คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทน พ.ศ. 2550 ดังนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำโครงการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทน พ.ศ. 2550 โดยสอบถามประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ทุกจังหวัดทั่วประเทศ มีจำนวนประชาชนเป็นตัวอย่างทั้งสิ้น จำนวน 5,800 คน โดยเก็บรวบรวมข้อมูล ระหว่างวันที่ 22 — 30 พฤษภาคม 2550 ตามนโยบายที่รัฐจะรณรงค์และส่งเสริมให้ประชาชนประหยัดพลังงานและใช้พลังงานทดแทน เพื่อลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศและนำทรัพยากรในประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีสาระสำคัญ สรุปดังนี้
1. การรณรงค์และส่งเสริมให้ประหยัดไฟฟ้า แนวทางที่ประชาชนเห็นด้วยมากที่สุด คือ การปิดไฟป้ายโฆษณาและไฟอาคารภายหลังเวลา 24.00 น. (ร้อยละ 93.3) ตามด้วย การปิดสนามกอล์ฟ/ไดร์ฟกอล์ฟหลังเวลา 21.00 น. (ร้อยละ 92.3) การปิดห้างสรรพสินค้าช่วงเวลา 22.00-10.00 น. (ร้อยละ 91.1) การคิดอัตราค่าไฟฟ้าแบบอัตราก้าวหน้า (ร้อยละ 88.7) การปิดไฟถนนที่ไม่มีรถคับคั่งและเปิดไฟถนนเฉพาะบริเวณทางแยกหลังเวลา 24.00 น. (ร้อยละ 81.8) และการปิดสถานบันเทิงหลังเวลา 02.00 น. (ร้อยละ 76.5)
2. สำหรับการประหยัดน้ำมัน แนวทางที่ประชาชนเห็นด้วยมากที่สุด คือ การจำกัดความเร็วในการขับรถไม่เกิน 90 กม./ชม. (ร้อยละ 92.8) ตามด้วย การจัดสถานที่จอดรถแท็กซี่ เพื่อลดการวิ่งรถหาผู้โดยสาร (ร้อยละ 92.4) ส่วนการกำหนดปิดปั๊มน้ำมันเวลา 24.00 น. ยกเว้นทางหลวงแผ่นดิน และการจัดบริเวณโซนนิ่ง เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวให้มาใช้บริการรถสาธารณะ/รถประจำทางแทน มีอัตราร้อยละเท่ากัน (ร้อยละ 89.3) ในขณะที่ การส่งเสริมการใช้รถยนต์ขนาดเล็กโดยเพิ่มภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ และการเก็บค่าที่จอดรถยนต์ส่วนตัวให้แพงขึ้น มีอัตราร้อยละ 73.6 และ 61.7 ตามลำดับ
3. การให้ความร่วมมือของประชาชนในการประหยัดพลังงาน
- ประชาชนที่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบุเรื่องที่ให้ความร่วมมือมากที่สุด คือ ให้ความร่วมมือ ในการปิดไฟฟ้าดวงที่ไม่ใช้งาน (ร้อยละ 97.8) ตามด้วย การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน (ร้อยละ 88.3) การดูแลบำรุงรักษาเครื่องไฟฟ้าทุกชนิดและเลือกซื้อชนิดที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 (ร้อยละ 85.3) การปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เครื่องไม่เพียงแต่ปิดด้วยรีโมตคอนโทรล (ร้อยละ 83.8) และการเปลี่ยนใช้หลอดประหยัดไฟแทนการใช้หลอดไส้ (ร้อยละ 62.2)
- ประชาชนที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ร้อยละ 90.1 ให้ความร่วมมือในการประหยัดพลังงานโดยการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25-26 องศาเซลเซียส มีเพียงร้อยละ 9.9 ที่ยังไม่ได้ทำ
- ประชาชนที่ใช้รถ ระบุเรื่องที่ให้ความร่วมมือมากที่สุด คือ การบำรุงรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ โดยการตรวจเช็คลมยางและไส้กรองอากาศ (ร้อยละ 90.2) ตามด้วย การขับรถยนต์ด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. (ร้อยละ 83.4) การวางแผนก่อนออกเดินทาง เพื่อลดเที่ยวการเดินทางหรือใช้การสื่อสารแทนการเดินทาง (ร้อยละ 78.6) การไม่ขับรถคนเดียวต้องมีเพื่อนร่วมทางไปด้วย (ร้อยละ 65.3) และการใช้บริการรถสาธารณะ/รถประจำทาง เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว (ร้อยละ 62.2) ส่วนเรื่องการเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลมาใช้ก๊าซธรรมชาตินั้น มีผู้ให้ความร่วมมือเพียงร้อยละ 29.4
