คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ครั้งที่ 21 ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2553 ประกอบด้วย สถานการณ์น้ำ และการดำเนินการตามแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ดังนี้
สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2553
1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ (12 กรกฎาคม 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 33,110 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งหมด (ปริมาณน้ำใช้ การได้ 9,265 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 13 ของความจุอ่างฯ)น้อยกว่าปี 2552 (42,025 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น ร้อยละ 57) จำนวน 8,915 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 12 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 40,445 ล้านลูกบาศก์เมตร
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (12 กรกฎาคม 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 31,567 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด (ปริมาณน้ำใช้การได้ 8,040 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 12 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2552 (39,769 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 57) จำนวน 8,040 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 20 ของความจุอ่างฯ วันนี้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ จำนวน 45.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบาย 64.8 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 38,028 ล้านลูกบาศก์เมตร
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ และป่าสักชลสิทธิ์
หน่วย : ล้าน ลบ.ม.
อ่างเก็บน้ำ ปริมาตรน้ำ ปริมาตรน้ำ ปริมาตรน้ำ ปริมาณน้ำ ปริมาณน้ำ ปริมาณน้ำ
ในอ่างปี52 ในอ่างปี 53 ใช้การได้ ไหลลงอ่าง ระบาย รับได้อีก
ปริมาตรน้ำ % ปริมาตรน้ำ % ปริมาตรน้ำ % วันนี้ เมื่อวาน วันนี้ เมื่อวาน
ภูมิพล 5,925 44 4,064 30 264 2 6.04 4.1 8 5 9,398
สิริกิติ์ 4,669 48 3,211 34 361 4 5.97 8.48 8.11 7.98 6,299
ภูมิพล+สิริกิติ์ 10,594 46 7,275 32 625 3 12.01 12.58 16.11 12.98 15,697
แควน้อยฯ 192 25 140 18 104 14 1.57 2.12 0.43 0.43 629
ป่าสักชลสิทธิ์ 313 33 74 8 71 7 0 0.13 0 0 886
อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ จำนวน 14 อ่าง ได้แก่ แม่งัด(25) แม่กวง(16) กิ่วคอหมา(28) แควน้อย(18) ห้วยหลวง(21) น้ำอูน(26) อุบลรัตน์(26) ลำปาว(27) ลำตะคอง(27) มูลบน(24) ป่าสักฯ(8) ทับเสลา(17) ขุนด่านฯ(11) และคลองสียัด(18)
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ภาคตะวันออก
จังหวัดชลบุรี มีอ่างเก็บน้ำ 7 อ่าง รวมปริมาณน้ำ 74.8 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 42 ของความจุอ่างฯ (น้อยกว่าปี 2552 จำนวน 6.3 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 4) ปริมาณน้ำใช้การได้ 60 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 34 ของความจุอ่างฯ
จังหวัดระยอง มีอ่างเก็บน้ำ 4 แห่ง รวมปริมาณน้ำ 351.4 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 67 ของความจุอ่างฯ (มากกว่าปี 2552 จำนวน 16.0 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 3) ปริมาณน้ำใช้การได้ 323 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 62 ของความจุอ่างฯ
2. สภาพน้ำท่า
ภาคเหนือ แม่น้ำปิง ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ยกเว้นบริเวณสถานี P.1 สะพานนวรัฐ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม่น้ำมูล ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย
ภาคกลาง แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย
ภาคใต้ แม่น้ำท่าตะเภา แม่น้ำตาปี แม่น้ำโก-ลก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย
3. คุณภาพน้ำ
กรมชลประทาน ติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำ แม่กลอง ดังนี้
แม่น้ำ จุดเฝ้าระวัง ข้อมูล ค่า Sal (g/l) เกณฑ์
วันที่ ค่าสูงสุด เวลา
เจ้าพระยา ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี 12 ก.ค. 53 0.28 09.11 น. ปกติ
เจ้าพระยา ปากเกร็ด* จังหวัดนนทบุรี 12 ก.ค. 53 0.26 08.17 น. ปกติ
ปากคลองสำแล * จังหวัดปทุมธานี 12 ก.ค. 53 0.14 10.00 น. ปกติ
ท่าจีน ที่ว่าการอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 12 ก.ค. 53 0.19 08.30 น. ปกติ
แม่กลอง ปากคลองดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี 11 ก.ค. 53 0.1 21.00 น. ปกติ
ค่า Do หมายถึง ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ ไม่ต่ำกว่า 2 มิลลิกรัม/ลิตร
ค่า Sal หมายถึง ค่าความเค็มของน้ำ สำหรับการเกษตรไม่เกิน 2 กรัม/ลิตร
การดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งต่อเนื่อง ตามแผนเตรียมสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร
1. แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเลื่อนการทำนาปีในเขตโครงการชลประทานทุกโครงการที่รับน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จากปกติเดือนพฤษภาคมเป็นประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2553
2. สำนักฝนหลวงและการบินเกษตรได้ปรับแผนปฏิบัติการการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ปัจจุบันมีศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 5 ศูนย์ ประกอบด้วย หน่วยปฏิบัติการ จำนวน 10 หน่วย และฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 5 ฐาน โดยเน้นปฏิบัติการให้พื้นที่ลุ่มรับน้ำต่างๆ ดังนี้
2.1 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคเหนือ มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 4 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จังหวัดเชียงใหม่ ตาก แพร่ และพิษณุโลก
2.2 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคกลาง มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จังหวัดลพบุรี และกาญจนบุรี ฐานเติมสารฯ จำวน 1 ฐาน คือ จังหวัดนครสวรรค์
2.3 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จังหวัดขอนแก่น และนครราชสีมา ฐานเติมสารฯ จำนวน 2 ฐาน คือ จังหวัดบุรีรัมย์ และนครพนม
2.4 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคตะวันออก มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 1 หน่วย คือ หน่วยฯ จังหวัดสระแก้ว ฐานเติมสารฯ จำนวน 1 ฐาน คือ จังหวัดระยอง
2.5 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคใต้ มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 1 หน่วย คือ หน่วยฯ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฐานเติมสารฯ จำนวน 1 ฐาน คือ จังหวัดราชบุรี
ผลการปฏิบัติการฝนหลวงประจำสัปดาห์ ช่วงวันที่ 2-8 กรกฎาคม 2553 ขึ้นปฏิบัติการ จำนวน 304 เที่ยวบิน มีจังหวัดที่มีรายงานฝนตก 46 จังหวัด วัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดได้ 130.0 มิลลิเมตร ที่อำเภอปง จังหวัดพะเยา มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ รวม 336.45 ล้าน ลบ.ม. (จำนวน 21 อ่างฯ)
ผลการปฏิบัติการฝนหลวงสะสม 25 มกราคม — 8 กรกฎาคม 2553 ขึ้นปฏิบัติการรวม 132 วัน จำนวน 3,933 เที่ยวบิน มีรายงานฝนตกในปฏิบัติการ รวม 121 วัน จำนวน 666 สถานี วัดปริมาณน้ำฝนรายวันสูงสุดได้ 250.0 มิลลิเมตร จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 63 จังหวัด จากจำนวนจังหวัดที่อยู่ในเป้าหมายทั้งหมด 70 จังหวัด
3. ความเสียหายด้านการเกษตร
ด้านพืช ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2553
ช่วงภัยวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง ปัจจุบัน พื้นที่การเกษตรประสบภัยทั้งสิ้น 47 จังหวัด ดังนี้
ภาคเหนือ 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน นครสวรรค์ แพร่ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ มุกดาหาร ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด เลย สกลนครอุบลราชธานี อำนาจเจริญ อุดรธานี
ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา
ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี
ภาคตะวันตก 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์
ภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ระนอง นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สุราษฎร์ธานี
สำรวจแล้วปรากฏว่า ไม่เสียหาย 2 จังหวัด เสียหาย 45 จังหวัด เกษตรกร 208,932 ราย พื้นที่การเกษตรทั้งสิ้น 1,482,598 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 97,663 ไร่ พืชไร่ 1,226,279 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 158,656ไร่ คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือ 1,151.3408 ล้านบาท
การดำเนินการ
ช่วยเหลือแล้วด้วยงบจังหวัด วงเงิน 62.3691 ล้านบาท
อยู่ระหว่างให้ความช่วยเหลือ วงเงิน 1,088.9717 ล้านบาท แบ่งเป็น
- อยู่ระหว่างของบกลาง วงเงิน 110.2425 ล้านบาท
- อยู่ระหว่างรอประชุม ก.ช.ภ.จ.และรอเอกสารของบกลางของจังหวัด วงเงิน 978.7292 ล้านบาท
ด้านปศุสัตว์ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2553
พื้นที่ประสบภัย 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร แม่ฮ่องสอน ลำปาง น่าน สุโขทัย อุทัยธานี มุกดาหาร ตราด เพชรบุรี ราชบุรี ชุมพร และตรัง สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ 14,370 ตัว แบ่งเป็น โค 13,041 ตัว กระบือ 366 ตัว แพะ 963 ตัว แปลงหญ้า 573 ไร่ ให้การช่วยเหลือโดยสนับสนุนหญ้าแห้งแล้ว 185.22 ตัน
สำรวจแล้วปรากฏว่า มีสัตว์ตาย 1 จังหวัด คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีโคตาย 31 ตัว เกษตรกร 21 ราย ช่วยเหลือด้วยเงินทดรองราชการของจังหวัดแล้ว จำนวน 230,000 บาท
ด้านประมง ไม่มีรายงานพื้นที่ได้รับผลกระทบ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 กรกฎาคม 2553--จบ--