คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการสนับสนุนเงินงบประมาณ จำนวน 250 ล้านบาท ให้วัดไตรมิตรวิทยารามสำหรับดำเนินโครงการจัดสร้างพระมหามณฑปประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้เสนอของบประมาณ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ส่วนงบประมาณที่เหลือให้เสนอขอตั้งงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป และโดยที่โครงการดังกล่าวยังไม่มีแบบรูปรายการและประมาณการค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน จึงเห็นควรให้ผู้รับผิดชอบโครงการร่วมกันจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้มีความชัดเจนโดยด่วน แล้วขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานว่า วัดไตรมิตรวิทยารามได้เสนอโครงการจัดสร้างพระมหามณฑปประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรเข้าร่วมเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปทองคำปางมารวิชัย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย สร้างด้วยทองคำแท้ มีน้ำหนัก 5 ตันครึ่ง สูง 3.04 เมตร โดยในปี พ.ศ.2498 ในระหว่างการเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปเป็นเหตุให้ปูนปั้นที่พอกปิดบังพรางองค์พระไว้เกิดกะเทาะหลุดออก เผยให้เห็นเนื้อทองคำบริสุทธิ์ขององค์พระพุทธรูปซึ่งอยู่ด้านในปรากฏเป็นพระพุทธรูปทองคำ และได้อัญเชิญพระพุทธรูปทองคำดังกล่าวประดิษฐานไว้ภายในพระวิหารนับแต่นั้นมา
2. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการและทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมเกตุมาลา เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2499 นอกจากนี้ พระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรด้วยแล้ว
3. ในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา วัดไตรมิตรวิทยาราม และคณะพุทธบริษัทชาวไทย และชาวจีนมีจิตศรัทธาเห็นสมควรสร้างพระมหามณฑปใหม่ สำหรับเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปให้มีความสง่างาม โดยมีนาวาอากาศเอก อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติ เป็นสถาปนิก ผู้รับผิดชอบการออกแบบ ทั้งนี้ ได้มีการกราบบังคมทูลถวายรายงานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่องแบบร่างพระมหามณฑป เมื่อวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2548 และถวายการทอดพระเนตรแบบเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2549
ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 635.6 ล้านบาท โดยจะขอให้รัฐบาลรับเป็นโครงการที่รัฐบาลจะทำร่วมกับประชาชน และขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล จำนวน 250 ล้านบาท ทั้งนี้งบประมาณในส่วนที่เหลือจะให้เงินสนับสนุนจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และการรณรงค์หาทุนบริจาคจากภาคเอกชน
4. โครงการจัดสร้างพระมหามณฑปฯ มีความพร้อมที่จะดำเนินการ และในปัจจุบันได้ปรับปรุงสถานที่บริเวณวัดไตรมิตรวิทยาราม เพื่อดำเนินการในส่วนของฐานรากแล้ว เมื่อการก่อสร้างพระมหามณฑปแล้วเสร็จ จะสามารถเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่งามสง่า มีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม และเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกับโลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร
5. กระทรวงวัฒนธรรมได้พิจารณาในเบื้องต้นแล้ว เห็นด้วยที่จะเสนอให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 พฤษภาคม 2550--จบ--
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานว่า วัดไตรมิตรวิทยารามได้เสนอโครงการจัดสร้างพระมหามณฑปประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรเข้าร่วมเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปทองคำปางมารวิชัย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย สร้างด้วยทองคำแท้ มีน้ำหนัก 5 ตันครึ่ง สูง 3.04 เมตร โดยในปี พ.ศ.2498 ในระหว่างการเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปเป็นเหตุให้ปูนปั้นที่พอกปิดบังพรางองค์พระไว้เกิดกะเทาะหลุดออก เผยให้เห็นเนื้อทองคำบริสุทธิ์ขององค์พระพุทธรูปซึ่งอยู่ด้านในปรากฏเป็นพระพุทธรูปทองคำ และได้อัญเชิญพระพุทธรูปทองคำดังกล่าวประดิษฐานไว้ภายในพระวิหารนับแต่นั้นมา
2. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการและทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมเกตุมาลา เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2499 นอกจากนี้ พระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรด้วยแล้ว
3. ในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา วัดไตรมิตรวิทยาราม และคณะพุทธบริษัทชาวไทย และชาวจีนมีจิตศรัทธาเห็นสมควรสร้างพระมหามณฑปใหม่ สำหรับเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปให้มีความสง่างาม โดยมีนาวาอากาศเอก อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติ เป็นสถาปนิก ผู้รับผิดชอบการออกแบบ ทั้งนี้ ได้มีการกราบบังคมทูลถวายรายงานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่องแบบร่างพระมหามณฑป เมื่อวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2548 และถวายการทอดพระเนตรแบบเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2549
ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 635.6 ล้านบาท โดยจะขอให้รัฐบาลรับเป็นโครงการที่รัฐบาลจะทำร่วมกับประชาชน และขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล จำนวน 250 ล้านบาท ทั้งนี้งบประมาณในส่วนที่เหลือจะให้เงินสนับสนุนจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และการรณรงค์หาทุนบริจาคจากภาคเอกชน
4. โครงการจัดสร้างพระมหามณฑปฯ มีความพร้อมที่จะดำเนินการ และในปัจจุบันได้ปรับปรุงสถานที่บริเวณวัดไตรมิตรวิทยาราม เพื่อดำเนินการในส่วนของฐานรากแล้ว เมื่อการก่อสร้างพระมหามณฑปแล้วเสร็จ จะสามารถเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่งามสง่า มีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม และเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกับโลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร
5. กระทรวงวัฒนธรรมได้พิจารณาในเบื้องต้นแล้ว เห็นด้วยที่จะเสนอให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 พฤษภาคม 2550--จบ--