สรุปสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2553)

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 29, 2010 15:53 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2553) ของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น และการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้

1. สรุปสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และการให้ความช่วยเหลือ

1.1 พื้นที่ประสบภัย 27 จังหวัด (ข้อมูล ณ วันที่ 20-23 กรกฎาคม 2553)ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน ลำปาง ลำพูน พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี และจังหวัดลพบุรี รวม 161 อำเภอ 1,172 ตำบล 11,185 หมู่บ้าน แยกเป็น

ข้อมูลหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ปี 2553 (ข้อมูล ณ วันที่ 20-23 กรกฎาคม 2553)

ที่                        พื้นที่ประสบภัย                                                           ราษฎรประสบภัย
       ภาค        จังหวัด    อำเภอ     ตำบล       หมู่บ้าน    รายชื่อจังหวัด                           คน    ครัวเรือน
1      เหนือ          12       64      413       3,408    กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่       760,297    237,278
                                                         ตาก น่าน ลำปาง ลำพูน พิจิตร
                                                         พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี
2      ตะวันออก       11       87      687       7,165    กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา       2,496,582    626,767
       เฉียงเหนือ                                          มหาสารคาม บุรีรัมย์ มุกดาหาร
                                                         ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ
                                                         หนองบัวลำภู อุบลราชธานี
3      กลาง           4       10       72         612    ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี         203,176     59,826
                                                         ลพบุรี
รวมทั้งประเทศ          27      161    1,172      11,185                                  3,460,055    923,871

ตารางเปรียบเทียบข้อมูลหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา

                       จำนวน
                       หมู่บ้าน  29 มิ.ย.-5 ก.ค. 2553   6-12 ก.ค. 2553    13-19 ก.ค. 2553    20-23 ก.ค. 2553
ที่   ภาค                ทั้งหมด     หมู่บ้าน    + เพิ่ม     หมู่บ้าน     + เพิ่ม   หมู่บ้าน     + เพิ่ม    หมู่บ้าน     + เพิ่ม
                                           - ลด                - ลด              - ลด               - ลด
1   เหนือ              16,590     3,780     -403     3,595      -185   3,475      -120    3,408       -67
2   ตะวันออก           33,099     8,120        0     7,844      -276   7,782       -62    7,165      -617
    เฉียงเหนือ
3   กลาง              11,736       909        0       909         0     797      -112      612      -185
    รวม               74,944    12,809     -403    12,348      -461  12,054      -294   11,185      -869

เปรียบเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 13-19 กรกฎาคม 2553 ซึ่งมีพื้นที่ ประสบภัยแล้ง รวม 27 จังหวัด 175 อำเภอ 1,264 ตำบล 12,054 หมู่บ้าน แต่เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนตกทั่วไปเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วงในพื้นที่ต่างๆ ลดลง จำนวน 869 หมู่บ้าน

หมายเหตุ สถานการณ์ภัยแล้งปี 2553 ช่วงระยะเวลาที่มีสถานการณ์ภัยแล้งสูงสุดอยู่ในห้วงระหว่างวันที่ 12-19 เมษายน 2553 มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 60 จังหวัด 463 อำเภอ 3,005 ตำบล 24,248 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 7,421,017 คน 1,982,861 ครัวเรือน

1.2 ความเสียหาย

พื้นที่การเกษตรเสียหาย รวม 1,183,834 ไร่ แยกเป็น พืชไร่ 916,784 ไร่ นาข้าว 89,313 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 177,737 ไร่ ในพื้นที่ 45 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา มุกดาหาร ยโสธร ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด เลยสกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราชธานี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กระบี่ นครศรีธรรมราช ระนอง พัทลุง สตูล สุราษฎร์ธานี และจังหวัดตรัง

1.3 การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด

1) ใช้รถบรรทุกน้ำ 500 คัน แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคแล้ว จำนวน 208,855,150 ลิตร

2) ซ่อมสร้างทำนบ/ฝายชั่วคราวปิดกั้นลำน้ำ 715 แห่ง

3) ขุดลอกแหล่งน้ำ 686 แห่ง

4) งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว 618,810,743 บาท แยกเป็น

  • งบทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 381,522,439 บาท
  • งบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 230,752,859 บาท (ข้อมูลกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
  • งบอื่น ๆ 6,535,445 บาท

1.4 การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานอื่นๆ

1) กรมชลประทาน ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ 143 เครื่อง ไปให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ 29 จังหวัด โดยแยกเป็นรายภาค ดังนี้ ภาคเหนือ 6 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 เครื่อง ภาคกลาง 58 เครื่อง ภาคตะวันออก 14 เครื่อง และภาคใต้ 57 เครื่อง และรถบรรทุกน้ำ 33 คัน 3,628 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 21,768,000 ลิตร

2) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 4,076 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 26,067,000 ลิตร

3) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 4,500 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 30,777,000 ลิตร

4) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 996 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 6,114,096 ลิตร

5) การประปาส่วนภูมิภาค ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย โดยไม่คิดมูลค่าเป็นจำนวน 534,866,000 ลิตร และคิดเป็นยอดเงินรวม จำนวน 8,557,869 บาท

6) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้จัดรถบรรทุกน้ำ 30 คัน เพื่อแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 50,000,000 ลิตร

7) กรมทรัพยากรน้ำ ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 1,346,000 ลิตร

8) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล แจกน้ำจากจุดจ่ายน้ำถาวร 100 แห่ง ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 90,400,000 ลิตร

9) กรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 236,000 ลิตร

10)สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ขึ้นบินปฏิบัติการ รวม 125 วัน จำนวน 3,629 เที่ยว มีรายงานฝนตกในการปฏิบัติการ รวม 114 วัน จำนวน 664 สถานี มีรายงานฝนตก 63 จังหวัด

11)สิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง

สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ได้นำหน่วยน้ำดื่มไปบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม และอำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี รวมจ่ายน้ำให้กับประชาชนทั้งสิ้น จำนวน 2,910,500 ลิตร

2. การคาดหมายลักษณะอากาศระหว่างวันที่ 23-28 กรกฎาคม 2553

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศว่า ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2553เมื่อเวลา 04.00 น. พายุโซนร้อน “ จันทู” (CHANTHU) มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองกินเจา (Qinzhou) มลฑลกวางสี (Guangxi) ประเทศจีน หรือที่ละติจูด 22.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า พายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันในระยะต่อไป สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยมีฝนตกหนักได้ในบางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้ ในช่วงวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2553 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงค่อนข้างแรง ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศ ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัด เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม อันเกิดจากสภาวะฝนตกหนักและคลื่นลมแรง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม สร้างความเสียหายให้แก่ชีวิต ทรัพย์สิน และผลิตผลทางการเกษตรของประชาชนแล้ว และให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัด จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันต่อเหตุการณ์เมื่อเกิดสาธารณภัยขึ้น

อนึ่ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับรายงานข้อมูลเหตุแผ่นดินไหว (ระหว่างวันที่ 21-22 กรกฎาคม พ.ศ.2553) จาก SMS ของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าได้เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งไม่กระทบไทย เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2553 เวลา 02.18 น. แผ่นดินไหวบนบกบริเวณ New Britain Region, P.N.G. ขนาด 6.6 R เมื่อเวลา 16.16 น. แผ่นดินไหวบริเวณทะเลโมลุกกะ ประเทศ อินโดนีเซีย ขนาด 6.3 R และเมื่อเวลา 19.27 น. แผ่นดินไหวบนบกบริเวณประเทศพม่าใกล้ชายแดนไทย ห่างจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 6 กม. เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2553 เวลา 19.27 น. แผ่นดินไหวบนบกบริเวณประเทศพม่าใกล้ชายแดนไทย ห่างจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 6 กม. และวันที่ 23 กรกฎาคม 2553 เวลา 05.26 น. เกิดแผ่นดินไหวบริเวณฮาลมาเฮร่าประเทศอินโดนีเซีย (01.63 N, 127.38 E) ขนาด 5.2 ริกเตอร์

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 กรกฎาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