คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ อนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอทั้ง 5 ข้อ ดังนี้
1. เห็นชอบแนวทางการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ในการดำเนินการจัดหาพัสดุของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามนัยข้อ 1
2. อนุมัติการขอขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาและระยะเวลาการดำเนินโครงการของสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 3,084.20 ล้านบาท โดยหน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญา ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 ตามนัยข้อ 2
3. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยให้หน่วยงานจะต้องส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน ซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ ตามนัยข้อ 3
4. รับทราบการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่เป็นลักษณะการแก้ไขข้อมูลคลาดเคลื่อน เช่น พิมพ์ผิดตกหล่น ปรับปรุงชื่อพื้นที่ให้ถูกตามเขตปกครอง ที่สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติและรายงานคณะกรรมการฯ ทราบแล้ว
5. รับทราบการอนุมัติปรับปรุงแผนการดำเนินงานของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามนัยข้อ 4
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการคลังรายงานว่า คณะกรรมการฯ ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานและเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ดังนี้
1. แนวทางการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ในการดำเนินการจัดหาพัสดุของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
1.1 ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
1.1.1 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552
หมวด 4 ข้อ 18 “การจัดหาพัสดุในการดำเนินโครงการตามข้อ 17 (2) ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 หรือระเบียบหรือข้อบังคับของหน่วยงานเจ้าของโครงการ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถเริ่มดำเนินกระบวนการจัดหาพัสดุได้ทันทีหลังจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการตามข้อ 15 แล้ว แต่จะลงนามในสัญญาได้เมื่อได้รับการจัดสรรเงินกู้แล้ว”
หมวด 7 ข้อ 26 “ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการจัดหาพัสดุตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 หรือระเบียบ หรือข้อบังคับของหน่วยงานเจ้าของโครงการ หรือตามวิธีการที่คณะรัฐมนตรีกำหนดไว้เป็นการเฉพาะสำหรับการจัดหาพัสดุโครงการในพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้”
1.1.2 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อ 12 ให้ กวพ. (คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ) มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(1) ตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบ
(2) พิจารณาการอนุมัติยกเว้น หรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ
(3) พิจารณาคำร้องเรียนเกี่ยวกับการที่ส่วนราชการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ
(4) เสนอแนะการแก้ไขปรับปรุงระเบียบต่อคณะรัฐมนตรี
(5) กำหนดแบบหรือตัวอย่าง รวมทั้งการแก้ไขเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง และกำหนดแนวทาง วิธีปฏิบัติ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบนี้
(6) เสนอความเห็นต่อผู้รักษาการตามระเบียบ ในการพิจารณาและแจ้งเวียนชื่อผู้ทิ้งงาน และการสั่งเปลี่ยนแปลงเพิกถอนผู้ทิ้งงานของส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ
(7) กำหนดอัตราร้อยละของราคาตามข้อ 16 (6) (7) (8) และ (11)
(8) กำหนดประเภทหรือชนิดของพัสดุที่จำเป็นต้องซื้อจากต่างประเทศ ตามข้อ 68
(9) เชิญข้าราชการและลูกจ้างของส่วนราชการหรือพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามหรือให้ข้อเท็จจริงรวมทั้งเรียกเอกสารจากส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจในส่วนที่เกี่ยวข้อง
(10) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อทำหน้าที่ตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
(11) พิจารณาดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
(12) พิจารณารายงานการจ้างตามข้อ 83 วรรคสอง
(13) กำหนดอัตราค่าจ้างที่ปรึกษาตามข้อ 92
(14) กำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดค่าปรับตามข้อ 134
(15) กำหนดหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีปฏิบัติเพื่อให้มีการปฏิบัติตามระเบียบนี้