4. การใช้พลังงานทดแทนและสถานีบริการ
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ประชาชนระบุว่าไม่ใช้ ร้อยละ 84.8 ผู้ที่ใช้ มีร้อยละ 15.2 โดยในกลุ่ม ผู้ที่ใช้ ระบุว่าสถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์ มีไม่เพียงพอ ร้อยละ 46.8
- น้ำมันไบโอดีเซล ประชาชนระบุว่าไม่ใช้ ร้อยละ 95.2 ส่วนผู้ที่ใช้มีเพียงร้อยละ 4.8 โดยในกลุ่มผู้ที่ใช้ระบุว่าสถานีบริการน้ำมันไบโอดีเซล มีไม่เพียงพอ ร้อยละ 52.4
- ก๊าซเอ็นจีวี ประชาชนระบุว่าไม่ใช้ ร้อยละ 97.2 ส่วนผู้ที่ใช้มีเพียงร้อยละ 2.8 โดยในกลุ่ม ผู้ที่ใช้ระบุว่าสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวี มีไม่เพียงพอ ร้อยละ 67.8
- ก๊าซแอลพีจี ประชาชนระบุว่าไม่ใช้ ร้อยละ 95.7 ส่วนผู้ที่ใช้มีเพียงร้อยละ 4.3 โดยในกลุ่มผู้ที่ใช้ระบุว่าสถานีบริการก๊าซแอลพีจี มีไม่เพียงพอ ร้อยละ 50.7
5. ความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในการผลิตกระแสไฟฟ้า แทนโรงไฟฟ้าในปัจจุบันที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ประชาชน ร้อยละ 41.3 ระบุว่าเห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 22.7 ที่ไม่เห็นด้วย ส่วนผู้ที่ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ มีร้อยละ 36.0
6. ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเกี่ยวกับพลังงานทดแทน มีประชาชน ร้อยละ 33.8 ที่แสดงความคิดเห็น โดยเห็นควรให้มีการประชาสัมพันธ์/เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการใช้พลังงานทดแทน (ร้อยละ 15.2) ตามด้วย การรณรงค์/ส่งเสริมให้ประชาชนประหยัดพลังงาน (ร้อยละ 9.9) และการศึกษา/วิจัย/สรรหาพลังงานทดแทนมาใช้แทนไฟฟ้า น้ำมัน (ร้อยละ 8.1) เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 กรกฎาคม 2550--จบ--
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำโครงการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทน พ.ศ. 2550 โดยสอบถามประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ทุกจังหวัดทั่วประเทศ มีจำนวนประชาชนเป็นตัวอย่างทั้งสิ้น จำนวน 5,800 คน โดยเก็บรวบรวมข้อมูล ระหว่างวันที่ 22 — 30 พฤษภาคม 2550 ตามนโยบายที่รัฐจะรณรงค์และส่งเสริมให้ประชาชนประหยัดพลังงานและใช้พลังงานทดแทน เพื่อลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศและนำทรัพยากรในประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีสาระสำคัญ สรุปดังนี้
1. การรณรงค์และส่งเสริมให้ประหยัดไฟฟ้า แนวทางที่ประชาชนเห็นด้วยมากที่สุด คือ การปิดไฟป้ายโฆษณาและไฟอาคารภายหลังเวลา 24.00 น. (ร้อยละ 93.3) ตามด้วย การปิดสนามกอล์ฟ/ไดร์ฟกอล์ฟหลังเวลา 21.00 น. (ร้อยละ 92.3) การปิดห้างสรรพสินค้าช่วงเวลา 22.00-10.00 น. (ร้อยละ 91.1) การคิดอัตราค่าไฟฟ้าแบบอัตราก้าวหน้า (ร้อยละ 88.7) การปิดไฟถนนที่ไม่มีรถคับคั่งและเปิดไฟถนนเฉพาะบริเวณทางแยกหลังเวลา 24.00 น. (ร้อยละ 81.8) และการปิดสถานบันเทิงหลังเวลา 02.00 น. (ร้อยละ 76.5)
2. สำหรับการประหยัดน้ำมัน แนวทางที่ประชาชนเห็นด้วยมากที่สุด คือ การจำกัดความเร็วในการขับรถไม่เกิน 90 กม./ชม. (ร้อยละ 92.8) ตามด้วย การจัดสถานที่จอดรถแท็กซี่ เพื่อลดการวิ่งรถหาผู้โดยสาร (ร้อยละ 92.4) ส่วนการกำหนดปิดปั๊มน้ำมันเวลา 24.00 น. ยกเว้นทางหลวงแผ่นดิน และการจัดบริเวณโซนนิ่ง เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวให้มาใช้บริการรถสาธารณะ/รถประจำทางแทน มีอัตราร้อยละเท่ากัน (ร้อยละ 89.3) ในขณะที่ การส่งเสริมการใช้รถยนต์ขนาดเล็กโดยเพิ่มภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ และการเก็บค่าที่จอดรถยนต์ส่วนตัวให้แพงขึ้น มีอัตราร้อยละ 73.6 และ 61.7 ตามลำดับ
