คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
สรุปสถานการณ์ภัยแล้งตลอดจนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจนถึงวันที่ 2 เมษายน 2550 และสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
(ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม — 2 เมษายน 2550) ดังนี้
1. สถานการณ์ภัยแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 2 เมษายน 2550)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 61 จังหวัด 543 อำเภอ 53 กิ่งฯ 3,233 ตำบล 25,128 หมู่บ้าน (คิดเป็นร้อยละ 37.45 ของหมู่บ้าน
67,097 หมู่บ้านใน 61 จังหวัด และคิดเป็นร้อยละ 34.11 ของหมู่บ้านทั้งหมดของประเทศ)
เปรียบเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2550 (รวม 58 จังหวัด 533 อำเภอ 55 กิ่งฯ
3,173 ตำบล 25,421 หมู่บ้าน) ปรากฏว่ามีจังหวัดประสบภัยแล้งเพิ่มขึ้น จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี ปราจีนบุรี และพัทลุง แต่
จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งมีจำนวนลดลง รวม 293 หมู่บ้าน
ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสลมตะวันตกและลมใต้พัดเข้ามาปกคลุมพื้นที่ตอนบน ประกอบกับการทำฝนหลวงของสำนักฝนหลวง
และการบินเกษตรประสบผลสำเร็จ ทำให้มีฝนตกกระจายทั่วไปในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
ทำให้สถานการณ์ภัยแล้งในบางพื้นที่คลี่คลายลงไป
เปรียบเทียบหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งเมื่อปี 2549 ในช่วงเวลาเดียวกัน (วันที่ 2 เม.ย. 2549) รวม 60 จังหวัด
468 อำเภอ 46 กิ่งฯ 3,392 ตำบล 29,546 หมู่บ้าน (ร้อยละ 40.11 ของหมู่บ้านทั้งหมด) โดยปี 2550 (รวม 61 จังหวัด 543 อำเภอ
53 กิ่งฯ 3,233 ตำบล 25,128 หมู่บ้าน) มีหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งน้อยกว่า 4,418 หมู่บ้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 14.95
1.2 ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 2,313,680 ครัวเรือน 9,223,783 คน (คิดเป็นร้อยละ 16.63 ของครัวเรือนทั้งหมด
13,910,480 ครัวเรือน ใน 61 จังหวัดที่ประสบภัยแล้ง)
1.3 พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ จำนวน 122,241 ไร่ (จำนวน 13 จังหวัด)
1.4 การให้ความช่วยเหลือ
1.4.1 การจัดหาน้ำเพื่อการเกษตร
(1) การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ รวม 1,706 เครื่อง แยกเป็น
- จังหวัด/อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 886 เครื่อง
- กรมชลประทาน ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ รวม 820 เครื่อง แยกเป็น
เพื่อการเพาะปลูก 767 เครื่อง เพื่อการอุปโภคบริโภค 53 เครื่อง
(2) จังหวัด อำเภอ/กิ่งอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการดังนี้
- จัดทำทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ (ชั่วคราว) 12,055 แห่ง - ขุดลอกแหล่งน้ำ 3,506 แห่ง
1.4.2 การปรับปรุง ซ่อมและทำความสะอาดภาชนะเก็บน้ำ ดังนี้
- ถังเก็บน้ำ คสล. 1,041 แห่ง - ถังปูนฉาบ 509 แห่ง
- ถังไฟเบอร์ 912 แห่ง - โอ่งซีเมนต์ 9,920 แห่ง
- เป่าล้างบ่อบาดาล 1,747 แห่ง - หอถังระบบประปาหมู่บ้าน 986 แห่ง
- หอถังระบบประปาภูเขา 999 แห่ง
การสร้างภาชนะเก็บน้ำ ดังนี้
- ถังเก็บน้ำ คสล. 147 แห่ง - ถังปูนฉาบ 171 แห่ง
- ถังเหล็ก 165 แห่ง - ถังไฟเบอร์ 159 แห่ง
- โอ่งซีเมนต์ 1,149 แห่ง - หอถังระบบประปาหมู่บ้าน 177 แห่ง
- หอถังระบบประปาภูเขา 10 แห่ง - บ่อน้ำตื้น 127 แห่ง
1.4.3 การแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภคของจังหวัดที่ประสบภัย
ใช้รถบรรทุกน้ำ 1,838 คัน แจกจ่ายน้ำ 61,150 เที่ยว จำนวน 478,980,740 ลิตร
1.4.4 งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว จำนวน 455,875,442 บาท แยกเป็น
(1) งบทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 404,222,799 บาท
(2) งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 37,582,539 บาท
(3) งบอื่นๆ 14,070,104 บาท
2. สรุปสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน (ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 2 เมษายน 2550)
2.1 สาเหตุการเกิด ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2550 เป็นต้นมา ได้เกิดสถานการณ์มลพิษ หมอกควันปกคลุมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ
ตอนบนใน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา ตาก น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่
กรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละออง ขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน เพื่อติดตามและเฝ้าระวังที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพอนามัยของ
ประชาชน ซึ่งพบว่ามีค่าสูงเกินค่ามาตรฐาน (120 ไมโครกรัม/ลบ.ม.) และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่
14 มีนาคม 2550 ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ (โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย) จังหวัดเชียงใหม่ วัดได้สูงสุดที่ 382.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
2.2 ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ณ เวลา 15.00 น. (วันที่ 1 เมษายน 2550) ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
(ข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ)
PM10*
สถานี 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 1
มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. เม.ย.
