คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2550) ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ติดตามสถานการณ์สภาวะฝนตกหนักในห้วงระหว่างวันที่ 1-10 สิงหาคม 2550 โดยสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูลถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2550) ดังนี้
1. การดำเนินการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศเมื่อวันที่ 1, 3 สิงหาคม 2550 เพื่อให้จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ได้เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่มอันเกิดจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้ตอนกลางที่อาจมีผลกระทบต่อพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ โดยแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ในระหว่างวันที่ 5 - 9 สิงหาคม 2550 และให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นได้อย่างทันต่อเหตุการณ์
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 1 - 10 สิงหาคม 2550)
2.1 พื้นที่ประสบภัย จำนวน 5 จังหวัด 37 อำเภอ 7 กิ่งอำเภอ 268 ตำบล 2,403 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ หนองคาย สกลนคร และกาฬสินธุ์
2.2 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 2 คน จังหวัดอุบลราชธานี 1 คน (อ.วารินชำราบ) จังหวัดศรีสะเกษ 1 คน (อ.ขุนหาญ) ราษฎรเดือดร้อน 349,501 คน 77,137 ครัวเรือน
2) ด้านทรัพย์สิน สถานที่ราชการ/วัด 4 แห่ง สะพาน 9 แห่ง ฝาย/ทำนบ 10 แห่ง ถนน 608 สาย พื้นที่การเกษตร 140,316 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 366 บ่อ
3) มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 272,757,962 บาท
2.3 สถานการณ์อุทกภัยในปัจจุบัน
1) พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองคาย สกลนคร และจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยจังหวัด/อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในเบื้องต้น พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 (งบ 50 ล้านบาท) แล้ว
2) ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ ดังนี้
1. จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2550 ได้เกิดฝนตกหนักวัดได้ 190 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาพนมดงรักลงสู่ลำห้วยบอนน้ำเอ่อล้นตลิ่งไหลท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตร จำนวน 10 อำเภอ 3 กิ่งอำเภอ 75 ตำบล 727 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอวารินชำราบ จำนวน 2 ตำบล อำเภอบุณฑริก จำนวน 8 ตำบล อำเภอนาจะหลวย จำนวน 6 ตำบล อำเภอพิบูลมังสาหาร จำนวน 6 ตำบล อำเภอสิรินธร จำนวน 1 ตำบล อำเภอทุ่งศรีอุดม จำนวน 5 ตำบล อำเภอสำโรง จำนวน 9 ตำบล อำเภอศรีเมืองใหม่ จำนวน 11 ตำบล อำเภอเดชอุดม จำนวน 9 ตำบล อำเภอน้ำยืน จำนวน 7 ตำบล 1 เทศบาล กิ่งอำเภอสว่างวีระวงค์ จำนวน 4 ตำบล กิ่งอำเภอนาเยีย จำนวน 3 ตำบล และกิ่งอำเภอน้ำขุ่น จำนวน 4 ตำบล ความเสียหายรวม ราษฎรเดือดร้อน 64,285 คน 16,323 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 คน (อ.วารินชำราบ) พื้นที่การเกษตรเสียหาย 53,323 ไร่ ถนน 73 สาย สะพาน 7 แห่ง สถานที่ราชการ 2 แห่ง ฝาย 4 แห่ง มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 177,816,000 บาท
สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มการเกษตรใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเดชอุดม จำนวน 9 ตำบล (ต.โพนงาม ต.ตบหู ต.เมืองเดช ต.ท่าโพธิ์ศรี ต.กุดประทาย ต.คำครั่ง ต.โนนสมบูรณ์ ต.สมสะอาด และ ต.นาส่วง) และกิ่งอำเภอนาเยีย จำนวน 3 ตำบล (ต.นาเยีย ต.นาดี และ ต.นาเรือง) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม. ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือ
1) ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 7 สกลนคร ได้จัดส่งเรือท้องแบน จำนวน 10 ลำ รถยนต์บรรทุก 6 คัน รถเครน 1 คัน รถยูนิม็อก 1 คัน รถแทรคเตอร์ 1 คัน รถเกรด 1 คัน รถบดล้อเรียบ 1 คัน รถบดตีนแกะ 1 คัน และรถยนต์กู้ภัย 2 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ จำนวน 16 คน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
2) องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ตชด.22 สนับสนุนเรือท้องแบน 10 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกับ อปพร. 400 นาย ปฏิบัติงานช่วยเหลือราษฎร
3) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด/อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 10,545 ชุด น้ำดื่ม 1,200 โหล ข้าวกล่อง 500 กล่อง เครื่องนุ่งห่ม จำนวน 130 ชุด เครื่องอุปโภค บริโภค จำนวน 395 ชุด
4) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2550 นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมเหล่ากาชาดจังหวัด อบจ. และหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี ได้นำเครื่องอุปโภค บริโภค จำนาน 395 ชุด มอบแก่ผู้ประสบภัยที่อำเภอสิรินธร และอำเภอบุณฑริก
2) จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2550 ได้เกิดฝนตกหนัก โดยมีปริมาณน้ำฝนสูงสุดที่อำเภอขุนหาญวัดได้ 260.70 มิลลิเมตร มีน้ำป่าไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยตาจูและเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ 51 ตำบล 378 หมู่บ้าน (อำเภอกันทรลักษ์ อำเภอขุนหาญ อำเภอไพรบึง อำเภอภูสิงห์ อำเภอเบญจลักษ์ อำเภอโนนคูณ อำเภอขุขันธ์ อำเภอน้ำเกลี้ยง และอำเภอศรีรัตนะ) ความเสียหายรวม ราษฎรเดือดร้อน 76,035 คน 15,252 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 คน (อ.ขุนหาญ) อพยพราษฎร 400 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 74,993 ไร่ ถนน 93 สาย ทำนบ 2 แห่ง สถานที่ราชการ 2 แห่ง บ่อปลา 110 บ่อ ปศุสัตว์ 4 ตัว มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 31,141,962 บาท
สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มการเกษตรในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอขุนหาญ จำนวน 3 ตำบล (ต.ห้วยจันทร์ ต.กันทรอม และ ต.โนนสูง) อำเภอกันทรลักษ์ จำนวน 7 ตำบล (ต.เวียงเหนือ ต.เสาธงชัย ต.สังเม็ก ต.หนองหญ้าลาด ต.ขนุน ต.กุดเสลา และ ต.น้ำอ้อม) อำเภอขุขันธ์ จำนวน 2 ตำบล (ต.ปรือใหญ่ ต.นิคมพัฒนา) และอำเภอเบญจลักษ์ จำนวน 5 ตำบล (ต.เสียว ต.หนองหว้า ต.หนองงูเหลือม ต.หนองฮาง และ ต.ท่าคล้อ) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม. โดยระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือ
1) ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นพค.53 ได้ออกไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยและสั่งการให้ชุดกู้ภัยพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ เรือท้องแบน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และจัดตั้งศูนย์รับบริจาคที่ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ และที่ว่าการอำเภอขุนหาญ
2) โครงการชลประทานศรีสะเกษได้ส่งเครื่องจักรกลเข้าดำเนินการขุดเปิดทางระบายน้ำเพิ่มเติมเพื่อเร่งการระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
3) ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 นครราชสีมา ได้จัดส่งรถยนต์บรรทุก 2 คัน รถยูนิม็อก 1 คัน รถยนต์กู้ภัย 1 คัน และเรือท้องแบน 5 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ 12 คน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
4) กำลังพลที่ร่วมปฏิบัติงานประกอบด้วย สมาชิก อส. 50 นาย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 จำนวน 30 นาย นพค.53 จำนวน 15 นาย ทีม 1 ตำบล 1 ทีมกู้ภัย (OTOS) จำนวน 60 นาย ตชด.22 จำนวน 20 นาย และ อปพร. จำนวน 300 นาย
5) จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มอบถุงยังชีพ จำนวน 7,500 ชุด ส่งรถบรรทุก 16 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่
3. การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2550
กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดหมายลักษณะอากาศในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2550 ว่าร่องความกดอากาศต่ำจะพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงเกือบตลอดเดือน ลักษณะดังกล่าว ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับภาคอื่นๆปริมาณฝนจะมากกว่าเดือนที่ผ่านมา และอาจมีพายุหมุนเขตร้อน (พายุดีเปรสชั่น พายุโซนร้อน หรือพายุไต้ฝุ่น) ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตกและอาจเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ และมีโอกาสค่อนข้างสูงที่พายุหมุนเขตร้อนบางลูกจะเคลื่อนเข้ามาใกล้หรือเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคเหนือของประเทศไทย
4. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่มจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต และจังหวัดที่อาจจะได้รับผลกระทบ แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ และให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นได้อย่างทันต่อเหตุการณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 สิงหาคม 2550--จบ--
1. การดำเนินการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศเมื่อวันที่ 1, 3 สิงหาคม 2550 เพื่อให้จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ได้เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่มอันเกิดจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้ตอนกลางที่อาจมีผลกระทบต่อพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ โดยแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ในระหว่างวันที่ 5 - 9 สิงหาคม 2550 และให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นได้อย่างทันต่อเหตุการณ์
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 1 - 10 สิงหาคม 2550)
2.1 พื้นที่ประสบภัย จำนวน 5 จังหวัด 37 อำเภอ 7 กิ่งอำเภอ 268 ตำบล 2,403 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ หนองคาย สกลนคร และกาฬสินธุ์
2.2 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 2 คน จังหวัดอุบลราชธานี 1 คน (อ.วารินชำราบ) จังหวัดศรีสะเกษ 1 คน (อ.ขุนหาญ) ราษฎรเดือดร้อน 349,501 คน 77,137 ครัวเรือน
2) ด้านทรัพย์สิน สถานที่ราชการ/วัด 4 แห่ง สะพาน 9 แห่ง ฝาย/ทำนบ 10 แห่ง ถนน 608 สาย พื้นที่การเกษตร 140,316 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 366 บ่อ
3) มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 272,757,962 บาท
2.3 สถานการณ์อุทกภัยในปัจจุบัน
1) พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองคาย สกลนคร และจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยจังหวัด/อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในเบื้องต้น พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 (งบ 50 ล้านบาท) แล้ว
2) ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ ดังนี้
1. จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2550 ได้เกิดฝนตกหนักวัดได้ 190 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาพนมดงรักลงสู่ลำห้วยบอนน้ำเอ่อล้นตลิ่งไหลท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตร จำนวน 10 อำเภอ 3 กิ่งอำเภอ 75 ตำบล 727 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอวารินชำราบ จำนวน 2 ตำบล อำเภอบุณฑริก จำนวน 8 ตำบล อำเภอนาจะหลวย จำนวน 6 ตำบล อำเภอพิบูลมังสาหาร จำนวน 6 ตำบล อำเภอสิรินธร จำนวน 1 ตำบล อำเภอทุ่งศรีอุดม จำนวน 5 ตำบล อำเภอสำโรง จำนวน 9 ตำบล อำเภอศรีเมืองใหม่ จำนวน 11 ตำบล อำเภอเดชอุดม จำนวน 9 ตำบล อำเภอน้ำยืน จำนวน 7 ตำบล 1 เทศบาล กิ่งอำเภอสว่างวีระวงค์ จำนวน 4 ตำบล กิ่งอำเภอนาเยีย จำนวน 3 ตำบล และกิ่งอำเภอน้ำขุ่น จำนวน 4 ตำบล ความเสียหายรวม ราษฎรเดือดร้อน 64,285 คน 16,323 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 คน (อ.วารินชำราบ) พื้นที่การเกษตรเสียหาย 53,323 ไร่ ถนน 73 สาย สะพาน 7 แห่ง สถานที่ราชการ 2 แห่ง ฝาย 4 แห่ง มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 177,816,000 บาท
สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มการเกษตรใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเดชอุดม จำนวน 9 ตำบล (ต.โพนงาม ต.ตบหู ต.เมืองเดช ต.ท่าโพธิ์ศรี ต.กุดประทาย ต.คำครั่ง ต.โนนสมบูรณ์ ต.สมสะอาด และ ต.นาส่วง) และกิ่งอำเภอนาเยีย จำนวน 3 ตำบล (ต.นาเยีย ต.นาดี และ ต.นาเรือง) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม. ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือ
1) ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 7 สกลนคร ได้จัดส่งเรือท้องแบน จำนวน 10 ลำ รถยนต์บรรทุก 6 คัน รถเครน 1 คัน รถยูนิม็อก 1 คัน รถแทรคเตอร์ 1 คัน รถเกรด 1 คัน รถบดล้อเรียบ 1 คัน รถบดตีนแกะ 1 คัน และรถยนต์กู้ภัย 2 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ จำนวน 16 คน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
2) องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ตชด.22 สนับสนุนเรือท้องแบน 10 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกับ อปพร. 400 นาย ปฏิบัติงานช่วยเหลือราษฎร
3) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด/อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 10,545 ชุด น้ำดื่ม 1,200 โหล ข้าวกล่อง 500 กล่อง เครื่องนุ่งห่ม จำนวน 130 ชุด เครื่องอุปโภค บริโภค จำนวน 395 ชุด
4) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2550 นายปราโมทย์ สัจจรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมเหล่ากาชาดจังหวัด อบจ. และหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี ได้นำเครื่องอุปโภค บริโภค จำนาน 395 ชุด มอบแก่ผู้ประสบภัยที่อำเภอสิรินธร และอำเภอบุณฑริก
2) จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2550 ได้เกิดฝนตกหนัก โดยมีปริมาณน้ำฝนสูงสุดที่อำเภอขุนหาญวัดได้ 260.70 มิลลิเมตร มีน้ำป่าไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำห้วยตาจูและเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ 51 ตำบล 378 หมู่บ้าน (อำเภอกันทรลักษ์ อำเภอขุนหาญ อำเภอไพรบึง อำเภอภูสิงห์ อำเภอเบญจลักษ์ อำเภอโนนคูณ อำเภอขุขันธ์ อำเภอน้ำเกลี้ยง และอำเภอศรีรัตนะ) ความเสียหายรวม ราษฎรเดือดร้อน 76,035 คน 15,252 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 คน (อ.ขุนหาญ) อพยพราษฎร 400 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 74,993 ไร่ ถนน 93 สาย ทำนบ 2 แห่ง สถานที่ราชการ 2 แห่ง บ่อปลา 110 บ่อ ปศุสัตว์ 4 ตัว มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 31,141,962 บาท
สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มการเกษตรในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอขุนหาญ จำนวน 3 ตำบล (ต.ห้วยจันทร์ ต.กันทรอม และ ต.โนนสูง) อำเภอกันทรลักษ์ จำนวน 7 ตำบล (ต.เวียงเหนือ ต.เสาธงชัย ต.สังเม็ก ต.หนองหญ้าลาด ต.ขนุน ต.กุดเสลา และ ต.น้ำอ้อม) อำเภอขุขันธ์ จำนวน 2 ตำบล (ต.ปรือใหญ่ ต.นิคมพัฒนา) และอำเภอเบญจลักษ์ จำนวน 5 ตำบล (ต.เสียว ต.หนองหว้า ต.หนองงูเหลือม ต.หนองฮาง และ ต.ท่าคล้อ) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม. โดยระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
การให้ความช่วยเหลือ
1) ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นพค.53 ได้ออกไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยและสั่งการให้ชุดกู้ภัยพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ เรือท้องแบน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และจัดตั้งศูนย์รับบริจาคที่ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ และที่ว่าการอำเภอขุนหาญ
2) โครงการชลประทานศรีสะเกษได้ส่งเครื่องจักรกลเข้าดำเนินการขุดเปิดทางระบายน้ำเพิ่มเติมเพื่อเร่งการระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
3) ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 นครราชสีมา ได้จัดส่งรถยนต์บรรทุก 2 คัน รถยูนิม็อก 1 คัน รถยนต์กู้ภัย 1 คัน และเรือท้องแบน 5 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ 12 คน ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
4) กำลังพลที่ร่วมปฏิบัติงานประกอบด้วย สมาชิก อส. 50 นาย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 จำนวน 30 นาย นพค.53 จำนวน 15 นาย ทีม 1 ตำบล 1 ทีมกู้ภัย (OTOS) จำนวน 60 นาย ตชด.22 จำนวน 20 นาย และ อปพร. จำนวน 300 นาย
5) จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มอบถุงยังชีพ จำนวน 7,500 ชุด ส่งรถบรรทุก 16 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่
3. การคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2550
กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดหมายลักษณะอากาศในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2550 ว่าร่องความกดอากาศต่ำจะพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงเกือบตลอดเดือน ลักษณะดังกล่าว ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับภาคอื่นๆปริมาณฝนจะมากกว่าเดือนที่ผ่านมา และอาจมีพายุหมุนเขตร้อน (พายุดีเปรสชั่น พายุโซนร้อน หรือพายุไต้ฝุ่น) ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตกและอาจเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ และมีโอกาสค่อนข้างสูงที่พายุหมุนเขตร้อนบางลูกจะเคลื่อนเข้ามาใกล้หรือเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคเหนือของประเทศไทย
4. สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินถล่มจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต และจังหวัดที่อาจจะได้รับผลกระทบ แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ และให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นได้อย่างทันต่อเหตุการณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 สิงหาคม 2550--จบ--