3. การให้ความร่วมมือของประชาชนในการประหยัดพลังงาน
- ประชาชนที่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ระบุเรื่องที่ให้ความร่วมมือมากที่สุด คือ ให้ความร่วมมือ ในการปิดไฟฟ้าดวงที่ไม่ใช้งาน (ร้อยละ 97.8) ตามด้วย การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน (ร้อยละ 88.3) การดูแลบำรุงรักษาเครื่องไฟฟ้าทุกชนิดและเลือกซื้อชนิดที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 (ร้อยละ 85.3) การปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เครื่องไม่เพียงแต่ปิดด้วยรีโมตคอนโทรล (ร้อยละ 83.8) และการเปลี่ยนใช้หลอดประหยัดไฟแทนการใช้หลอดไส้ (ร้อยละ 62.2)
- ประชาชนที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ร้อยละ 90.1 ให้ความร่วมมือในการประหยัดพลังงานโดยการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25-26 องศาเซลเซียส มีเพียงร้อยละ 9.9 ที่ยังไม่ได้ทำ
- ประชาชนที่ใช้รถ ระบุเรื่องที่ให้ความร่วมมือมากที่สุด คือ การบำรุงรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ โดยการตรวจเช็คลมยางและไส้กรองอากาศ (ร้อยละ 90.2) ตามด้วย การขับรถยนต์ด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม. (ร้อยละ 83.4) การวางแผนก่อนออกเดินทาง เพื่อลดเที่ยวการเดินทางหรือใช้การสื่อสารแทนการเดินทาง (ร้อยละ 78.6) การไม่ขับรถคนเดียวต้องมีเพื่อนร่วมทางไปด้วย (ร้อยละ 65.3) และการใช้บริการรถสาธารณะ/รถประจำทาง เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว (ร้อยละ 62.2) ส่วนเรื่องการเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลมาใช้ก๊าซธรรมชาตินั้น มีผู้ให้ความร่วมมือเพียงร้อยละ 29.4
4. การใช้พลังงานทดแทนและสถานีบริการ
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ประชาชนระบุว่าไม่ใช้ ร้อยละ 84.8 ผู้ที่ใช้ มีร้อยละ 15.2 โดยในกลุ่ม ผู้ที่ใช้ ระบุว่าสถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์ มีไม่เพียงพอ ร้อยละ 46.8
- น้ำมันไบโอดีเซล ประชาชนระบุว่าไม่ใช้ ร้อยละ 95.2 ส่วนผู้ที่ใช้มีเพียงร้อยละ 4.8 โดยในกลุ่มผู้ที่ใช้ระบุว่าสถานีบริการน้ำมันไบโอดีเซล มีไม่เพียงพอ ร้อยละ 52.4
- ก๊าซเอ็นจีวี ประชาชนระบุว่าไม่ใช้ ร้อยละ 97.2 ส่วนผู้ที่ใช้มีเพียงร้อยละ 2.8 โดยในกลุ่ม ผู้ที่ใช้ระบุว่าสถานีบริการก๊าซเอ็นจีวี มีไม่เพียงพอ ร้อยละ 67.8
- ก๊าซแอลพีจี ประชาชนระบุว่าไม่ใช้ ร้อยละ 95.7 ส่วนผู้ที่ใช้มีเพียงร้อยละ 4.3 โดยในกลุ่มผู้ที่ใช้ระบุว่าสถานีบริการก๊าซแอลพีจี มีไม่เพียงพอ ร้อยละ 50.7
5. ความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในการผลิตกระแสไฟฟ้า แทนโรงไฟฟ้าในปัจจุบันที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ประชาชน ร้อยละ 41.3 ระบุว่าเห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 22.7 ที่ไม่เห็นด้วย ส่วนผู้ที่ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ มีร้อยละ 36.0
6. ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเกี่ยวกับพลังงานทดแทน มีประชาชน ร้อยละ 33.8 ที่แสดงความคิดเห็น โดยเห็นควรให้มีการประชาสัมพันธ์/เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการใช้พลังงานทดแทน (ร้อยละ 15.2) ตามด้วย การรณรงค์/ส่งเสริมให้ประชาชนประหยัดพลังงาน (ร้อยละ 9.9) และการศึกษา/วิจัย/สรรหาพลังงานทดแทนมาใช้แทนไฟฟ้า น้ำมัน (ร้อยละ 8.1) เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 กรกฎาคม 2550--จบ--