จ.เชียงใหม่ ศูนย์ราชการรวมฯ อ.แม่ริม 148 91 64 86 101 158 156 - 139 123 102 98 109
ร.ร.ยุพราชวิทยาลัย อ.เมือง 141 83 64 89 115 171 159 124 128 123 99 94 103
จ.ลำปาง ม.ธรรมศาสตร์ศูนย์ลำปาง อ.เมือง 91 61 63 63 91 115 117 97 97 103 74 70 58
สนง.การประปาฯ อ.แม่เมาะ 82 62 55 60 81 115 118 104 109 94 - - 77
จ.เชียงราย ร.ร.สามัคคีวิทยาคม อ.เมือง - - - 75 89 174 163 141 162 139 119 120 175
จ.แม่ฮ่องสอน ทสจ.แม่ฮ่องสอน อ.เมือง 340 284 166 150 219 238 217 155 172 245 258 148 157
หมายเหตุ 1. ค่ามาตรฐาน PM10 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เท่ากับ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
2. ค่า PM10สูงสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2550 วัดได้ 383 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมืองฯ
จ.เชียงใหม่
2.3 มาตรการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในภาคเหนือของกระทรวงมหาดไทย
1) ให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤตหมอกควันจังหวัด เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาวิกฤตหมอกควันและการ
ช่วยเหลือประชาชนในจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ
2) ให้ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาหญ้า วัสดุ ขยะในทุกพื้นที่ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2550 โดยให้มี
การประเมินและเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้ หากการขอความร่วมมือดังกล่าวไม่เป็นผลให้ใช้มาตรการ
ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง
3) ให้จังหวัดระดมสรรพกำลังในพื้นที่ทั้งในด้านเจ้าหน้าที่ เครื่องมือและอุปกรณ์ในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน เพื่อปฏิบัติ
การทั่วในพื้นที่ราบ/ชุมชนและพื้นที่ป่าไม้บนภูเขาสูง โดยเฉพาะการลดจุดไฟไหม้ ทั้งนี้ หากการดำเนินการดังกล่าวเกินขีดความสามารถของจังหวัด
ให้ร้องขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยทหารในพื้นที่
4) ให้ดำเนินการตามมาตรการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนดูแลความปลอดภัยทางถนนใน
พื้นที่ที่ทัศนวิสัยการมองเห็นต่ำ ฯลฯ เป็นต้น
5) ทุกจังหวัดในภาคเหนือรายงานสถานการณ์มลพิษหมอกควันจุดไฟไหม้ (Hot Spot) และผลการดำเนินงานให้ศูนย์อำนวย
การแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ทำเนียบรัฐบาลทราบประจำวัน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
2.4 ข้อมูลจำนวน Hot spot ระหว่างวันที่ 16 มี.ค.-1 เม.ย. 2550 ที่แปลผลจากภาพถ่ายดาวเทียม NOAA-12 ของสำนัก
จัดการคุณภาพอากาศและน้ำเสีย กรมควบคุมมลพิษ (16-19 มี.ค.50) และดาวเทียม TERRA และ AQUA ของกรมอุทยานฯ (20-29 มี.ค. 50)
พบว่า
วันเดือนปี ประเทศไทยเกิด ภาคเหนือเกิด จังหวัดที่เกิด
Hot spot (จุด) Hot spot (จุด)
16 มี.ค.50 387 241 ตาก 41 น่าน 39 เชียงใหม่ 31 แม่ฮ่องสอน 27 กำแพงเพชร 16
เพชรบูรณ์ 13 เชียงราย และพิษณุโลก 12 ฯลฯ
17 มี.ค.50 593 318 น่าน 71 แม่ฮ่องสอน 52 พิษณุโลก 37 เชียงใหม่ 30 เพชรบูรณ์
