คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงฤดูแล้ง ปี 2550 ณ วันที่ 2 เมษายน 2550 ประกอบด้วย สถานการณ์น้ำ ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ผลกระทบด้านการเกษตร และการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 2 เมษายน 2550 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 49,931 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 73 ของความจุอ่างฯทั้งหมด มากกว่าปี 2549 (46,592 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 3,339 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ของความจุอ่างฯทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 9,667 และ 6,492 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 72 และ 68 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯรวมกัน จำนวน 16,159 ล้านลูกบาศก์เมตร
2. สภาพน้ำท่า
แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำน่าน และแม่น้ำเจ้าพระยา สภาพน้ำท่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำยม สภาพน้ำท่า อยู่ในเกณฑ์น้อย
แม่น้ำโขง ไม่มีปริมาณน้ำไหลผ่าน แนวโน้มระดับน้ำลดลง
แม่น้ำมูล สภาพน้ำนอนคลอง
3. คุณภาพน้ำ
สภาพความเค็มในแม่น้ำสายหลัก ณ จุดเฝ้าระวังของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำนครนายก อยู่ในเกณฑ์ปกติ ณ วันที่ 28 มีนาคม 2550 (เกณฑ์ค่าความเค็ม น้ำเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2.0 กรัม/ลิตร)
การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 — 30 เมษายน 2550)
ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 26 มีนาคม 2550 มีพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ จำนวน 14.08 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 11.56 ล้านไร่ มากกว่าเป้าหมายคิดเป็นร้อยละ 16 (ในเขตชลประทาน 8.43 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 3.13 ล้านไร่) และพืชไร่-พืชผัก จำนวน 2.52 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 88 ของเป้าหมาย (ในเขตชลประทาน 0.75 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 1.77 ล้านไร่)
พื้นที่การเกษตรประสบภัยแล้ง ณ วันที่ 1 เมษายน 2550
ด้านพืช ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 ถึง 29 มีนาคม 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก พิจิตร แพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ อุทัยธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู และปราจีนบุรี
เกษตรกร 15,229 ราย พื้นที่ประสบภัย 157,150 ไร่ พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 122,401 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 33,070 ไร่ พืชไร่ 74,462 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 13,434 ไร่
พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก ลำปาง และนครราชสีมา จำนวน 21,501 ไร่ โดยจังหวัดลำปางใช้เงินทดรองราชการของจังหวัดช่วยเหลือแล้วจำนวน 170,226 บาท
ด้านปศุสัตว์ ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2549 ถึง 28 มีนาคม 2550 ได้รับรายงานสัตว์ได้รับผลกระทบ จำนวน 16 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ น่าน พะเยา เพชรบูรณ์ ลำพูน ขอนแก่น มุกดาหาร หนองบัวลำภู ชัยนาท ปราจีนบุรี สระแก้ว เพชรบุรี สุพรรณบุรี ตรัง และนราธิวาส
เกษตรกร 13,078 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 203,847 ตัว แยกเป็น โค-กระบือ 80,212 ตัว สุกร-แพะ-แกะ 22,323 ตัว และสัตว์ปีก 101,312 ตัว โดยจังหวัดปราจีนบุรีใช้เงินทดรองราชการของจังหวัดช่วยเหลือแล้วจำนวน 766,900 บาท
ด้านประมง ช่วงภัยระหว่างวันที่ 19 มีนาคม 2550 ถึง 20 มีนาคม 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากปริมาณออกซิเจนในน้ำต่ำ 1 จังหวัด คือ จังหวัดเลย เกษตรกร 7 ราย ประสบภัย 23 กระชัง คิดเป็น พื้นที่ 550 ตารางเมตร
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 1 เมษายน 2550 ได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศแล้ว 14,913 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเกษตรกรได้ปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 1 ไปแล้ว 8.12 ล้านไร่ (มากกว่าเป้าหมาย 4%) และปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 ไปแล้ว 0.06 ล้านไร่ สำหรับพืชไร่-พืชผัก ปลูกแล้ว 0.75 ล้านไร่ (86% ของเป้าหมาย)
2. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำ
- เครื่องสูบน้ำ จำนวน 820 เครื่อง ในพื้นที่ 59 จังหวัด (เพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 767 เครื่อง และเพื่อการอุปโภคบริโภค จำนวน 53 เครื่อง)
- รถยนต์บรรทุกน้ำ ขนส่งน้ำช่วยเหลือ 4,072 เที่ยว คิดเป็น 24.43 ล้านลิตร
3. การปฏิบัติการฝนหลวง
- จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 จำนวน 9 หน่วย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี นครราชสีมา ระยอง อ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และ ฐานเติมสารฝนหลวงจำนวน 4 ฐาน ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ตาก จันทบุรี และสระแก้ว
- เน้นปฏิบัติการฝนหลวงบริเวณจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้ขอรับบริการฝนหลวงในช่วงฤดูแล้ง จำนวน 21 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย ตาก ลำปาง ลำพูน น่าน พิจิตร อุตรดิตถ์ ลพบุรี อุทัยธานีกาญจนบุรี ชัยนาท ยโสธร หนองคาย เลย นครราชสีมา อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ชลบุรี สระแก้ว ตราด ปราจีนบุรีเพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี กระบี่ สตูล ชุมพร และนครศรีธรรมราช
- ผลการปฏิบัติการ ระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์-29 มีนาคม 2550 ขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 645 เที่ยวบิน มีฝนตกในพื้นที่ 59 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก น่าน ชัยนาท สุพรรณบุรี นครสวรรค์ กรุงเทพฯ อุทัยธานี ลพบุรี กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม นครพนม ขอนแก่น มุกดาหาร เลย กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด หนองคาย อุดรธานี สกลนคร ชัยภูมิ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ปราจีนบุรี เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช พังงา ปัตตานี ภูเก็ต ตรัง กระบี่ สตูล สงขลา ชุมพร นราธิวาส พัทลุง และยะลา
4. การสนับสนุนเสบียงสัตว์ สนับสนุนพืชอาหารสัตว์ 376,300 กิโลกรัม (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 49,655 กิโลกรัม) แร่ธาตุ 126 ก้อน ดูแลสุขภาพสัตว์ 4,658 ตัว (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 111 ตัว)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 เมษายน 2550--จบ--
1. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 2 เมษายน 2550 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 49,931 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 73 ของความจุอ่างฯทั้งหมด มากกว่าปี 2549 (46,592 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 3,339 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ของความจุอ่างฯทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 9,667 และ 6,492 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 72 และ 68 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯรวมกัน จำนวน 16,159 ล้านลูกบาศก์เมตร
2. สภาพน้ำท่า
แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำน่าน และแม่น้ำเจ้าพระยา สภาพน้ำท่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำยม สภาพน้ำท่า อยู่ในเกณฑ์น้อย
แม่น้ำโขง ไม่มีปริมาณน้ำไหลผ่าน แนวโน้มระดับน้ำลดลง
แม่น้ำมูล สภาพน้ำนอนคลอง
3. คุณภาพน้ำ
สภาพความเค็มในแม่น้ำสายหลัก ณ จุดเฝ้าระวังของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำนครนายก อยู่ในเกณฑ์ปกติ ณ วันที่ 28 มีนาคม 2550 (เกณฑ์ค่าความเค็ม น้ำเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2.0 กรัม/ลิตร)
การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 — 30 เมษายน 2550)
ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 26 มีนาคม 2550 มีพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ จำนวน 14.08 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 11.56 ล้านไร่ มากกว่าเป้าหมายคิดเป็นร้อยละ 16 (ในเขตชลประทาน 8.43 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 3.13 ล้านไร่) และพืชไร่-พืชผัก จำนวน 2.52 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 88 ของเป้าหมาย (ในเขตชลประทาน 0.75 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 1.77 ล้านไร่)
พื้นที่การเกษตรประสบภัยแล้ง ณ วันที่ 1 เมษายน 2550