1.1.3 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549
ข้อ 7 อำนาจหน้าที่คณะกรรมการ กวพ.อ. (คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุทางอิเล็กทรอนิกส์) มีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(1) ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
(2) พิจารณาอนุมัติยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้
(3) พิจารณาอุทธรณ์และคำร้องเรียนเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้และความไม่เป็นธรรมอื่นๆ
(4) พิจารณาอนุมัติการดำเนินการจัดหาพัสดุด้วยวิธีการอื่น
(5) กำหนดหลักเกณฑ์และรายละเอียดการปฏิบัติในกระบวนการเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
(6) เสนอแนะการแก้ไขปรับปรุงระเบียบนี้ต่อคณะรัฐมนตรี
(7) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการต่างๆ ตามระเบียบนี้ หรือตามที่ กวพ.อ. มอบหมาย แล้วเสนอให้ กวพ.อ. พิจารณา เว้นแต่ กวพ.อ. จะมีมติมอบหมายให้ดำเนินการแทน กวพ.อ. ไปได้
1.2 การดำเนินการจัดหาพัสดุของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552
กรมบัญชีกลางได้รายงานคณะกรรมการฯ ว่า ขณะนี้ได้มีหน่วยงานหารือเกี่ยวกับปัญหาในการดำเนินการจัดหาพัสดุของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 ต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) และคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) แต่เนื่องจากการตีความอำนาจหน้าที่ของ กวพ. และ กวพ.อ. ในการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ยังมีความไม่ชัดเจน ทำให้ กวพ. และ กวพ.อ. ไม่สามารถพิจารณาเกี่ยวกับปัญหาในการดำเนินการจัดหาพัสดุของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ได้
คณะกรรมการฯ ขอเรียนว่า เพื่อให้เกิดความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติในกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการจัดหาพัสดุของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ข้อ 18 และ 26 จึงเห็นควรให้ กวพ. มีอำนาจตามนัยข้อ 12 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ กวพ.อ. มีอำนาจตามนัยข้อ 7 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 ในการจัดหาพัสดุของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้เป็นแนวทางปฏิบัติการจัดหาพัสดุตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552
2. กระทรวงศึกษาธิการขอขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาและระยะเวลาการดำเนินโครงการ
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 เห็นชอบตามนายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของแต่ละส่วนราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง จึงเห็นควรให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการที่ยังมีข้อขัดข้องในการดำเนินการใดๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เช่น จำเป็นต้องพิจารณาทบทวนรายละเอียดโครงการ ไม่สามารถส่งคำขอรับการจัดสรรงบประมาณให้สำนักงบประมาณ หรือไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ตามกำหนดเวลา เร่งส่งเรื่องให้คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พิจารณาโดยด่วนก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ส่งเรื่อง การขออนุมัติขยายเวลาการดำเนินงานโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้คณะกรรมการฯ พิจารณาดำเนินการ
คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาเหตุผลความจำเป็นในการขออนุมัติขยายเวลาการดำเนินงานโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของกระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า
1) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ : สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โครงการปัจจัยสนับสนุนการศึกษา (โครงการยกระดับคุณภาพการศึกษาตามอัธยาศัย) รายการพัฒนาสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษาได้รับอนุมัติเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 357,680,000 บาท ขอขยายเวลาการลงนามในสัญญา ถึงสิ้นเดือนกันยายน 2553 โดยอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยเหตุสภาพเศรษฐกิจของประเทศส่งผลให้ราคาสินค้ามีการปรับตัวตลอดเวลา ประกอบกับรายการพัฒนาสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษาเป็นครุภัณฑ์พิเศษ ทำให้บริษัทไม่สามารถยื่นซองประกวดราคาได้ เนื่องจากวงเงินที่สำนักงบประมาณจัดสรร 