29 ตาก 28 อุตรดิตถ์14 ฯลฯ
18 มี.ค.50 16 2 น่าน 1 นครสวรรค์ 1
19 มี.ค.50 11 10 เชียงใหม่และตาก 3 แม่ฮ่องสอน 2 กำแพงเพชรและเชียงราย 1
20 มี.ค.50 45 10 เชียงราย 4 ตากและน่าน 2 เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน 1
21 มี.ค.50 34 7 เชียงราย 2 ตาก 2 น่าน 4 พะเยา 1
22 มี.ค.50 37 - (ข้อมูลไม่ได้แยกว่าเกิด HOT SPOT ในภาคเหนือกี่จุด และ
เกิดในพื้นที่ใด)
23 มี.ค.50 81 62 (ข้อมูลไม่ได้แยกว่าเกิดในพื้นที่ใด)
24 มี.ค.50 281 254 (ข้อมูลไม่ได้แยกว่าเกิดในพื้นที่ใด)
25 มี.ค.50 - 36 (ไม่มีข้อมูล HOTSPOT ภาพรวมของประเทศ)
26 มี.ค.50 238 54 เชียงใหม่ 16 แม่ฮ่องสอน 14 น่าน 9 เลย 7 ตาก 4 เชียงราย
2 พะเยา 1 มุกดาหาร 1
27 มี.ค.50 189 9 เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนและน่าน จังหวัดละ 2 เพชรบูรณ์ แพร่
นครสวรรค์ จังหวัดละ 1
28 มี.ค.50 - 7 น่าน 3 ลำปาง 2 เชียงราย และเพชรบูรณ์จังหวัดละ 1
29 มี.ค.50 420 115 แม่ฮ่องสอน 49 เชียงใหม่ 27 ตาก 11 น่าน 10 เชียงราย 7 ลำปาง
4 พะเยา 3 พิษณุโลก 2 อุตรดิตถ์ 2
หมายเหตุ วันที่ 30-31 มี.ค.50 ไม่มีรายงานจากกรมอุทยานฯ
สรุปภาพรวมข้อมูลการเกิดจุดไฟไหม้ (Hot spot) รายวัน (ระหว่างวันที่ 16 มี.ค.-1 เม.ย. 2550) ของจังหวัด ในภาคเหนือ
17 จังหวัดและผลการดำเนินการ สรุปได้ดังนี้
วัน/เดือน/ปี จำนวนจังหวัดที่ จำนวนจุดที่เกิดไฟไหม้ (Hot spot/จุด) ผลการดำเนินการ
รายงานว่ามี ไฟป่า เผาเศษพืช/พื้น เผาใบไม้/ขยะ รวม ดับได้ คงเหลือ
จุดไฟไหม้ ที่การเกษตร
16 มี.ค.50 5 24 12 5 41 36 5 (ดับได้ในวันถัดไป)
17 มี.ค.50 10 42 14 0 56 56 0
18 มี.ค.50 5 13 0 6 19 19 0
19 มี.ค.50 7 36 0 8 44 44 0
20 มี.ค.50 8 36 1 18 55 55 0
21 มี.ค.50 5 21 1 0 22 22 0
22 มี.ค.50 6 7 0 19 26 26 0
23 มี.ค.50 3 39 0 21 60 60 0
24 มี.ค.50 3 7 0 6 13 13 0
25 มี.ค.50 3 16 0 8 24 24 0
26 มี.ค.50 2 12 0 0 12 12 0
27 มี.ค.50 7 44 0 2 46 46 0
28 มี.ค.50 7 24 3 25 52 52 0
29 มี.ค.50 5 27 2 4 33 33 0
30 มี.ค.50 3 36 0 0 36 36 0
31 มี.ค.50 4 18 0 4 22 22 0
1 เม.ย.50 4 27 0 3 30 30 0
รวม 17 จังหวัด 429 33 129 592 592 0
2.5 การให้ความช่วยเหลือโดยรวมของจังหวัดที่ประสบภัย
1) สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่เป้าหมายหวังผลหลัก ได้แก่ พื้นที่ป่าไม้
ตอนล่าง จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง ลดมลพิษทางอากาศ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.แม่ฮ่องสอน
2) จังหวัดได้ดำเนินการป้องกันแก้ไขและช่วยเหลือบรรเทาภัย ระดมสรรพกำลังในการป้องกัน การเฝ้าระวังและแจ้งเตือน
ประชาชน รวมทั้งการเข้าปฏิบัติงานการดับไฟป่าและดับไฟในพื้นที่ราบ ทั้งนี้ได้รณรงค์ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนให้งดกิจกรรม เผาวัสดุ
เศษพืช ขยะ/ใบไม้ ผ่านสื่อทุกแขนงวิทยุชุมชนหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง โดยหากการขอความร่วมมือไม่เป็นผล จะดำเนินการตาม
มาตรการบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้ฝ่าฝืนและกระทำผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเฉียบขาด
3) สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกับ อสม. ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนดูแลสุขภาพอนามัยและเฝ้าติดตามโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
ได้แก่ เด็ก และผู้สูงอายุ โดยระหว่างวันที่ 15-26 มีนาคม 2550 มีผู้ได้รับผลกระทบจากหมอกควันใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และ
จังหวัดกาญจนบุรี (ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข) มีจำนวนทั้งสิ้น 64,804, ราย (โดยจังหวัดเชียงรายมีจำนวนมากที่สุด 19,130 ราย รองลงมา
จังหวัดลำพูน 16,076 ราย จังหวัดเชียงใหม่ 10,654 ราย ฯลฯ )
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 เมษายน 2550--จบ--
สรุปสถานการณ์ภัยแล้งตลอดจนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจนถึงวันที่ 2 เมษายน 2550 และสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
(ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม — 2 เมษายน 2550) ดังนี้
1. สถานการณ์ภัยแล้ง (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 2 เมษายน 2550)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 61 จังหวัด 543 อำเภอ 53 กิ่งฯ 3,233 ตำบล 25,128 หมู่บ้าน (คิดเป็นร้อยละ 37.45 ของหมู่บ้าน
67,097 หมู่บ้านใน 61 จังหวัด และคิดเป็นร้อยละ 34.11 ของหมู่บ้านทั้งหมดของประเทศ)
เปรียบเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2550 (รวม 58 จังหวัด 533 อำเภอ 55 กิ่งฯ
3,173 ตำบล 25,421 หมู่บ้าน) ปรากฏว่ามีจังหวัดประสบภัยแล้งเพิ่มขึ้น จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุทัยธานี ปราจีนบุรี และพัทลุง แต่
จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งมีจำนวนลดลง รวม 293 หมู่บ้าน
ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสลมตะวันตกและลมใต้พัดเข้ามาปกคลุมพื้นที่ตอนบน ประกอบกับการทำฝนหลวงของสำนักฝนหลวง
และการบินเกษตรประสบผลสำเร็จ ทำให้มีฝนตกกระจายทั่วไปในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
ทำให้สถานการณ์ภัยแล้งในบางพื้นที่คลี่คลายลงไป
เปรียบเทียบหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งเมื่อปี 2549 ในช่วงเวลาเดียวกัน (วันที่ 2 เม.ย. 2549) รวม 60 จังหวัด
468 อำเภอ 46 กิ่งฯ 3,392 ตำบล 29,546 หมู่บ้าน (ร้อยละ 40.11 ของหมู่บ้านทั้งหมด) โดยปี 2550 (รวม 61 จังหวัด 543 อำเภอ
53 กิ่งฯ 3,233 ตำบล 25,128 หมู่บ้าน) มีหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งน้อยกว่า 4,418 หมู่บ้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 14.95
1.2 ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 2,313,680 ครัวเรือน 9,223,783 คน (คิดเป็นร้อยละ 16.63 ของครัวเรือนทั้งหมด
13,910,480 ครัวเรือน ใน 61 จังหวัดที่ประสบภัยแล้ง)
1.3 พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ จำนวน 122,241 ไร่ (จำนวน 13 จังหวัด)
1.4 การให้ความช่วยเหลือ
1.4.1 การจัดหาน้ำเพื่อการเกษตร
(1) การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ รวม 1,706 เครื่อง แยกเป็น
