คณะรัฐมนตรีรับทราบการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
ด้วยในขณะนี้ สถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดโรค อาทิเช่น การเคลื่อนย้ายเข้าออกของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ทำให้การควบคุมโรคไม่สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดการระบาดในพื้นที่ของประเทศกัมพูชา เป็นต้น กรมควบคุมโรค โดยสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง ได้มีการดำเนินงานเพื่อเร่งรัดการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ดังนี้คือ
1. ด้านการป้องกันและควบคุมโรค จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันควบคุมโรคบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน คณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ เช่น หน่วยงานจากสาธารณสุข มหาดไทย ทหาร อปท. เป็นต้น มีการจัดตั้งทีม SRRT ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับท้องถิ่น ทั้งนี้เมื่อเกิดการระบาดทีมดังกล่าวจะข้ามเข้าไปดำเนินการในฝั่งประเทศกัมพูชา โดยพ่นเคมี เพื่อควบคุมโรค และกำจัดลูกน้ำยุงลายในพื้นที่ มีการระบาดในประเทศกัมพูชาทันที
2. ด้านการรักษาผู้ป่วย เนื่องจากประเทศไทยมีจุดเข้าออกระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา หลายจุดและเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อโรคไข้เลือดออก และโรคมาลาเรีย เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองบริเวณชายแดนจะทำหน้าที่การตรวจคนเข้าออกประเทศของประชาชน 2 ฝั่ง ประเด็นปัญหาที่สำคัญ คือ ร้อยละ 10 เป็นผู้ป่วยที่แสดงอาการให้เห็น เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะสามารถส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงให้การรักษาทันที หากแต่ร้อยละ 90 เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีการแสดงอาการ ซึ่งมองดูแล้วจะมีลักษณะเหมือนคนปกติ ไม่เหมือนผู้ป่วยโรคอื่น ๆ เช่น โรคไข้หวัดที่มีอาการให้เห็นชัดเจน ในประเด็นปัญหานี้จึงควรสร้างความเข้มแข็งให้แก่เจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ต่อไป
3. ด้านการประสานงานระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค มีบทบาทหน้าที่ควบคุม กำกับ และติดตามการดำเนินงานป้องกันโรคในระดับประเทศ ทั้งนี้ได้มีแผนงานความร่วมมือกับสถาบัน Kenan ในกิจกรรมเพื่อป้องกันควบคุมโรคบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างช่วงเตรียมการ คือ
3.1 จัดประชุมเพื่อวางแผนแนวทางการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกและโรคมาลาเรีย และจัดทำรายงาน แบบฟอร์มรายงาน วิธีการควบคุมโรค ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
3.2 จัดทำ SOP ของการควบคุมโรค เพื่อสร้างความเข้มแข็งระหว่างประเทศร่วมกัน
ในการนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีศักยภาพในการสนับสนุนให้ความช่วยเหลือการดำเนินงานให้กับประเทศกัมพูชา ดังนี้
1. การสนับสนุนวัสดุเคมีและสารพิษกำจัดลูกน้ำยุงลาย เนื่องจากผลการดำเนินงานของประเทศไทยที่ผ่านมาได้ใช้กลยุทธ์กำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน เป็นลักษณะเครือข่ายเฝ้าระวังโรคร่วมกัน
1.1 สนับสนุนทรายอะเบท ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม
1.2 BTI (Bacillus thuringiensis var. israelensis ) เป็นสารพิษของจุลชีพ (Microbial insecticide) ผลิตโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
2. การสนับสนุนช่วยเหลือด้านวิชาการ
2.1 กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค สามารถอบรมการใช้เครื่องพ่น การใช้สารเคมี วิธีการซ่อมบำรุง เทคนิคการสำรวจลูกน้ำยุงลาย การประเมินค่าดัชนีลูกน้ำยุงลาย มาตรฐานการป้องกันและควบคุมโรค และเทคนิคด้านวิชาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
2.2 สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขสามารถให้การอบรมการดูแลผู้ป่วย (Case Management) และศูนย์ความช่วยเหลือด้านการรักษาผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก โดยองค์การอนามัยโลก ให้การสอนหรืออบรมแพทย์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 กรกฎาคม 2550--จบ--
