คณะรัฐมนตรีอนุมัติการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) จำนวน 400 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ สธค. เบิกจ่ายเงินกู้จากแหล่งเงินที่มี ต้นทุนต่ำสุดก่อน เพื่อเป็นการลดต้นทุนเงินกู้ของ สธค. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รายงานว่า
1. คณะกรรมการอำนวยการ สธค. ในการประชุมครั้งที่ 2/ปีงบประมาณ 2553 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2552 มีมติเห็นชอบแผนการกู้เงินของ สธค. จำนวน 400 ล้านบาท ประจำปีงบประมาณ 2553 เพื่อรองรับนโยบายการปรับลดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำ (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553) และนโยบายการขยายวงเงินรับจำนำเฉพาะสิ่งของประเภททอง นาก เงิน หรือทอง นาก เงินที่เป็นรูปพรรณ จากรายละไม่เกิน 60,000 บาท เป็นรายละไม่เกิน 100,000 บาท (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป) ในการช่วยเหลือประชาชน
2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เห็นชอบให้ พม. กู้ยืมเงินเพื่อกิจการ สธค.เพื่อใช้ในกิจการดังกล่าว จำนวน 400 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน ทั้งนี้ ในการกู้เงินจำนวนดังกล่าวมีจำนวนการกู้เงินเกิน 50 ล้านบาทจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามนัยมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 (ข้อ 4.2) เนื่องจากปัจจุบันเงินกู้ของ สธค. มีอัตราดอกเบี้ยระหว่างร้อยละ FDR6m+0.70+MLR-1.75 ต่อปี [ร้อยละ 1.40 — 4.125 ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 3 มีนาคม 2553)] ดังนั้น สธค. จึงควรเบิกจ่ายเงินกู้จากแหล่งเงินที่มีต้นทุนต่ำสุดก่อนเพื่อเน้นการลดต้นทุนเงินกู้ของ สธค. ประกอบกับพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 มาตรา 23 ตรี (2) บัญญัติให้รัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่นิติบุคคลมีความจำเป็นต้องกู้ยืมเงินเพื่อใช้ดำเนินการ ถ้าเป็นจำนวนเงินเกินกว่าห้าล้านบาทจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 พฤษภาคม 2553--จบ--