ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศ และดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกเดือนเมษายน 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 16, 2010 16:37 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศและดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกเดือนเมษายน 2553 ของกระทรวงพาณิชย์ดังนี้

กระทรวงพาณิชย์ มีการปรับปรุงการจัดทำดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศ โดยปรับเปลี่ยนน้ำหนักจากปี 2551 เป็นปี 2552 ใช้มูลค่าการส่งออก-นำเข้า จากกรมศุลกากรเป็นตัวถ่วงน้ำหนัก และได้มีการปรับปรุงรายการสินค้าที่ใช้คำนวณในปี 2553 คือ ดัชนีราคาส่งออก จำนวน 1,138 รายการ และดัชนีราคานำเข้า จำนวน 909 รายการ เพื่อให้สะท้อนภาวะการค้าของประเทศที่เป็นปัจจุบันแต่ยังคงปีฐาน 2550 = 100

กระทรวงพาณิชย์ ขอรายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนเมษายน 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.3 ทั้งนี้เป็นการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเกษตรกรรม และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สำหรับดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 1.4 จากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเชื้อเพลิง และหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป

1. ดัชนีราคาส่งออก

1.1 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศ เดือนเมษายน 2553

ในปี 2550 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศ เท่ากับ 100 เดือนเมษายน 2553 เท่ากับ 119.9 และเดือนมีนาคม 2553 เท่ากับ 119.5

1.2 การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาส่งออกของประเทศ เดือนเมษายน 2553 เมื่อเทียบกับ

                 เดือนมีนาคม   2553    สูงขึ้นร้อยละ      0.3
                 เดือนเมษายน  2552    สูงขึ้นร้อยละ     12.1

เฉลี่ย (มกราคม-เมษายน) 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 สูงขึ้นร้อยละ 12.1

1.3 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนเมษายน 2553 เทียบกับเดือนมีนาคม 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.3 เป็นผลจากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเกษตรกรรม และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สำหรับหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรลดลง

สินค้าส่งออกที่ราคาสูงขึ้น

หมวดสินค้าเกษตรกรรม ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 2.2 (เดือนมีนาคม 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.9) จากการสูงขึ้นของหมวดสินค้ากสิกรรม โดยเฉพาะยางพาราราคายังสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุปทานยางมีจำกัดเพราะเป็นช่วงยางผลัดใบ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ใบยาสูบ กล้วยไม้ และสินค้าปศุสัตว์ มีราคาสูงขึ้น

หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 3.9 (เดือนมีนาคม 2553 สูงขึ้นร้อยละ 3.1) สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ

หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ดัชนีราคาส่งออกไม่เปลี่ยนแปลง (เดือนมีนาคม 2553 ไม่เปลี่ยนแปลง) สินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ทองคำ เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติกผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ สำหรับสินค้าเครื่อง อิเลคทรอนิกส์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ยางราคาลดลง

สินค้าส่งออกที่ราคาลดลง

หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ดัชนีราคาส่งออกลดลงร้อยละ 0.8 (เดือนมีนาคม 2553 ลดลงร้อยละ 3.0) สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ น้ำตาลทราย อาหารทะเลกระป๋อง ผักกระป๋องและแปรรูป

1.4 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนเมษายน 2553 เทียบกับเดือนเมษายน 2552 ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 12.1 จากการสูงขึ้นของทุกหมวด ได้แก่ หมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 44.9 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 5.5 หมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 4.2 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้น ร้อยละ 51.1

1.5 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเฉลี่ยมกราคม-เมษายน 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 12.1 จากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 41.5 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 7.0 หมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 4.1 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 55.6

2. ดัชนีราคานำเข้า

2.1 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศ เดือนเมษายน 2553

ในปี 2550 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศ เท่ากับ 100 เดือนเมษายน 2553 เท่ากับ 117.8 และเดือนมีนาคม 2553 เท่ากับ 116.2

2.2 การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคานำเข้าของประเทศ เดือนเมษายน 2553 เมื่อเทียบกับ

                 เดือนมีนาคม   2553      สูงขึ้นร้อยละ        1.4
                 เดือนเมษายน  2552      สูงขึ้นร้อยละ       11.8

เฉลี่ย (มกราคม-เมษายน) 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 สูงขึ้นร้อยละ 11.2

2.3 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนเมษายน 2553 เทียบกับเดือนมีนาคม 2553 สูงขึ้นร้อยละ 1.4 (เดือนมีนาคม 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.3) เป็นผลจากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 5.8 และหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 0.9 ขณะที่หมวดสินค้าทุนลดลงร้อยละ 0.3 และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ลดลงร้อยละ 0.8 สำหรับหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคไม่เปลี่ยนแปลง

สินค้านำเข้าที่ราคาสูงขึ้น

หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 5.8 (เดือนมีนาคม 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.7) เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป และก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม ตามภาวะตลาดโลก

หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.9 (เดือนมีนาคม 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.3) สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เคมีภัณฑ์ ดีบุก ทองแดงและผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (ไดโอด IC) และเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ตามราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น

สินค้านำเข้าที่ราคาลดลง

หมวดสินค้าทุน ดัชนีราคานำเข้าลดลงร้อยละ 0.3 (เดือนมีนาคม 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.3) สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ และเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์

หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ดัชนีราคานำเข้าลดลงร้อยละ 0.8 (เดือนมีนาคม 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.4) สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์

2.4 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนเมษายน 2553 เทียบกับเดือนเมษายน 2552 ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 11.8 ปัจจัยสำคัญจากการสูงขึ้นในหมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นมากถึงร้อยละ 40.7 หมวดสินค้าทุนและหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นเท่ากันคือร้อยละ 4.2 หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 2.7 หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้นร้อยละ 6.5

2.5 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเฉลี่ยมกราคม-เมษายน 2553 เทียบกับช่วงเดียวกัน ของปี 2552 ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 11.2 จากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 41.1 หมวดสินค้าทุนและหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นเท่ากันคือร้อยละ 3.3 หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 1.4 และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้นร้อยละ 5.6

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 มิถุนายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