เรื่อง ขออนุมัติลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศและการกระจายเสียง
ระหว่างกรมประชาสัมพันธ์และกรมวิทยุและโทรทัศน์สหภาพพม่า
คณะรัฐมนตรีอนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศและการกระจายเสียงระหว่างกรมประชาสัมพันธ์กับกรมวิทยุและโทรทัศน์สหภาพพม่า โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
สปน. รายงานว่า
1. กรมประชาสัมพันธ์และกรมวิทยุโทรทัศน์สหภาพพม่าได้เห็นพ้องร่วมกันจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศและการกระจายเสียง โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนรายการ/ข่าววิทยุโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ การร่วมผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ การแลกเปลี่ยนการเยือน รวมทั้งความร่วมมือด้านการฝึกอบรม
2. กรมประชาสัมพันธ์ขอให้ สปน. นำเรียนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) พิจารณาให้ความเห็นชอบนำเรื่องเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย
3. กรมประชาสัมพันธ์ได้ส่งร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) พิจารณาแล้ว กต.มีความเห็นสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
3.1 กต. ไม่มีข้อขัดข้องต่อการลงนามในระดับกรม โดยอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้ลงนาม
3.2 กต. มีความเห็นว่า โดยที่สาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นเรื่องความร่วมมือด้านข่าวสารและสารสนเทศจึงไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น หากส่วนราชการเจ้าของเรื่องสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญาร่างบันทึกความเข้าใจฯ ก็ไม่น่าจะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา
4. กรมประชาสัมพันธ์มีความเห็นว่า ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ไม่มีประเด็นที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 190 วรรคสอง ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา และเห็นว่าการดำเนินโครงการ/กิจกรรมจะเป็นประโยชน์ต่อความร่วมมือระหว่างไทยกับสหภาพพม่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหภาพพม่า ยังคงต้องการความร่วมมือและความช่วยเหลือเพื่อพัฒนาบุคลากรและวิทยาการด้านสารสนเทศและการกระจายเสียง นอกจากนี้ บันทึกความเข้าใจฯ ยังจะเป็นช่องทางที่ไทยสามารถส่งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมทั้งเพิ่มโอกาสให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้เรียนรู้เกี่ยวกับค่านิยม ศิลปวัฒนธรรม การศึกษา ประสบการณ์และช่วยส่งเสริมให้มีการขยายความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 มิถุนายน 2553--จบ--