ด้านพืช ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 ถึง 29 มีนาคม 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก พิจิตร แพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ อุทัยธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู และปราจีนบุรี
เกษตรกร 15,229 ราย พื้นที่ประสบภัย 157,150 ไร่ พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 122,401 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 33,070 ไร่ พืชไร่ 74,462 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 13,434 ไร่
พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก ลำปาง และนครราชสีมา จำนวน 21,501 ไร่ โดยจังหวัดลำปางใช้เงินทดรองราชการของจังหวัดช่วยเหลือแล้วจำนวน 170,226 บาท
ด้านปศุสัตว์ ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2549 ถึง 28 มีนาคม 2550 ได้รับรายงานสัตว์ได้รับผลกระทบ จำนวน 16 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ น่าน พะเยา เพชรบูรณ์ ลำพูน ขอนแก่น มุกดาหาร หนองบัวลำภู ชัยนาท ปราจีนบุรี สระแก้ว เพชรบุรี สุพรรณบุรี ตรัง และนราธิวาส
เกษตรกร 13,078 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 203,847 ตัว แยกเป็น โค-กระบือ 80,212 ตัว สุกร-แพะ-แกะ 22,323 ตัว และสัตว์ปีก 101,312 ตัว โดยจังหวัดปราจีนบุรีใช้เงินทดรองราชการของจังหวัดช่วยเหลือแล้วจำนวน 766,900 บาท
ด้านประมง ช่วงภัยระหว่างวันที่ 19 มีนาคม 2550 ถึง 20 มีนาคม 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากปริมาณออกซิเจนในน้ำต่ำ 1 จังหวัด คือ จังหวัดเลย เกษตรกร 7 ราย ประสบภัย 23 กระชัง คิดเป็น พื้นที่ 550 ตารางเมตร
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 1 เมษายน 2550 ได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศแล้ว 14,913 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเกษตรกรได้ปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 1 ไปแล้ว 8.12 ล้านไร่ (มากกว่าเป้าหมาย 4%) และปลูกข้าวนาปรังครั้งที่ 2 ไปแล้ว 0.06 ล้านไร่ สำหรับพืชไร่-พืชผัก ปลูกแล้ว 0.75 ล้านไร่ (86% ของเป้าหมาย)
2. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำ
- เครื่องสูบน้ำ จำนวน 820 เครื่อง ในพื้นที่ 59 จังหวัด (เพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 767 เครื่อง และเพื่อการอุปโภคบริโภค จำนวน 53 เครื่อง)
- รถยนต์บรรทุกน้ำ ขนส่งน้ำช่วยเหลือ 4,072 เที่ยว คิดเป็น 24.43 ล้านลิตร
3. การปฏิบัติการฝนหลวง
- จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 จำนวน 9 หน่วย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุดรธานี นครราชสีมา ระยอง อ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และ ฐานเติมสารฝนหลวงจำนวน 4 ฐาน ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ตาก จันทบุรี และสระแก้ว
- เน้นปฏิบัติการฝนหลวงบริเวณจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้ขอรับบริการฝนหลวงในช่วงฤดูแล้ง จำนวน 21 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย ตาก ลำปาง ลำพูน น่าน พิจิตร อุตรดิตถ์ ลพบุรี อุทัยธานีกาญจนบุรี ชัยนาท ยโสธร หนองคาย เลย นครราชสีมา อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ชลบุรี สระแก้ว ตราด ปราจีนบุรีเพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี กระบี่ สตูล ชุมพร และนครศรีธรรมราช
- ผลการปฏิบัติการ ระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์-29 มีนาคม 2550 ขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 645 เที่ยวบิน มีฝนตกในพื้นที่ 59 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก น่าน ชัยนาท สุพรรณบุรี นครสวรรค์ กรุงเทพฯ อุทัยธานี ลพบุรี กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม นครพนม ขอนแก่น มุกดาหาร เลย กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด หนองคาย อุดรธานี สกลนคร ชัยภูมิ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ปราจีนบุรี เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช พังงา ปัตตานี ภูเก็ต ตรัง กระบี่ สตูล สงขลา ชุมพร นราธิวาส พัทลุง และยะลา
4. การสนับสนุนเสบียงสัตว์ สนับสนุนพืชอาหารสัตว์ 376,300 กิโลกรัม (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 49,655 กิโลกรัม) แร่ธาตุ 126 ก้อน ดูแลสุขภาพสัตว์ 4,658 ตัว (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 111 ตัว)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 เมษายน 2550--จบ--