- จังหวัด/อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 886 เครื่อง
- กรมชลประทาน ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ รวม 820 เครื่อง แยกเป็น
เพื่อการเพาะปลูก 767 เครื่อง เพื่อการอุปโภคบริโภค 53 เครื่อง
(2) จังหวัด อำเภอ/กิ่งอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการดังนี้
- จัดทำทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ (ชั่วคราว) 12,055 แห่ง - ขุดลอกแหล่งน้ำ 3,506 แห่ง
1.4.2 การปรับปรุง ซ่อมและทำความสะอาดภาชนะเก็บน้ำ ดังนี้
- ถังเก็บน้ำ คสล. 1,041 แห่ง - ถังปูนฉาบ 509 แห่ง
- ถังไฟเบอร์ 912 แห่ง - โอ่งซีเมนต์ 9,920 แห่ง
- เป่าล้างบ่อบาดาล 1,747 แห่ง - หอถังระบบประปาหมู่บ้าน 986 แห่ง
- หอถังระบบประปาภูเขา 999 แห่ง
การสร้างภาชนะเก็บน้ำ ดังนี้
- ถังเก็บน้ำ คสล. 147 แห่ง - ถังปูนฉาบ 171 แห่ง
- ถังเหล็ก 165 แห่ง - ถังไฟเบอร์ 159 แห่ง
- โอ่งซีเมนต์ 1,149 แห่ง - หอถังระบบประปาหมู่บ้าน 177 แห่ง
- หอถังระบบประปาภูเขา 10 แห่ง - บ่อน้ำตื้น 127 แห่ง
1.4.3 การแจกจ่ายน้ำอุปโภค/บริโภคของจังหวัดที่ประสบภัย
ใช้รถบรรทุกน้ำ 1,838 คัน แจกจ่ายน้ำ 61,150 เที่ยว จำนวน 478,980,740 ลิตร
1.4.4 งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว จำนวน 455,875,442 บาท แยกเป็น
(1) งบทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 404,222,799 บาท
(2) งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 37,582,539 บาท
(3) งบอื่นๆ 14,070,104 บาท
2. สรุปสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน (ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 2 เมษายน 2550)
2.1 สาเหตุการเกิด ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2550 เป็นต้นมา ได้เกิดสถานการณ์มลพิษ หมอกควันปกคลุมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ
ตอนบนใน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา ตาก น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่
กรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละออง ขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน เพื่อติดตามและเฝ้าระวังที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพอนามัยของ
ประชาชน ซึ่งพบว่ามีค่าสูงเกินค่ามาตรฐาน (120 ไมโครกรัม/ลบ.ม.) และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่
14 มีนาคม 2550 ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ (โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย) จังหวัดเชียงใหม่ วัดได้สูงสุดที่ 382.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
2.2 ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ณ เวลา 15.00 น. (วันที่ 1 เมษายน 2550) ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน
(ข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ)
PM10*
สถานี 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 1
มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. มี.ค. เม.ย.
