สรุปสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2553)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 4, 2010 16:30 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยแล้ง และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2553) ของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น และการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้

1. สรุปสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และการให้ความช่วยเหลือ

1.1 พื้นที่ประสบภัย 27 จังหวัด (ข้อมูล ณ วันที่ 24 กรกฎาคม—2 สิงหาคม 2553)ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน ลำปาง ลำพูน พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี และจังหวัดลพบุรี รวม 154 อำเภอ 1,124 ตำบล 10,859 หมู่บ้าน แยกเป็น

ข้อมูลหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ปี 2553 (ข้อมูล ณ วันที่ 24 กรกฎาคม—2 สิงหาคม 2553)

ที่                        พื้นที่ประสบภัย                                                           ราษฎรประสบภัย
       ภาค        จังหวัด    อำเภอ     ตำบล       หมู่บ้าน    รายชื่อจังหวัด                           คน    ครัวเรือน
1      เหนือ          12       61      389       3,175    กำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่       760,049    234,336
                                                         ตาก น่าน ลำปาง ลำพูน พิจิตร
                                                         พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี
2      ตะวันออก       11       85      672       7,159    กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครราชสีมา       2,465,285    612,602
       เฉียงเหนือ                                          มหาสารคาม บุรีรัมย์ มุกดาหาร
                                                         ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ
                                                         หนองบัวลำภู อุบลราชธานี
3      กลาง          4         8       63         525    ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี ลพบุรี    189,938     57,886
รวมทั้งประเทศ         27       154    1,124      10,859                                  3,415,272    904,824

ตารางเปรียบเทียบข้อมูลหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้งในรอบ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา

                    จำนวน
                    หมู่บ้าน     6-12 ก.ค. 2553     13-19 ก.ค. 2553   20-23 ก.ค. 2553    24 ก.ค.-1 ส.ค. 2553
ที่   ภาค             ทั้งหมด     หมู่บ้าน    + เพิ่ม     หมู่บ้าน     + เพิ่ม   หมู่บ้าน     + เพิ่ม      หมู่บ้าน     + เพิ่ม
                                        - ลด                - ลด              - ลด                 - ลด
1   เหนือ           16,590     3,595     -185     3,475      -120   3,408       -67      3,175      -233
2   ตะวันออก        33,099     7,844     -276     7,782       -62   7,165      -617      7,159        -6
    เฉียงเหนือ
3   กลาง           11,736       909        0       797      -112     612      -185        525       -87
    รวม            61,425    12,348     -461    12,054      -294  11,185      -869     10,859      -326

เปรียบเทียบกับสถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 20-23 กรกฎาคม 2553 ซึ่งมีพื้นที่ ประสบภัยแล้ง รวม 27 จังหวัด 161 อำเภอ 1,172 ตำบล 11,185 หมู่บ้าน แต่เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนตกทั่วไปเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วงในพื้นที่ต่างๆ ลดลง จำนวน 326 หมู่บ้าน

หมายเหตุ สถานการณ์ภัยแล้งปี 2553 ช่วงระยะเวลาที่มีสถานการณ์ภัยแล้งสูงสุดอยู่ในห้วงระหว่างวันที่ 12-19 เมษายน 2553 มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 60 จังหวัด 463 อำเภอ 3,005 ตำบล 24,248 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 7,421,017 คน 1,982,861 ครัวเรือน

1.2 ความเสียหาย

พื้นที่การเกษตรเสียหาย รวม 1,528,614 ไร่ แยกเป็น พืชไร่ 1,269,002 ไร่ นาข้าว 96,498 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 163,114 ไร่ ในพื้นที่ 45 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน พะเยา แพร่ ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา มุกดาหาร ยโสธร ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด เลยสกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราชธานี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กระบี่ นครศรีธรรมราช ระนอง พัทลุง สตูล สุราษฎร์ธานี และจังหวัดตรัง

1.3 การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด

1) ใช้รถบรรทุกน้ำ 473 คัน แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคแล้ว จำนวน 181,969,040 ลิตร

2) ซ่อมสร้างทำนบ/ฝายชั่วคราวปิดกั้นลำน้ำ 667 แห่ง

3) ขุดลอกแหล่งน้ำ 668 แห่ง

4) งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว 593,027,808 บาท แยกเป็น

  • งบทดรองราชการของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) 356,628,434 บาท
  • งบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 230,752,859 บาท (ข้อมูลกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
  • งบอื่น ๆ 5,646,515 บาท

1.4 การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานอื่นๆ

1) กรมชลประทาน ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ 261 เครื่อง ไปให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ 37 จังหวัด โดยแยกเป็นรายภาค ดังนี้ ภาคเหนือ 30 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 107 เครื่อง ภาคกลาง 38 เครื่อง ภาคตะวันออก 28 เครื่อง และภาคใต้ 58 เครื่อง และรถบรรทุกน้ำ 33 คัน 3,628 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 21,768,000 ลิตร

2) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 4,076 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 26,067,000 ลิตร

3) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 4,500 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 30,777,000 ลิตร

4) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย จำนวน 996 เที่ยว รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 6,114,096 ลิตร

5) การประปาส่วนภูมิภาค ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย โดยไม่คิดมูลค่าเป็นจำนวน 549,230,000 ลิตร และคิดเป็นยอดเงินรวม จำนวน 8,787,682 บาท

6) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้จัดรถบรรทุกน้ำ 30 คัน เพื่อแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 50,000,000 ลิตร

7) กรมทรัพยากรน้ำ ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 1,346,000 ลิตร

8) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล แจกน้ำจากจุดจ่ายน้ำถาวร 100 แห่ง ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 90,400,000 ลิตร

9) กรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้แจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย รวมปริมาณน้ำจำนวนทั้งสิ้น 236,000 ลิตร

10) สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ขึ้นบินปฏิบัติการ รวม 125 วัน จำนวน 3,629 เที่ยว มีรายงานฝนตกในการปฏิบัติการ รวม 114 วัน จำนวน 664 สถานี มีรายงานฝนตก 63 จังหวัด

11) สิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง

สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ได้นำหน่วยน้ำดื่มไปบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม และอำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี รวมจ่ายน้ำให้กับประชาชนทั้งสิ้น จำนวน 2,910,500 ลิตร

2. สถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม—2 สิงหาคม 2553)

2.1 พื้นที่ประสบภัย 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตราด และจังหวัดระยอง รวม 2 อำเภอ 4 ตำบล ดังนี้

1) จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2553 ได้เกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอเกาะกูด 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลเกาะกูด (หมู่ที่ 2,3,5,6) และตำบลเกาะหมาก (หมู่ที่ 2) เกิดคลื่นลมแรงพัดเรือประมงจม 1 ลำ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 50 ครัวเรือน สะพานได้รับความเสียหาย 4 แห่ง ในเบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

2) จังหวัดระยอง ในระหว่างวันที่ 1-2 สิงหาคม 2553 ได้เกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่อำเภอเมือง 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลตะพง (หมู่ที่ 1-16) และตำบลเพ (หมู่ที่ 3,5,6) พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 2,000 ไร่ ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

2.2 การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว

3. การคาดหมายลักษณะอากาศระหว่างวันที่ 2 — 7 สิงหาคม 2553

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศว่า ในช่วงวันที่ 2-7 สิงหาคม 2553 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้ ทั่วประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือไว้ด้วย

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศ ให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัดในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม อันเกิดจากสภาวะฝนตกหนักและคลื่นลมแรง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม สร้างความเสียหายให้แก่ชีวิต ทรัพย์สิน และผลิตผลทางการเกษตรของประชาชนแล้ว และให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัด จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันต่อเหตุการณ์เมื่อเกิดสาธารณภัยขึ้น

อนึ่ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับรายงานข้อมูลเหตุแผ่นดินไหว (ระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม-2 สิงหาคม 2553) จากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าได้เกิดแผ่นดินไหว ที่มีความรุนแรงมากกว่า 5 R ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2553 เวลา 05.08 น. แผ่นดินไหวในทะเล มินดาเนา ฟิลิปปินส์ ขนาด 7.1 R เมื่อเวลา 05.51 น. แผ่นดินไหวในทะเล มินดาเนา ฟิลิปปินส์ ขนาด 7.7 R และเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2553 เวลา 14.31 น. แผ่นดินไหวในทะเลมินดาเนา ฟิลิปปินส์ ขนาด 6.2 R

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 สิงหาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