คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
ข้อเท็จจริง
กระทรวงการคลังเสนอว่า
1. เดิมจากปัญหาเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะซบเซา มีผลให้กำลังซื้อของประชาชนโดยรวมไม่สามารถขยายตัวได้เท่าที่ควร และเนื่องจากการขยายตัวด้านการใช้จ่ายของภาคเอกชนมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก กระทรวงการคลังจึงได้มีการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 (รวมภาษีท้องถิ่น) ให้คงเหลือจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2542 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551 และต่อมาได้มีการขยายเวลาการลดอัตราภาษีไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553 ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 479) พ.ศ. 2551
2. ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังอยู่ในระยะของการฟื้นตัวจึงยังมีความจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนให้มีการขยายตัวในด้านการบริโภค การใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนต่อไปอีก ทั้งนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจโดยรวมมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมั่นคง จึงเห็นสมควรขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้การจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี จนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555
สาระสำคัญของร่างกฎหมาย
1. ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 6.3 เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555
2. ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 สิงหาคม 2553--จบ--