การประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2553/54

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 30, 2010 14:11 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ดำเนินมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2553/54 โดยวิธีการประกันรายได้เกษตรกรตามหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2553/54 รวมทั้งงบประมาณดำเนินการ ตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เสนอ ดังนี้

1. หลักเกณฑ์และวิธีดำเนินโครงการ

1.1 พื้นที่ดำเนินการ จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2553 / 54 ทั่วประเทศที่มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2553/54 กับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

1.2 ปริมาณเป้าหมาย ให้เกษตรกรรายครัวเรือนใช้สิทธิขอรับเงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กลางอ้างอิงตามปริมาณที่ผลิตได้จริงแต่ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ตัน โดยคำนวณจากพื้นที่ปลูกของเกษตรกรประมาณ 25 -30 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 657 กก. (ข้าวโพดเมล็ดความชื้น 14.5%) และต้องเป็นผลผลิตที่เกษตรกรแจ้งขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยให้ใช้เกณฑ์ผลผลิตเฉลี่ยรายจังหวัดเป็นข้อมูลในการคำนวณปริมาณผลผลิตที่เข้าร่วมโครงการประกันรายได้ สำหรับจังหวัดที่มิได้กำหนดผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ระดับจังหวัดไว้ ให้ใช้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของระดับภาค หากระดับภาคไม่ได้ระบุไว้ให้อนุโลมใช้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของระดับประเทศ

1.3 ราคาประกัน กำหนดราคาประกัน ข้าวโพดเมล็ดความชื้น 14.5% กก.ละ 7.14 บาท โดยใช้เกณฑ์ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยทั้งประเทศ (กก.ละ 5.46) บวกค่าขนส่ง (กก.ละ 0.25 บาท) และผลตอบแทนให้เกษตรกรร้อยละ 25 (กก.ละ 1.43 บาท) โดยการซื้อขายให้เป็นไปตามการค้าปกติ

1.4 การกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิง คณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นผู้กำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กลางอ้างอิงให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงเท่ากันทุกจังหวัดแหล่งผลิต และนำเสนอประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนคณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงฯ ประกาศราคาฯ ต่อไป

1.5 ระยะเวลาดำเนินการ 1) การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ระยะเวลาขึ้นทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. — 31 ต.ค. 2553 โดยกรมส่งเสริมการเกษตร และจัดประชุมประชาคมเพื่อรับรองการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ตั้งแต่ 1 มิ.ย. — 30 พ.ย. 2553 โดยต้องเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูกาลเพาะปลูกปี 2553/54 (หลักการคือ เกษตรกรต้องมีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยืนต้นอยู่ในแปลงปลูก ณ วันทำประชาคม) ทั้งนี้ เกษตรกรรายครัวเรือนสามารถใช้สิทธิ 1 ครั้งในรอบปีการผลิต โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรพิจารณาปรับหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2553/54 ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ในเรื่องการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2553/54 ที่ให้ใช้ข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 2552/53 ที่มีอยู่แล้วมาเป็นฐานข้อมูลในการดำเนินการ โดยเปิดให้ขึ้นทะเบียนเฉพาะเกษตรกรรายใหม่ที่มีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มกว่าที่เคยจดทะเบียนไว้เท่านั้น และให้มีมาตรการเพื่อดำเนินการสุ่มตรวจความถูกต้องของการเพาะปลูกของเกษตรกรเป็นกรณี ๆ ไปตามความเหมาะสมและจำเป็น 2) การออกใบรับรองเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตรออกใบรับรองการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่ผ่านการประชาคมแล้ว ตั้งแต่ 15 มิ.ย. — 15 ธ.ค.2553 3) การทำสัญญาประกันรายได้ ธ.ก.ส. ทำสัญญากับเกษตรกร ตั้งแต่ 15 มิ.ย. — 30 ธ.ค.2553 โดยเกษตรกรสามารถระบุวันใช้สิทธิในวันที่ทำสัญญาได้ 4) ระยะเวลาใช้สิทธิประกัน เกษตรกรใช้สิทธิประกันได้ทันทีตั้งแต่วันเก็บเกี่ยวที่ระบุในหนังสือรับรอง โดยให้เลือกใช้สิทธิด้วยตนเองและเปิดโอกาสให้มีการเปลี่ยนแปลงวันใช้สิทธิได้แต่จะต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วันทำการก่อนถึงวันใช้สิทธิที่กำหนดไว้เดิม และต้องไม่เกิน วันที่ 28 ก.พ.2554 5) การประชาสัมพันธ์โครงการฯ เดือน พ.ค.2553 — ก.พ.2554 6) การกำหนดและประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิง คณะอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นผู้กำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงของโครงการฯ และประกาศให้ผู้เกี่ยวข้องทราบทุก 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2553 — 28 ก.พ.2554 7) ระยะเวลาโครงการ เดือนพ.ค.2553 — เม.ย.2554

1.6 เกษตรกรผู้มีสิทธิทำสัญญา เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2553/54 กับกรมส่งเสริมการเกษตรและนำหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนไปทำสัญญาประกันรายได้กับ ธ.ก.ส.

1.7 การขอใช้สิทธิรับเงินชดเชยส่วนต่างราคา เกษตรกรรายครัวเรือนที่ทำสัญญาสามารถขอใช้สิทธิรับเงินส่วนต่างราคาตามโครงการฯ ตามที่ได้ทำสัญญากับ ธ.ก.ส. ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ตัน/ครั้ง/ปีการผลิตจาก ธ.ก.ส. สาขาที่ทำสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่ต้องมีการส่งมอบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

2. งบประมาณดำเนินโครงการฯ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2553/54 ของหน่วยงานดำเนินโครงการฯ ได้แก่ ธ.ก.ส. กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการค้าภายใน โดยพิจารณาจากข้อมูลการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาในปี 2552/53 คาดว่าจะใช้งบประมาณดำเนินการรวม 6,221.465 ล้านบาท ดังนี้

2.1 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร วงเงินรวม 6,169.040 ล้านบาท จำแนกเป็น 1) เงินจ่ายชดเชยรายได้ให้เกษตรกร 6,000 ล้านบาท (คำนวณจากอัตราชดเชยปี 2552/53 ซึ่งเฉลี่ย ตันละ 1,290 บาท X จำนวนเกษตรกร 401,002 ราย X 11.60 ตัน/ราย 2) ค่าบริหารโครงการเหมาจ่าย 140 ล้านบาท (เหมาจ่ายคนละ 200 บาท/คน X จำนวนเกษตรกร 401,002 คน 3) ค่าชดเชยต้นทุนเงิน 29.040 ล้านบาท (กรณีใช้เงินทุน ธ.ก.ส. คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.98 ของวงเงินชดเชยรายได้ 6,000 ล้านบาท ระยะเวลา 5 เดือน) ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. ใช้เงินทุน ธ.ก.ส. สำรองจ่ายชดเชยส่วนต่างให้แก่เกษตรกรระหว่างที่ยังไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ และค่าบริหารโครงการเหมาจ่าย ค่าชดเชยต้นทุนเงิน ให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ

2.2 กรมส่งเสริมการเกษตร วงเงิน 50.425 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การติดตามความก้าวหน้า การประสานตรวจสอบ/แก้ไขข้อมูล ค่าบริหารจัดการ และการตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่

2.3 กรมการค้าภายใน วงเงิน 2.0 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คณะอนุกรรมการ การกำกับดูแล ติดตาม ตรวจสอบโครงการ และอื่น ๆ

ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินการได้ตั้งแต่วันเริ่มต้นโครงการ (เดือน พ.ค.2553)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 มิถุนายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