จ.เชียงใหม่ ศูนย์ราชการรวมฯ อ.แม่ริม 148 91 64 86 101 158 156 - 139 123 102 98 109
ร.ร.ยุพราชวิทยาลัย อ.เมือง 141 83 64 89 115 171 159 124 128 123 99 94 103
จ.ลำปาง ม.ธรรมศาสตร์ศูนย์ลำปาง อ.เมือง 91 61 63 63 91 115 117 97 97 103 74 70 58
สนง.การประปาฯ อ.แม่เมาะ 82 62 55 60 81 115 118 104 109 94 - - 77
จ.เชียงราย ร.ร.สามัคคีวิทยาคม อ.เมือง - - - 75 89 174 163 141 162 139 119 120 175
จ.แม่ฮ่องสอน ทสจ.แม่ฮ่องสอน อ.เมือง 340 284 166 150 219 238 217 155 172 245 258 148 157
หมายเหตุ 1. ค่ามาตรฐาน PM10 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เท่ากับ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
2. ค่า PM10สูงสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2550 วัดได้ 383 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมืองฯ
จ.เชียงใหม่
2.3 มาตรการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในภาคเหนือของกระทรวงมหาดไทย
1) ให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤตหมอกควันจังหวัด เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาวิกฤตหมอกควันและการ
ช่วยเหลือประชาชนในจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ
2) ให้ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาหญ้า วัสดุ ขยะในทุกพื้นที่ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2550 โดยให้มี
การประเมินและเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้ หากการขอความร่วมมือดังกล่าวไม่เป็นผลให้ใช้มาตรการ
ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง
3) ให้จังหวัดระดมสรรพกำลังในพื้นที่ทั้งในด้านเจ้าหน้าที่ เครื่องมือและอุปกรณ์ในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน เพื่อปฏิบัติ
การทั่วในพื้นที่ราบ/ชุมชนและพื้นที่ป่าไม้บนภูเขาสูง โดยเฉพาะการลดจุดไฟไหม้ ทั้งนี้ หากการดำเนินการดังกล่าวเกินขีดความสามารถของจังหวัด
ให้ร้องขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยทหารในพื้นที่
4) ให้ดำเนินการตามมาตรการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนดูแลความปลอดภัยทางถนนใน
พื้นที่ที่ทัศนวิสัยการมองเห็นต่ำ ฯลฯ เป็นต้น
5) ทุกจังหวัดในภาคเหนือรายงานสถานการณ์มลพิษหมอกควันจุดไฟไหม้ (Hot Spot) และผลการดำเนินงานให้ศูนย์อำนวย
การแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ทำเนียบรัฐบาลทราบประจำวัน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
2.4 ข้อมูลจำนวน Hot spot ระหว่างวันที่ 16 มี.ค.-1 เม.ย. 2550 ที่แปลผลจากภาพถ่ายดาวเทียม NOAA-12 ของสำนัก
จัดการคุณภาพอากาศและน้ำเสีย กรมควบคุมมลพิษ (16-19 มี.ค.50) และดาวเทียม TERRA และ AQUA ของกรมอุทยานฯ (20-29 มี.ค. 50)
พบว่า
วันเดือนปี ประเทศไทยเกิด ภาคเหนือเกิด จังหวัดที่เกิด
Hot spot (จุด) Hot spot (จุด)
16 มี.ค.50 387 241 ตาก 41 น่าน 39 เชียงใหม่ 31 แม่ฮ่องสอน 27 กำแพงเพชร 16
เพชรบูรณ์ 13 เชียงราย และพิษณุโลก 12 ฯลฯ
17 มี.ค.50 593 318 น่าน 71 แม่ฮ่องสอน 52 พิษณุโลก 37 เชียงใหม่ 30 เพชรบูรณ์
29 ตาก 28 อุตรดิตถ์14 ฯลฯ
18 มี.ค.50 16 2 น่าน 1 นครสวรรค์ 1
19 มี.ค.50 11 10 เชียงใหม่และตาก 3 แม่ฮ่องสอน 2 กำแพงเพชรและเชียงราย 1
20 มี.ค.50 45 10 เชียงราย 4 ตากและน่าน 2 เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน 1
21 มี.ค.50 34 7 เชียงราย 2 ตาก 2 น่าน 4 พะเยา 1
22 มี.ค.50 37 - (ข้อมูลไม่ได้แยกว่าเกิด HOT SPOT ในภาคเหนือกี่จุด และ