318,845,900 บาท ไม่เพียงพอ ซึ่งสำนักงบประมาณได้พิจารณาอนุมัติจัดสรรวงเงินกู้เพิ่มเติมอีก 38,834,100 บาท รวมเป็นวงเงิน 357,680,000 บาท ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวงเงินกู้ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติและรายงานผลการพิจารณาให้คณะกรรมการฯ ทราบแล้ว ดังนั้น คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า โครงการดังกล่าว เข้ากรณีที่ 3 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 ซึ่งหน่วยงานที่ขอจัดสรรเงินสำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่เป็นโครงการปีเดียวแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติมของสำนักงบประมาณ เมื่อได้รับการจัดสรรวงเงินกู้เพิ่มเติมแล้วให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการมีระยะเวลาการลงนามในสัญญาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ดังนั้นหน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ หลังจากสำนักงบประมาณดำเนินการอนุมัติจัดสรรวงเงินกู้เพิ่มเติม และการเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับจากวันที่ได้รับจัดสรร
2) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานขอขยายเวลาลงนามสัญญาเป็นภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 และการดำเนินโครงการเป็นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 จำนวน 9 โครงการ วงเงิน 10,593.40 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานรายงานว่า จากการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการพบว่า มีโครงการที่ไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ จำนวน 9 โครงการ ในวงเงิน 3,084.20 ล้านบาท โดยสรุปสาระสำคัญของเหตุผลความจำเป็นในการขอขยายเวลาลงนามสัญญาได้ ดังนี้
ลำดับ โครงการ วงเงินที่เสนอ วงเงินที่เสนอ เหตุผลในการขอขยายระยะเวลา ขอขยาย ขอขยาย ระยะเวลา ระยะเวลา (เดิม) (ใหม่) 1 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ 132.29 4.16 - อยู่ระหว่างการประมวลผลเพื่อทำการวิเคราะห์ สถานศึกษา ข้อมูล และบางพื้นที่การศึกษายังส่งข้อมูลไม่ครบ - อยู่ระหว่างการประเมินผลโดยสถานศึกษาที่ไม่ผ่าน การรับรองมาตรฐานจะเข้ารับการประเมินซ้ำ ทั้งหมด 198 แห่ง 2 โครงการลงทุนด้าน 626.30 128.05 - อยู่ระหว่างสรรหาผู้รับจ้างใหม่ เนื่องจากมีผู้รับจ้าง การศึกษาและการเรียนรู้ เดิมจำนวนหนึ่งลาออก เนื่องจากได้งานใหม่ที่ วิทยาศาสตร์และ มั่นคงกว่า คณิตศาสตร์ - การดำเนินโครงการต้องจัดเฉพาะช่วงปิดเทอมที่ นักเรียนหยุดเรียนตรงกันทุกโรงเรียน (เดือนตุลาคม 2553 ปิดเทอมภาคเรียนที่ 1) 3 โครงการพัฒนาคุณภาพ 3,776.57 2,011.37 - อยู่ระหว่างดำเนินการหาผู้รับจ้าง เนื่องจากตั้งอยู่ โรงเรียนสู่มาตรฐาน ในพื้นที่ห่างไกลเดินทางยากลำบาก เพราะค่าขนส่ง วัสดุแพง และอยู่ระหว่างการต่อรองกับผู้รับจ้าง เช่น โรงเรียนใน สพฐ. 85 เขต - กิจกรรมหลักภายใต้โครงการได้รับอนุมัติจัดสรร เงินจากสำนักงบประมาณเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2553 - โรงเรียนเป้าหมายแต่ละแห่งได้รับการจัดสรรเงิน 2 ล้านบาท จึงต้องดำเนินการด้วยวิธี E-Auction ซึ่ง ต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เป็นอย่างน้อย 4 โครงการพัฒนาคุณธรรม 23.38 32.09 - อยู่ระหว่างขออนุมัติการจ้างที่ จังหวัดเชียงใหม่ และสร้างจิตสำนึกความ - อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจข้อมูลและจัดส่งข้อมูล เป็นไทยเพื่อพัฒนา บุคลากรด้านสังคม เด็กไทยอย่างยั่งยืน - อยู่ระหว่างหาผู้รับจ้าง และปรับปรุงเนื้อหาหนังสือ เกี่ยวกับส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ 5 โครงการพัฒนาประเทศ 68.44 31.55 - อยู่ระหว่างการคัดเลือกสื่อ และขออนุมัติการจ้าง ไทยเป็นศูนย์กลางศึกษา - อยู่ระหว่างการปรับปรุงเครื่องมือนิเทศ ติดตาม ในภูมิภาค (Education และกำหนดปฏิทินติดตามในช่วงเวลาที่โรงเรียนจัด Hub) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน - การดำเนินโครงการต้องจัดช่วงปิดภาคเรียนที่ 1 และต้องประสานกับหน่วยงานในกลุ่มประเทศ อาเซียน โดยจะจัดช่วงเดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2553 6 โครงการยกระดับคุณภาพ 2,686.69 32.80 - อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับ TOR เพิ่มเติมและ ครูทั้งระบบ พิจารณาแนวทางในการประเมินและติดตามให้ สอดคล้องกับการพัฒนาครูและผู้บริหารสถานศึกษา - อยู่ระหว่างการหาผู้รับจ้างเพื่อต่อรองราคาและ เงื่อนไขการจ้าง 7 โครงการปัจจัยสนับสนุน 1,186.98 557.22 - อยู่ระหว่างเสนอเรื่องไปยังสำนักงบประมาณ ดังนี้ ด้านการศึกษา (โครงการ 1) กรณีขอปรับลดรายการก่อสร้าง 10 โรงเรียน จัดหาระบบคอมพิวเตอร์ และ 2) กรณีขอเงิน SP2 เพิ่มเติม 30 โรงเรียน และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต - ไม่สามารถหาผู้จ้างได้ตามวงเงินงบประมาณที่ ความเร็วสูงเพื่อ ขอรับการจัดสรรเงินเพิ่ม ขอเพิ่มวงเงิน หรือปรับลด การศึกษา) รายกา 8 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ 1,932.67 126.88 - อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากเป็นงบลงทุน ของส่วนราชการ (รายการค่าก่อสร้าง) โดยเฉพาะรายการที่มีวงเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไปจะต้องดำเนินการด้วยวิธี E- Auction ซึ่งต้องใช้เวลา - ค่าก่อสร้างบางรายการได้รับวงเงินต่อหลังต่ำกว่า ราคากลางตามแบบ และอยู่ระหว่างการขอรับการ จัดสรรเงินเพิ่ม หรือปรับลดรายการ 9 โครงการพัฒนาการศึกษา 160.08 160.08 - อยู่ระหว่างขออนุมัติเปลี่ยนแปลงพื้นที่ก่อสร้างศูนย์ เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ครูใต้ยะลา โดยมีความจำเป็นต้องจัดซื้อที่ดิน จังหวัดชายแดนภาคใต้ - อยู่ระหว่างรอผลอนุมัติการก่อสร้างจากประธาน กรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ รวม 10,593.40 3,084.20
คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า การขอขยายเวลาลงนามสัญญาเป็นภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ระหว่างการเร่งรัดดำเนินโครงการ และหน่วยงานแจ้งว่าสามารถดำเนินโครงการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ซึ่งเข้ากรณีที่ 2 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2553 โดยที่หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่เป็นโครงการ ปีเดียว แต่ไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 ให้หน่วยงานเร่งรัดการลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 และให้เร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินโดยเร็วตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา หากหน่วยงานไม่สามารถดำเนินการได้ในระยะเวลาดังกล่าวให้รายงานปัญหาอุปสรรคผ่านรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พิจารณาขยายระยะเวลาดำเนินงานต่อไป โดยคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานขยายระยะเวลาลงนามในสัญญาสำหรับ 9 โครงการในวงเงิน 3,084.20 ล้านบาท เป็นภายในวันที่ 30 กันยายน 2553
3. การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
3.1 ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552
- หมวด 4 ข้อ 19 “...หากหน่วยงานเจ้าของโครงการประสงค์จะโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคำขอดังกล่าวพร้อมเหตุผลความจำเป็นต่อสำนักงบประมาณเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณา และเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีการโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการข้ามกระทรวงหรือข้ามหน่วยงานเจ้าของโครงการจะกระทำมิได้”
3.2 การขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 และวันที่ 20 ตุลาคม 2552 อนุมัติการจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 349,960.4382 ล้านบาท คณะกรรมการฯ รายงานว่า มีหน่วยงานดำเนินโครงการแจ้งขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย 2 สรุปสาระสำคัญของคำขอได้ ดังนี้
1) จังหวัดและกลุ่มจังหวัด : จังหวัดแพร่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดกระบี่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนนทบุรี กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดยะลา
- ขอแก้ไขรายการซ้ำซ้อนกับรายการที่หน่วยงานอื่นได้รับจัดสรรแล้ว โดยจังหวัดและกลุ่มจังหวัดซึ่งมีรายการซ้ำซ้อนได้เสนอโครงการที่อยู่ในลำดับที่ 2 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดปี 2553 ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้แล้วมาดำเนินการแทน
- ขอแก้ไขรายการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ โดยจังหวัดและกลุ่มจังหวัดซึ่งมีรายการที่ไม่สามารถดำเนินการได้เสนอโครงการที่อยู่ในลำดับที่ 2 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดปี 2553 ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้แล้วมาดำเนินการแทน
- ขอปรับปรุงรายละเอียดของรายการให้ตรงตามข้อเท็จจริง
- ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดวงเงินในแต่ละหมวดรายจ่ายให้ตรงตามข้อเท็จจริงในการดำเนินการ
