คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ไม่เกินร้อยละ 1 ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดที่ไม่มีรายชื่อบุคล จำนวน 644,384 คน เป็นการเพิ่มเติม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ประธาน ป.ป.ส.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธาน ป.ป.ส. รายงานว่า
1. ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 ให้ กอ.รมน. กำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นที่ชัดเจน และสำรวจผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดังกล่าว เพื่อให้ได้เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นอย่างแท้จริง นั้น กอ.รมน. ในฐานะผู้รับผิดชอบในการอำนวยการและแปลงนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดไปสู่การปฏิบัติ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ส. กำหนด ได้จัดทำหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด และรายละเอียดลักษณะงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดที่ไม่มีรายชื่อบุคคล จำนวน 644,384 คน เรียบร้อยแล้ว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1.1 หลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น เพื่อให้การพิจารณาบำเหน็จความชอบให้แก่เจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรมต่อผู้ปฏิบัติงานอย่างแท้จริง จึงเห็นควรกำหนดกรอบการพิจารณา ดังนี้
1.1.1 ดำเนินการจัดตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี 2552 (กรณีพิเศษ) โดยมีเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธาน ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน. เป็นเลขานุการ และให้มีผู้แทนจากหน่วยงานหลักด้านยาเสพติด เป็นอนุกรรมการ เพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดกรอบคุณสมบัติผู้มีสิทธิได้รับบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษ แนวทางการจัดสรร ตลอดจนกำหนดโควตาบำเหน็จความชอบให้แก่หน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความยุติธรรมและสอดคล้องกับผลการปฏิบัติงาน และให้นำผลการพิจารณาบำเหน็จของคณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวเสนอประธาน ป.ป.ส. เพื่อขอความเห็นก่อนแจ้งหน่วยงานระดับกระทรวงต่อไป
1.1.2 ให้หน่วยงานในระดับกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรโควตาบำเหน็จความชอบฯ ดำเนินการจัดตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานพิจารณาบำเหน็จฯ ในระดับกระทรวง เพื่อจัดสรรโควตาบำเหน็จความชอบฯ ให้เป็นไปตามกรอบแนวทางที่คณะอนุกรรมการพิจารณาบำเหน็จฯ กำหนด รวมถึงศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัด (ศตส.จ.) และศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดกรุงเทพมหานคร (ศตส.กทม.) ให้ดำเนินการ ในลักษณะเดียวกันกับหน่วยงานในระดับกระทรวง
1.1.3 ในกรณีของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดที่ไม่มีรายชื่อในระบบกำลังพล ต้องมีมาตรการและแนวทางที่ชัดเจน ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษ ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นและเป็นที่ประจักษ์ เช่น เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามต้องมีผลงานการจับกุมยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องมีผลงานด้านบำบัดรักษาเป็นที่ประจักษ์ หรือเจ้าหน้าที่ที่มีการดำเนินงานในภารกิจด้านต่างๆ ต้องมีผลการปฏิบัติงานชัดเจนเป็นที่ยอมรับ หรือได้รับรางวัลในการปฏิบัติภารกิจด้านยาเสพติด รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง เสียสละจนได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี 2552 (กรณีพิเศษ) ตรวจสอบ
1.1.4 ให้คณะอนุกรรมการกำกับติดตามผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดดำเนินการติดตามตรวจสอบการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษฯ ของหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับการจัดสรรโควตา ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเจ้าหน้าที่ที่มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดได้รับการพิจารณาอย่างแท้จริง
2. การปฏิบัติภารกิจด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นงานสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือและการบูรณาการจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์ 5 รั้วป้องกันที่จะเน้นการรวมพลังของเจ้าหน้าที่จากทุกส่วนเพื่อนำไปสู่การสร้างแนวป้องกันอย่างแท้จริง เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยและทุกส่วนจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะผลักดันให้งานยาเสพติดไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีรายชื่อบุคคล หรือเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในกลุ่มที่ไม่มีภารกิจหลักด้านยาเสพติด เจ้าหน้าที่ดังกล่าวเหล่านี้ มักจะไม่ได้รับการพิจารณาความชอบจากหน่วยงาน ต้นสังกัด เนื่องจากภารกิจด้านยาเสพติดไม่ใช่ภารกิจหลักของหน่วยงานนั้นๆ การพิจารณาจัดสรรบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างแท้จริง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 มิถุนายน 2553--จบ--