่ได้รับอนุมัติ 189 ล้านบาท แล้วจะเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้นเท่ากับ 2,339 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเส้นทางปรับปรุงพื้นที่ 2 ฝั่งทางหลวงย่านชุมชน โดยเฉพาะย่านชุมชนที่มีการอยู่อาศัยหนาแน่นและโครงการที่มีการกระจายตัวทั่วประเทศ ซึ่งจะรองรับปริมาณการจราจร ลดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังเป็นโครงการขนาดเล็กใช้เวลาก่อสร้าง 4-6 เดือน จึงสามารถกระจายเม็ดเงินได้อย่างทั่วถึง สำหรับโครงการก่อสร้างทางและสะพานขนาดใหญ่วงเงิน 1,050 ล้านบาท เป็นการเชื่อมโยง หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความจำเป็นต้องปรับปรุงทางเพื่อรองรับการจราจรและลดอุบัติเหตุ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2552 แต่ยังไม่ได้รับจัดสรรเงินกู้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังคงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยให้ความสำคัญกับการก่อสร้างทางเพื่อความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ ทางคอขวด การเชื่อมโยงเครือข่าย และการกระจายพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคมและนโยบายของรัฐบาล โดยคณะกรรมการฯ มีมติให้กรมทางหลวงส่งรายละเอียดโครงการประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย

นอกจากนี้กรมทางหลวงขอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาขยายระยะเวลาในการขอรับ การจัดสรรเงินเป็น 45 วันทำการ ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขยายเวลาสำหรับโครงการก่อสร้างทางและสะพานขนาดใหญ่ที่มีระยะเวลาในการดำเนินการเกินกว่า 1 ปี โดยให้กรมทางหลวงส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันทำการหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการ

2.3 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ขออนุมัติโอนวงเงินโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ภายใต้กรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 จากโครงการพัฒนาครูทั้งระบบเป็นโครงการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนสู่มาตรฐาน ดังนี้ การขอปรับโอนวงเงินโครงการพัฒนาครูทั้งระบบ จำนวน 1,717.363 ล้านบาท เพื่อไปใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนสู่มาตรฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานชี้แจงว่า โครงการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนสู่มาตรฐานเป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาลที่มีความจำเป็นเร่งด่วน โดยจะจัดสรรวงเงินดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการพัฒนาโรงเรียนดีประจำตำบลเพื่อพัฒนาโรงเรียนในท้องถิ่นชนบทให้มีความพร้อมและเข้มแข็งทั้งด้านวิชาการ ด้านการอาชีพ พัฒนาสุขอนามัย และสามารถให้บริการแก่นักเรียนอย่างมีคุณภาพ โดยยังคงวัตถุประสงค์เดิมในการยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ทั้งระบบให้ทันสมัย และได้ขอให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาสนับสนุนการดำเนินโครงการพัฒนาโรงเรียนดีประจำตำบล ทั้งนี้หน่วยงานได้ยืนยันความพร้อม โดยมีการคัดเลือกโรงเรียนแล้ว รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 3

คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า การขอเปลี่ยนแปลงโครงการของทั้ง 3 หน่วยงาน ดังกล่าวยังคงวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงการระหว่างโครงการ ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ยังคงอยู่ในแผนงาน สาขาเศรษฐกิจ และหน่วยงานเดิม ภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและนำเสนอต่อรัฐสภาเพื่อทราบ ยกเว้นโครงการก่อสร้างทางและสะพานขนาดใหญ่ของกรมทางหลวงที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 การขอเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ทำให้เป้าหมายการดำเนินการในภาพรวมเปลี่ยนแปลงไป และโครงการที่ขอเปลี่ยนแปลงมีความพร้อมในการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ไม่ได้ให้อำนาจคณะกรรมการฯ ในการอนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการในลักษณะดังกล่าว จึงเห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาการขอโอนเปลี่ยนแปลงโครงการของกรมทรัพยากรน้ำ กรมทางหลวง ซึ่งรวมถึงโครงการก่อสร้างทางและสะพานขนาดใหญ่ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานดังกล่าว โดยหน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ สำหรับโครงการก่อสร้างทางและสะพานขนาดใหญ่ที่มีระยะเวลาในการดำเนินการเกินกว่า 1 ปี กรมทางหลวงจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันทำการหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงโครงการ 3. แนวทางการจัดสรรวงเงินคงเหลือจากการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552

ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 และวันที่ 20 ตุลาคม 2552 อนุมัติการจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 349,960.4382 ล้านบาท สำนักงบประมาณแจ้งว่า ในเบื้องต้นมีวงเงินคงเหลือจากการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เป็นเงิน 10,768.53 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 23 เมษายน 2553) ทั้งนี้ไม่รวมโครงการที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ขยายเวลาการขอรับการจัดสรรเงินและโครงการที่อยู่ระหว่างการขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ เพื่อให้การกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เกิดประโยชน์สูงสุดในการฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงเห็นควรพิจารณาจัดสรรวงเงินคงเหลือดังกล่าวให้แก่โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ สาขาเศรษฐกิจ และกรอบวงเงินตามกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติและนำเสนอรัฐสภาเพื่อทราบแล้ว โดยมอบหมายให้คณะกรรมการฯ เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองและเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 เมษายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