- ขอแก้ไขข้อมูลพื้นที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
- ขอเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานให้สอดคล้องกับลักษณะการดำเนินงานในพื้นที่จริง
- ขอแก้ไขชื่อโครงการให้สอดคล้องกับกิจกรรมการดำเนินงาน
- ขอแก้ไขรายการซ้ำซ้อนกับรายการที่หน่วยงานอื่นได้รับจัดสรรแล้ว
- ขอเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการให้สอดคล้องกับพื้นที่การดำเนินงาน
- ขอเปลี่ยนแปลงวงเงินสมทบโครงการที่คณะรัฐมนตรีมีมติไว้แล้ว
คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการจังหวัดและกลุ่มจังหวัดข้างต้นเป็นการแก้ไขข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องตามความเป็นจริงให้สอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการใช้งาน เพื่อความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพต่อการดำเนินงาน โดยไม่ทำให้วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ลดลงในสาระสำคัญ โดยโครงการจังหวัดและกลุ่มจังหวัดซึ่งมีรายการซ้ำซ้อนหรือขอยกเลิกโครงการ คณะกรรมการฯ เห็นชอบให้นำโครงการลำดับที่ 2 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและของกลุ่มจังหวัดปี 2553 รวมทั้งการแก้ไขข้อมูลและรายละเอียดให้ถูกต้อง โดยคณะกรรมการนโยบายการ บริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้แก้ไขตามที่ขออนุมัติได้
2) กระทรวงมหาดไทย : กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
- ขอเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการตามความจำเป็นในพื้นที่
- ขอเปลี่ยนแปลงรายการดำเนินงานและพื้นที่เป้าหมายให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาความจำเป็น และความต้องการของพื้นที่
3) กระทรวงสาธารณสุข : สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
- ขอเพิ่มเติมกิจกรรมให้ครอบคลุมการดำเนินงานตามภารกิจที่เกี่ยวข้อง
4) กระการท่องเที่ยวและกีฬา : สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว
- ขอเปลี่ยนแปลงจำนวนปริมาณเป้าหมาย
- ขอเปลี่ยนแปลงชื่อโครงการเพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
5) กระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร : สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟแวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
- ขอแก้ไขข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
6) กระทรวงศึกษาธิการ : มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์
- ขอปรับแผนการจัดหาครุภัณฑ์จากปีงบประมาณ 2554-2555 เป็นปีงบประมาณ 2553
คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการข้างต้นเป็นการแก้ไขข้อมูลที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องตามความเป็นจริง หรือปรับกิจกรรมงบประมาณแผนการดำเนินงานโครงการให้สอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการใช้งาน เพื่อความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพต่อการดำเนินงาน โดยไม่ทำให้วัตถุประสงค์และ เป้าหมายของโครงการตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ลดลงในสาระสำคัญ จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้แก้ไขตามที่ขออนุมัติได้
อนึ่ง คณะกรรมการฯ ได้นำเสนอโครงการที่สำนักงบประมาณได้อนุมัติแก้ไขการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่เป็นลักษณะการแก้ไขข้อมูลคลาดเคลื่อน เช่น พิมพ์ผิดตกหล่น ปรับปรุงชื่อพื้นที่ให้ถูกตามเขตปกครอง ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติและรายงานคณะกรรมการฯ และคณะรัฐมนตรีทราบ
4. การขออนุมัติปรับปรุงแผนการดำเนินงานของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553 เห็นชอบในหลักการให้สำนักงบประมาณพิจารณาการอนุมัติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการเบิกจ่ายเงินอันเป็นผลจากการพิจารณาความเหมาะสมของงวดงานภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และรายงานต่อคณะกรรมการฯ และคณะรัฐมนตรี ทราบต่อไป
คณะกรรมการฯ รายงานว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี โครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ.2553 วงเงิน 436.1 ล้านบาท ขอขยายระยะเวลาในการปฏิบัติงานภาคสนาม จาก 1-31 กรกฎาคม 2553 เป็น 1 กันยายน - 31 ตุลาคม 2553 สำนักงบประมาณพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติและขับเคลื่อนโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี จึงเห็นสมควรอนุมัติและรายงานคณะกรรมการฯ และคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 กรกฎาคม 2553--จบ--