คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสถานการณ์ราคาและการผลิตสินค้าเกษตรเดือนมิถุนายน 2553 และแนวโน้มเดือนกรกฎาคม 2553 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปได้ดังนี้
1. ผลผลิตออกสู่ตลาดมากเดือนมิถุนายน ได้แก่ เงาะ และลองกอง ในเดือนกรกฎาคม ผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดมาก ได้แก่ ลำไย โดยคาดว่าจะออกสู่ตลาด คิดเป็นร้อยละ 33.99 ของผลผลิตทั้งหมด
ราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา เดือนมิถุนายน 2553 สินค้าเกษตรที่สำคัญปรับตัวสูงขึ้น จากเดือนที่ผ่านมา ได้แก่ ข้าวนาปรัง มันสำปะหลัง ยางพารา ผลไม้ และไข่ไก่ ในเดือนกรกฎาคม คาดว่าสินค้าส่วนใหญ่ราคาจะปรับตัวในระดับใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสินค้าที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ ลำไย ที่ราคาอาจปรับตัวลดลง เนื่องจากผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น
2. ภาพรวมราคาสินค้าเกษตรของเดือนมิถุนายน 2553 เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมาพบว่า ดัชนีราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นร้อยละ 26.62 โดยสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันลำปะหลัง ยางพารา สุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ ส่วนสินค้าที่ปรับตัวลดลงได้แก่ ข้ามหอมมะลิ ข้าวนาปรัง และปาล์มน้ำมัน เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สูงขึ้นร้อยละ 3.72 โดยสินค้าที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวนาปรัง มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ทุเรียนหมอนทอง มังคุด เงาะโรงเรียน ลองกอง ยางพารา สุกร ไก่เนื้อ ไข่ไก่ และกุ้งขาวแวนนาไม ส่วนสินค้าที่ราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ในเดือนกรกฎาคม คาดว่าดัชนีราคาจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย และภาพรวมด้านการผลิตสินค้าเกษตร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาดัชนีผลผลิตสูงขึ้นเล็กน้อย คิดเป็นร้อยละ 1.18 สินค้าสำคัญที่ผลผลิตสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวนาปรัง มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา สุกร และไก่เนื้อ ส่วนสินค้าที่ผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สับปะรดโรงงาน ทุเรียน และไข่ไก่ เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ดัชนีผลผลิตลดลง ร้อยละ 5.54 สินค้าสำคัญที่ผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวนาปรัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน สับปะรดโรงงาน ทุเรียน สุกร และไก่เนื้อ ในเดือนกรกฎาคมคาดว่าดัชนีผลผลิตจะยังคงลดลงต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา เพราะอยู่ในช่วงฤดูกาลเพาะปลูก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 กรกฎาคม 2553--จบ--