ด้วยในขณะนี้ สถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดโรค อาทิเช่น การเคลื่อนย้ายเข้าออกของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ทำให้การควบคุมโรคไม่สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดการระบาดในพื้นที่ของประเทศกัมพูชา เป็นต้น กรมควบคุมโรค โดยสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง ได้มีการดำเนินงานเพื่อเร่งรัดการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ดังนี้คือ
1. ด้านการป้องกันและควบคุมโรค จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันควบคุมโรคบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน คณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ เช่น หน่วยงานจากสาธารณสุข มหาดไทย ทหาร อปท. เป็นต้น มีการจัดตั้งทีม SRRT ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับท้องถิ่น ทั้งนี้เมื่อเกิดการระบาดทีมดังกล่าวจะข้ามเข้าไปดำเนินการในฝั่งประเทศกัมพูชา โดยพ่นเคมี เพื่อควบคุมโรค และกำจัดลูกน้ำยุงลายในพื้นที่ มีการระบาดในประเทศกัมพูชาทันที
2. ด้านการรักษาผู้ป่วย เนื่องจากประเทศไทยมีจุดเข้าออกระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา หลายจุดและเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อโรคไข้เลือดออก และโรคมาลาเรีย เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองบริเวณชายแดนจะทำหน้าที่การตรวจคนเข้าออกประเทศของประชาชน 2 ฝั่ง ประเด็นปัญหาที่สำคัญ คือ ร้อยละ 10 เป็นผู้ป่วยที่แสดงอาการให้เห็น เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจะสามารถส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงให้การรักษาทันที หากแต่ร้อยละ 90 เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีการแสดงอาการ ซึ่งมองดูแล้วจะมีลักษณะเหมือนคนปกติ ไม่เหมือนผู้ป่วยโรคอื่น ๆ เช่น โรคไข้หวัดที่มีอาการให้เห็นชัดเจน ในประเด็นปัญหานี้จึงควรสร้างความเข้มแข็งให้แก่เจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ต่อไป
3. ด้านการประสานงานระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค มีบทบาทหน้าที่ควบคุม กำกับ และติดตามการดำเนินงานป้องกันโรคในระดับประเทศ ทั้งนี้ได้มีแผนงานความร่วมมือกับสถาบัน Kenan ในกิจกรรมเพื่อป้องกันควบคุมโรคบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างช่วงเตรียมการ คือ
3.1 จัดประชุมเพื่อวางแผนแนวทางการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกและโรคมาลาเรีย และจัดทำรายงาน แบบฟอร์มรายงาน วิธีการควบคุมโรค ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
3.2 จัดทำ SOP ของการควบคุมโรค เพื่อสร้างความเข้มแข็งระหว่างประเทศร่วมกัน
ในการนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีศักยภาพในการสนับสนุนให้ความช่วยเหลือการดำเนินงานให้กับประเทศกัมพูชา ดังนี้
1. การสนับสนุนวัสดุเคมีและสารพิษกำจัดลูกน้ำยุงลาย เนื่องจากผลการดำเนินงานของประเทศไทยที่ผ่านมาได้ใช้กลยุทธ์กำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน เป็นลักษณะเครือข่ายเฝ้าระวังโรคร่วมกัน
1.1 สนับสนุนทรายอะเบท ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม
1.2 BTI (Bacillus thuringiensis var. israelensis ) เป็นสารพิษของจุลชีพ (Microbial insecticide) ผลิตโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
2. การสนับสนุนช่วยเหลือด้านวิชาการ
2.1 กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค สามารถอบรมการใช้เครื่องพ่น การใช้สารเคมี วิธีการซ่อมบำรุง เทคนิคการสำรวจลูกน้ำยุงลาย การประเมินค่าดัชนีลูกน้ำยุงลาย มาตรฐานการป้องกันและควบคุมโรค และเทคนิคด้านวิชาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
2.2 สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขสามารถให้การอบรมการดูแลผู้ป่วย (Case Management) และศูนย์ความช่วยเหลือด้านการรักษาผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก โดยองค์การอนามัยโลก ให้การสอนหรืออบรมแพทย์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 กรกฎาคม 2550--จบ--