คณะรัฐมนตรีพิจารณาการขออนุมัติจัดตั้งหน่วยทหารพรานเพิ่มเติมให้กับกองทัพภาคที่ 4 ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการจัดตั้งหน่วยทหารพรานเพิ่มเติม ให้กับกองทัพภาคที่ 4 จำนวน 2 หมวดทหารพรานหญิง ได้แก่ หมวดทหารพรานหญิง 6 และหมวดทหารพรานหญิง 7 กำลังพลรวมทั้งสิ้น 188 อัตรา ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
2. อนุมัติงบประมาณในการดำเนินการ จำนวน 76,173,700 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
2.1 อนุมัติให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 28,446,090 บาท
2.2 ส่วนงบประมาณที่ยังขาดอยู่อีก จำนวน 47,727,610 บาท ให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ตามขั้นตอนต่อไป
3. ให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน สภาความมั่นคงแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงกลาโหมรายงานว่า
1. กองทัพบก จัดตั้งกรมทหารพรานขึ้นตั้งแต่ปี 2527 เพื่อใช้ในกิจการสนับสนุนการรักษาความมั่นคงภายใน และใช้เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติงานร่วมกับกำลังทหารประจำการ โดยแบ่งมอบให้แก่กองทัพภาคที่ 4 จำนวน 3 กองบังคับการกรมทหารพราน 26 กองร้อยทหารพราน 1 กองบังคับการหมวดทหารพรานหญิง และ 3 หมู่ทหารพรานหญิงในห้วงที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองทัพบกได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งหน่วยทหารพรานเพิ่มเติม ให้แก่กองทัพภาคที่ 4 ตามโครงการที่ 1 กำลังพลรวมทั้งสิ้น 2,887 อัตรา โครงการที่ 2 กำลังพลรวมทั้งสิ้น 2,762 อัตรา และโครงการที่ 3 กำลังพลรวมทั้งสิ้น 2,520 อัตรา
2. ปัจจุบันสถานการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงแม้ว่าการดำเนินการที่ผ่านมาสามารถลดจำนวนการก่อเหตุร้ายได้ในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ปฏิบัติการด้วยความรุนแรงเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มจะยังไม่ยุติในระยะเวลาอันใกล้ โดยฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงได้พยายามพัฒนารูปแบบการปฏิบัติเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจค้นและการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งรูปแบบหนึ่งที่ปรากฏให้เห็นมาอย่างต่อเนื่อง คือ การใช้กลุ่มเด็กและสตรีในการขัดขวางการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งการใช้เด็กและสตรีเข้าร่วมปฏิบัติการก่อเหตุความรุนแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้น กองทัพบกจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนการปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมประการหนึ่ง คือ การใช้กำลังปฏิบัติการที่เป็นสตรีเสริมการปฏิบัติของกองทัพบก ซึ่งจะเป็นการลดเงื่อนไขอันเกิดจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งยังสามารถใช้กำลังดังกล่าวในการเข้าถึงกลุ่มมวลชนที่เป็นเด็ก สตรี และคนชรา อันจะทำให้ภาพการปฏิบัติการทางทหารมีลักษณะนุ่มนวลและไม่แข็งกร้าวเป็นการเสริมการปฏิบัติงานด้านมวลชนสัมพันธ์เชิงรุกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หน่วยทหารพรานหญิงเป็นหน่วยที่มีภารกิจดำเนินการด้านการเมือง การข่าว การปฏิบัติการจิตวิทยา การช่วยเหลือประชาชน การพัฒนาการให้การศึกษา และการรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ประชาชนในพื้นที่ จึงมีความเหมาะสม ดังนั้น กองทัพบกจึงเสนอความต้องการในการจัดตั้งหน่วยทหารพรานหญิงเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ เพื่อให้การจัดกำลังพลของกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความอ่อนตัว อันจะนำไปสู่การบูรณาการแผนงานการแก้ไขปัญหา และการเสริมสร้างสันติสุขให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 พฤษภาคม 2553--จบ--