เกิดในพื้นที่ใด)
23 มี.ค.50 81 62 (ข้อมูลไม่ได้แยกว่าเกิดในพื้นที่ใด)
24 มี.ค.50 281 254 (ข้อมูลไม่ได้แยกว่าเกิดในพื้นที่ใด)
25 มี.ค.50 - 36 (ไม่มีข้อมูล HOTSPOT ภาพรวมของประเทศ)
26 มี.ค.50 238 54 เชียงใหม่ 16 แม่ฮ่องสอน 14 น่าน 9 เลย 7 ตาก 4 เชียงราย
2 พะเยา 1 มุกดาหาร 1
27 มี.ค.50 189 9 เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนและน่าน จังหวัดละ 2 เพชรบูรณ์ แพร่
นครสวรรค์ จังหวัดละ 1
28 มี.ค.50 - 7 น่าน 3 ลำปาง 2 เชียงราย และเพชรบูรณ์จังหวัดละ 1
29 มี.ค.50 420 115 แม่ฮ่องสอน 49 เชียงใหม่ 27 ตาก 11 น่าน 10 เชียงราย 7 ลำปาง
4 พะเยา 3 พิษณุโลก 2 อุตรดิตถ์ 2
หมายเหตุ วันที่ 30-31 มี.ค.50 ไม่มีรายงานจากกรมอุทยานฯ
สรุปภาพรวมข้อมูลการเกิดจุดไฟไหม้ (Hot spot) รายวัน (ระหว่างวันที่ 16 มี.ค.-1 เม.ย. 2550) ของจังหวัด ในภาคเหนือ
17 จังหวัดและผลการดำเนินการ สรุปได้ดังนี้
วัน/เดือน/ปี จำนวนจังหวัดที่ จำนวนจุดที่เกิดไฟไหม้ (Hot spot/จุด) ผลการดำเนินการ
รายงานว่ามี ไฟป่า เผาเศษพืช/พื้น เผาใบไม้/ขยะ รวม ดับได้ คงเหลือ
จุดไฟไหม้ ที่การเกษตร
16 มี.ค.50 5 24 12 5 41 36 5 (ดับได้ในวันถัดไป)
17 มี.ค.50 10 42 14 0 56 56 0
18 มี.ค.50 5 13 0 6 19 19 0
19 มี.ค.50 7 36 0 8 44 44 0
20 มี.ค.50 8 36 1 18 55 55 0
21 มี.ค.50 5 21 1 0 22 22 0
22 มี.ค.50 6 7 0 19 26 26 0
23 มี.ค.50 3 39 0 21 60 60 0
24 มี.ค.50 3 7 0 6 13 13 0
25 มี.ค.50 3 16 0 8 24 24 0
26 มี.ค.50 2 12 0 0 12 12 0
27 มี.ค.50 7 44 0 2 46 46 0
28 มี.ค.50 7 24 3 25 52 52 0
29 มี.ค.50 5 27 2 4 33 33 0
30 มี.ค.50 3 36 0 0 36 36 0
31 มี.ค.50 4 18 0 4 22 22 0
1 เม.ย.50 4 27 0 3 30 30 0
รวม 17 จังหวัด 429 33 129 592 592 0
2.5 การให้ความช่วยเหลือโดยรวมของจังหวัดที่ประสบภัย
1) สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นที่เป้าหมายหวังผลหลัก ได้แก่ พื้นที่ป่าไม้
ตอนล่าง จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่ จ.ลำปาง ลดมลพิษทางอากาศ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.แม่ฮ่องสอน
2) จังหวัดได้ดำเนินการป้องกันแก้ไขและช่วยเหลือบรรเทาภัย ระดมสรรพกำลังในการป้องกัน การเฝ้าระวังและแจ้งเตือน
ประชาชน รวมทั้งการเข้าปฏิบัติงานการดับไฟป่าและดับไฟในพื้นที่ราบ ทั้งนี้ได้รณรงค์ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนให้งดกิจกรรม เผาวัสดุ
เศษพืช ขยะ/ใบไม้ ผ่านสื่อทุกแขนงวิทยุชุมชนหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง โดยหากการขอความร่วมมือไม่เป็นผล จะดำเนินการตาม
มาตรการบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้ฝ่าฝืนและกระทำผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเฉียบขาด
3) สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกับ อสม. ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนดูแลสุขภาพอนามัยและเฝ้าติดตามโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
ได้แก่ เด็ก และผู้สูงอายุ โดยระหว่างวันที่ 15-26 มีนาคม 2550 มีผู้ได้รับผลกระทบจากหมอกควันใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และ
จังหวัดกาญจนบุรี (ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข) มีจำนวนทั้งสิ้น 64,804, ราย (โดยจังหวัดเชียงรายมีจำนวนมากที่สุด 19,130 ราย รองลงมา
จังหวัดลำพูน 16,076 ราย จังหวัดเชียงใหม่ 10,654 ราย ฯลฯ )
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 เมษายน 2550--จบ--