คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2550) ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินถล่ม โดยประสานการปฏิบัติงานกับจังหวัดที่ประสบภัยและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2550 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน สรุปการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและดินถล่ม และสถานการณ์อุทกภัยและผลการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชน (ข้อมูลถึงวันที่ 28 พฤษภาคม 2550) ดังนี้
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 1 - 28 พฤษภาคม 2550)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 12 จังหวัด 38 อำเภอ 7 กิ่งฯ 172 ตำบล 876 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดลำปาง พิจิตร อุตรดิตถ์ แพร่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี สุพรรณบุรี นครปฐม และชลบุรี
1.2 ความเสียหาย
1) ราษฎรเดือดร้อน 70,025 คน 19,076 ครัวเรือน
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนทั้งหลัง 2 หลัง บางส่วน 57 หลัง ถนน 153 สาย สะพาน 50 แห่ง ทำนบ 6 แห่ง ฝาย 68 แห่ง เหมือง 2 แห่ง วัด 2 แห่ง โรงเรียน 8 แห่ง สถานที่ราชการ 19 แห่ง บ่อน้ำ 6 แห่ง ท่อระบายน้ำ 53 แห่ง บ่อปลา/กุ้ง 113 บ่อ พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 73,682 ไร่ สัตว์ปีก 1,548 ตัว
1.3 มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 60,483,220 บาท
1.4 สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2550)
1.4.1 สถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก ชลบุรี อุทัยธานี นครปฐม และแม่ฮ่องสอน
1.4.2 ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร และสุพรรณบุรี
1) จังหวัดพิจิตร ยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มพื้นที่การเกษตร 9 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพิจิตร สามง่าม โพธิ์ประทับช้าง โพทะเล วชิรบารมี ตะพานหิน ทับคล้อ กิ่งอำเภอสากเหล็ก กิ่งอำเภอดงเจริญ และกิ่งอำเภอบึงนาราง จำนวน 20,900 ไร่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม. ระดับน้ำลดลง
โครงการชลประทานพิจิตรได้ลดระดับฝายยางให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมลดลง เพื่อรองรับการระบายน้ำจากพื้นที่น้ำท่วมขังและได้ส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมจำนวน 21 เครื่องในเขต ตำบลรังนก และตำบลกำแพงดิน อำเภอสามง่าม
2) จังหวัดสุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรในทุ่งบางปลาม้าและทุ่งสองพี่น้อง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง จำนวน 52,782 ไร่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 ม. ระดับน้ำลดลง
โครงการฯ โพธิ์พระยาเร่งระบายน้ำออกตามคันกั้นน้ำฝั่งขวาแม่น้ำสุพรรณ ด้วยเครื่องสูบน้ำขนาด 12-24 นิ้ว จำนวน 16 เครื่อง และขอเครื่องผลักดันน้ำ เร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีนอีก 7 เครื่อง และส่งช่วยเหลือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อีก 10 เครื่อง
2. การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ
จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 (งบ 50 ล้านบาท) แล้ว
3. การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มปี 2550 ของกระทรวงมหาดไทย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มปี 2550 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม 2550 โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบัญญัติ จันทน์เสนะ) เป็นประธาน ผู้เข้าประชุมประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน มูลนิธิและองค์กรการกุศล โดยมีอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายอนุชา โมกขะเวส) เป็นกรรมการและเลขานุการฯ เพื่อติดตามสถานการณ์และบูรณาการการปฏิบัติงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีข้อสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและถือปฏิบัติสรุปได้ ดังนี้
1) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ทั้งในระดับส่วนกลางและระดับจังหวัดที่ตั้งขึ้น ในการประสานการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหารวมทั้งการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยในส่วนกลางให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯของกระทรวงมหาดไทยเป็นแกนกลางในการประสานการปฏิบัติ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยฯกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง สำหรับในระดับจังหวัดให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯจังหวัดเป็นแกนกลางในการประสานงานและบูรณาการการปฏิบัติของหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้เมื่อหน่วยงานใดเข้าไปปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ ให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอทุกครั้งด้วย เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นเอกภาพ และร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
2) ให้มีการบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของแต่ละหน่วยงาน เพื่อเป็นข้อมูลกลางในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯที่จัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการ
3) ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ในการแจ้งเตือนภัย เช่น เครื่องวัดปริมาณน้ำฝน ไซเรนเตือนภัยแบบมือหมุน รวมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ในการบรรเทาสาธารณภัย เช่น เครื่องสูบน้ำ เรือยางกู้ภัย เรือท้องแบน ฯลฯ ให้แก่จังหวัดที่ประสบภัยรุนแรง เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาวะฉุกเฉิน
4) ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขระเบียบและหลักเกณฑ์ วิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้มีความเหมาะสม อัตราการให้ความช่วยเหลือสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นไปอย่างมีเอกภาพ
5) ให้กรมประชาสัมพันธ์และสื่อของรัฐ ทำการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น เช่น กรณีน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มที่บ้านน้ำก้อ น้ำชุน อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น โดยจะต้องเตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์และอพยพไปอยู่ยังที่ปลอดภัยทันทีเมื่อมีแนวโน้มว่าอาจจะมีสถานการณ์เกิดขึ้น
6) ในพื้นที่เสี่ยงภัยและทุรกันดารที่มีสภาพเป็นป่าเขายากต่อการเดินทางเข้าไปช่วยเหลือ เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้จังหวัด/อำเภอ จัดหาข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม สำรองไว้ที่หมู่บ้านเสี่ยงภัยดังกล่าวเป็นการล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ช่วง 7 วันแรกเมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น
7) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย งบกลาง ประเภทสำรองจ่ายให้เพียงพอต่อการเผชิญเหตุสาธารณภัยให้แก่จังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 พฤษภาคม 2550--จบ--
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 1 - 28 พฤษภาคม 2550)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 12 จังหวัด 38 อำเภอ 7 กิ่งฯ 172 ตำบล 876 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดลำปาง พิจิตร อุตรดิตถ์ แพร่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี สุพรรณบุรี นครปฐม และชลบุรี
1.2 ความเสียหาย
1) ราษฎรเดือดร้อน 70,025 คน 19,076 ครัวเรือน
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนทั้งหลัง 2 หลัง บางส่วน 57 หลัง ถนน 153 สาย สะพาน 50 แห่ง ทำนบ 6 แห่ง ฝาย 68 แห่ง เหมือง 2 แห่ง วัด 2 แห่ง โรงเรียน 8 แห่ง สถานที่ราชการ 19 แห่ง บ่อน้ำ 6 แห่ง ท่อระบายน้ำ 53 แห่ง บ่อปลา/กุ้ง 113 บ่อ พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 73,682 ไร่ สัตว์ปีก 1,548 ตัว
1.3 มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 60,483,220 บาท
1.4 สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2550)
1.4.1 สถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก ชลบุรี อุทัยธานี นครปฐม และแม่ฮ่องสอน
1.4.2 ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร และสุพรรณบุรี
1) จังหวัดพิจิตร ยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มพื้นที่การเกษตร 9 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพิจิตร สามง่าม โพธิ์ประทับช้าง โพทะเล วชิรบารมี ตะพานหิน ทับคล้อ กิ่งอำเภอสากเหล็ก กิ่งอำเภอดงเจริญ และกิ่งอำเภอบึงนาราง จำนวน 20,900 ไร่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม. ระดับน้ำลดลง
โครงการชลประทานพิจิตรได้ลดระดับฝายยางให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมลดลง เพื่อรองรับการระบายน้ำจากพื้นที่น้ำท่วมขังและได้ส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมจำนวน 21 เครื่องในเขต ตำบลรังนก และตำบลกำแพงดิน อำเภอสามง่าม
2) จังหวัดสุพรรณบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรในทุ่งบางปลาม้าและทุ่งสองพี่น้อง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง จำนวน 52,782 ไร่ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 ม. ระดับน้ำลดลง
โครงการฯ โพธิ์พระยาเร่งระบายน้ำออกตามคันกั้นน้ำฝั่งขวาแม่น้ำสุพรรณ ด้วยเครื่องสูบน้ำขนาด 12-24 นิ้ว จำนวน 16 เครื่อง และขอเครื่องผลักดันน้ำ เร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีนอีก 7 เครื่อง และส่งช่วยเหลือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อีก 10 เครื่อง
2. การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ
จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 (งบ 50 ล้านบาท) แล้ว
3. การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มปี 2550 ของกระทรวงมหาดไทย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มปี 2550 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม 2550 โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบัญญัติ จันทน์เสนะ) เป็นประธาน ผู้เข้าประชุมประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน มูลนิธิและองค์กรการกุศล โดยมีอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายอนุชา โมกขะเวส) เป็นกรรมการและเลขานุการฯ เพื่อติดตามสถานการณ์และบูรณาการการปฏิบัติงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีข้อสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและถือปฏิบัติสรุปได้ ดังนี้
1) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ทั้งในระดับส่วนกลางและระดับจังหวัดที่ตั้งขึ้น ในการประสานการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหารวมทั้งการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยในส่วนกลางให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯของกระทรวงมหาดไทยเป็นแกนกลางในการประสานการปฏิบัติ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยฯกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง สำหรับในระดับจังหวัดให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯจังหวัดเป็นแกนกลางในการประสานงานและบูรณาการการปฏิบัติของหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้เมื่อหน่วยงานใดเข้าไปปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ ให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอทุกครั้งด้วย เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นเอกภาพ และร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
2) ให้มีการบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของแต่ละหน่วยงาน เพื่อเป็นข้อมูลกลางในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯที่จัดตั้งขึ้นเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการ
3) ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ในการแจ้งเตือนภัย เช่น เครื่องวัดปริมาณน้ำฝน ไซเรนเตือนภัยแบบมือหมุน รวมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ในการบรรเทาสาธารณภัย เช่น เครื่องสูบน้ำ เรือยางกู้ภัย เรือท้องแบน ฯลฯ ให้แก่จังหวัดที่ประสบภัยรุนแรง เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาวะฉุกเฉิน
4) ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการปรับปรุงแก้ไขระเบียบและหลักเกณฑ์ วิธีดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้มีความเหมาะสม อัตราการให้ความช่วยเหลือสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นไปอย่างมีเอกภาพ
5) ให้กรมประชาสัมพันธ์และสื่อของรัฐ ทำการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น เช่น กรณีน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มที่บ้านน้ำก้อ น้ำชุน อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น โดยจะต้องเตรียมความพร้อมในการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์และอพยพไปอยู่ยังที่ปลอดภัยทันทีเมื่อมีแนวโน้มว่าอาจจะมีสถานการณ์เกิดขึ้น
6) ในพื้นที่เสี่ยงภัยและทุรกันดารที่มีสภาพเป็นป่าเขายากต่อการเดินทางเข้าไปช่วยเหลือ เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้จังหวัด/อำเภอ จัดหาข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม สำรองไว้ที่หมู่บ้านเสี่ยงภัยดังกล่าวเป็นการล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ช่วง 7 วันแรกเมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น
7) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย งบกลาง ประเภทสำรองจ่ายให้เพียงพอต่อการเผชิญเหตุสาธารณภัยให้แก่จังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 พฤษภาคม 2550--จบ--