ดัชนีราคาส่งออก — นำเข้าของประเทศ และดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกเดือนพฤษภาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 4, 2010 15:57 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลดัชนีราคาส่งออก — นำเข้าของประเทศ และดัชนีภาวะธุรกิจส่งออกเดือนพฤษภาคม 2553 ของกระทรวงพาณิชย์ ดังนี้

กระทรวงพาณิชย์มีการปรับปรุงการจัดทำดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศ โดยปรับเปลี่ยนน้ำหนักจากปี 2551 เป็นปี 2552 ใช้มูลค่าการส่งออก — นำเข้า จากกรมศุลกากรเป็นตัวถ่วงน้ำหนัก และได้มีการปรับปรุงรายการสินค้าที่ใช้คำนวณในปี 2553 คือ ดัชนีราคาส่งออก จำนวน 1,138 รายการ และดัชนีราคานำเข้า จำนวน 909 รายการ เพื่อให้สะท้อนภาวะการค้าของประเทศที่เป็นปัจจุบัน แต่ยังคงปีฐาน 2550 = 100

กระทรวงพาณิชย์ ขอรายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาส่งออก - นำเข้าของประเทศในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ดัชนีราคาส่งออก เดือนพฤษภาคม 2553 เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง คือ สูงขึ้นร้อยละ 0.1 ทั้งนี้เป็นการสูงขึ้นของหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม สำหรับดัชนีราคานำเข้าลดลงร้อยละ 0.1 จากการ ลดลงของหมวดสินค้าเชื้อเพลิงและหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค

1. ดัชนีราคาส่งออก

1.1 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศ เดือนพฤษภาคม 2553 ในปี 2550 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศ เท่ากับ 100 เดือนพฤษภาคม 2553 เท่ากับ 120.0 และเดือนเมษายน 2553 เท่ากับ 119.9

1.2 การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาส่งออกของประเทศ เดือนพฤษภาคม 2553 เมื่อเทียบกับ

เดือนเมษายน 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.1

เดือนพฤษภาคม 2552 สูงขึ้นร้อยละ 9.9

เฉลี่ย มกราคม — พฤษภาคม 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 สูงขึ้นร้อยละ 11.6

1.3 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนพฤษภาคม 2553 เทียบกับเดือนเมษายน 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.1 (เดือนเมษายน 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.3) เป็นผลจากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรสูงขึ้นร้อยละ 1.3 และหมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 0.2 สำหรับหมวดสินค้าเกษตรกรรม ลดลงร้อยละ 1.6 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลดลงร้อยละ 0.2

สินค้าส่งออกที่ราคาสูงขึ้น

หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 1.3 (เดือนเมษายน 2553 ลดลงร้อยละ 0.8) จากการสูงขึ้นของอาคารทะเลกระป๋องและแปรรูป ได้แก่ ปลาทูน่ากระป๋อง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และผักกระป๋องและแปรรูป

หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 0.2 (เดือนเมษายน 2553 ไม่เปลี่ยนแปลง) สินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ สิ่งทอ (เครื่องนุ่งห่ม ผ้าผืน ด้าย เส้นใยประดิษฐ์) อัญมณีและเครื่องประดับ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง และยานพาหนะ

สินค้าส่งออกที่ราคาลดลง

หมวดสินค้าเกษตรกรรม ดัชนีราคาส่งออกลดลงร้อยละ 1.6 (เดือนเมษายน 2553 สูงขึ้นร้อยละ 2.2) สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ ข้าว เป็นผลจากคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัว ประกอบกับราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ทำให้ความต้องการของตลาดต่างประเทศลดลง ยางพาราปรับตัวลดลงจากการเทขายทำกำไรของนักลงทุนในตลาดล่วงหน้าโตเกียว และการชะลอซื้อจากจีน

หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ดัชนีราคาส่งออกลดลงร้อยละ 0.2 (เดือนเมษายน 2553 สูงขึ้นร้อยละ 3.9) สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ

1.4 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนพฤษภาคม 2553 เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2552 ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 9.9 จากการสูงขึ้นของทุกหมวด ได้แก่ หมวดสินค้าเกษตรกรรมสูงขึ้นร้อยละ 37.3 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 6.1 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมสูงขึ้นร้อยละ 3.5 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 35.3

1.5 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเฉลี่ยมกราคม — พฤษภาคม 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 11.6 จากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเกษตรกรรมสูงขึ้นร้อยละ 40.6 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 6.8 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมสูงขึ้นร้อยละ 4.0 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 50.9

2. ดัชนีราคานำเข้า

2.1 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศ เดือนพฤษภาคม 2553

ในปี 2550 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศ เท่ากับ 100 เดือนพฤษภาคม 2553 เท่ากับ 117.7 และเดือนเมษายน 2553 เท่ากับ 117.8

2.2 การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคานำเข้าของประเทศ เดือนพฤษภาคม 2553 เมื่อเทียบกับ

                 เดือนเมษายน 2553           ลดลงร้อยละ 0.1
                 เดือนพฤษภาคม 2552           สูงขึ้นร้อยละ 9.4

เฉลี่ย มกราคม — พฤษภาคม 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 สูงขึ้นร้อยละ 10.8

2.3 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนพฤษภาคม 2553 เทียบกับเดือนเมษายน 2553 ลดลงร้อยละ 0.1 (เดือนเมษายน 2553 สูงขึ้นร้อยละ 1.4) เป็นผลจากการลดลงของหมวดสินค้าเชื้อเพลิง ลดลงร้อยละ 2.2 หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ลดลงร้อยละ 0.1 สำหรับหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 0.7 หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้นร้อยละ 0.3 และหมวดสินค้าทุน สูงขึ้นร้อยละ 0.1

สินค้านำเข้าที่ราคาลดลง

หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ดัชนีราคานำเข้าลดลงร้อยละ 2.2 (เดือนเมษายน 2553 สูงขึ้นร้อยละ 5.8) ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป และก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม ราคาอ่อนตัวลงตามภาวะตลาดโลก

หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ดัชนีราคานำเข้าลดลงร้อยละ 0.1 (เดือนเมษายน 2553 ไม่เปลี่ยนแปลง) สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำร้อน) ยารักษาโรค วิตามิน และฮอร์โมน

สินค้านำเข้าที่ราคาสูงขึ้น

หมวดสินค้าทุน ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.1 (เดือนเมษายน 2553 ลดลงร้อยละ 0.3) สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ

หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.7 (เดือนเมษายน 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.9) สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ สัตว์น้ำสดแช่เย็นแช่แข็ง (ปลาหมึก กุ้ง ปลาทูน่า ปลาแซลมอล) แป้งสาลี เคมีภัณฑ์ ปุ๋ย เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เพชร พลอย โดยเฉพาะทองคำ เนื่องจากนักลงทุนหันมาถือครองทองคำแทนเงินตราเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป

หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.3 (เดือนเมษายน 2553 ลดลงร้อยละ 0.8) สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ รถยนต์โดยสารและบรรทุก ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์

2.4 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนพฤษภาคม 2553 เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2552 ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 9.4 ปัจจัยสำคัญจากการสูงขึ้นในหมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นมากถึงร้อยละ 26.8 หมวดสินค้าทุนสูงขึ้นร้อยละ 3.3 หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 5.4 หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 1.6 หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้นร้อยละ 5.1

2.5 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเฉลี่ยมกราคม — พฤษภาคม 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 10.8 จากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 37.9 หมวดสินค้าทุนสูงขึ้นร้อยละ 3.3 หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 3.7 หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 1.5 และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้นร้อยละ 5.5

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 สิงหาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