การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-มิถุนายน)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 4, 2010 16:44 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-มิถุนายน) ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้

1. การส่งออก

1.1 การส่งออกเดือนมิถุนายน 2553

1.1.1 การส่งออก มีมูลค่า 18,038.5 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นในอัตราสูงถึงร้อยละ 46.3 การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2552 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 579,395.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.4

1.1.2 สินค้าส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.6 และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.3

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 33.3 เป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะ ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล สินค้าอาหารประเภท อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และ ไก่แช่แข็งและแปรรูป ยกเว้น ข้าว ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 20.6 และ 21.0 ตามลำดับ เนื่องจากปัญหาการแข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดียและการแข็งค่าของเงินบาท และผัก ผลไม้ ลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 19.5 และ 3.3 ตามลำดับ เนื่องจาก ผลผลิตในประเทศลดลง

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้น สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ เลนส์ เครื่องใช้เครื่องประดับตกแต่ง อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์เภสัช/เครื่องมือแพทย์ นาฬิกาและส่วนประกอบ และ ของเล่น รวมทั้งอัญมณี ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 191.1 โดยเป็นการส่งออกทองคำเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 534.6 ขณะที่อัญมณีที่หักทองคำออกแล้วก็ส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 38.1

1.1.3 ตลาดส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูง ทั้งในตลาดหลักและตลาดใหม่

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่แปด และขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 44.7 เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะอาเซียน(5) ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 51.2 ขณะที่ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป(15) และ สหรัฐฯ ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงเช่นเดียวกัน

(2) ตลาดใหม่ ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สิบ และขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 47.8 เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ตลาดที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ จีน อินโดจีนและพม่า ทวีปออสเตรเลีย ฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย เกาหลีใต้ ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และ ยุโรปตะวันออก

1.2 การส่งออกในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค.-มิ.ย.)

1.2.1 การส่งออก การส่งออกมีมูลค่า 93,066.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.6 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 3,020,593.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.4

1.2.2 สินค้าส่งออก เพิ่มขึ้นในอัตราสูงทุกหมวดสินค้า ดังนี้ สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.2 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.0 และสินค้าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.6

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะ ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล และสินค้าอาหาร ประเภท อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ผักและผลไม้ ไก่แช่แข็งและแปรรูป และ อาหารอื่น ๆ ยกเว้น ข้าวที่ส่งออกลดลง ทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 7.2 และ 0.5 ตามลำดับ เนื่องจากปัญหาการแข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดียและการแข็งค่าของเงินบาท

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งพิมพ์ เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ และเลนส์ รวมทั้งอัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24.3 (การส่งออกอัญมณีเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 และการส่งออกทองคำเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2)

1.2.3 ตลาดส่งออก

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงถึงร้อยละ 36.6 และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะอาเซียน(5) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 59.2 รองลงได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป(15) เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.0, 24.6 และ 22.9 ตามลำดับ

(2) ตลาดใหม่ ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ยกเว้นแอฟริกาที่ส่งออกลดลงร้อยละ 3.0 เป็นการลดลงของการส่งออกไปมาดาดัสการ์ที่ลดลงถึงร้อยละ 95.5 สินค้าที่ส่งออก ลดลงได้แก่ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ซึ่งส่งออกลดลงถึงร้อยละ 99.6 เนื่องจากในปี 2552 ผู้ประกอบการไทยไปรับงานก่อสร้างในมาดากัสการ์ทำให้มีการส่งออกโครงก่อสร้างไปมากในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม

2. การนำเข้า

2.1 การนำเข้าเดือนมิถุนายน 2553

2.1.1 การนำเข้า มีมูลค่า 15,716.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.9 คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 510,929.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6

2.1.2 สินค้านำเข้า สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดดังนี้

(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.4 การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 ในเชิงปริมาณมีจำนวน 26.86 ล้านบาร์เรล (895,370 บาร์เรลต่อวัน) ลดลง ร้อยละ 7.0 สาเหตุจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น

(2) สินค้าทุน นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.5 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้ นักลงทุนมั่นใจที่จะขยายการลงทุนในสินค้าคงทน สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 59.6 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.3 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 ขยายตัวตามภาวะการส่งออก

(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.7 การนำเข้าเพิ่มขึ้นตามภาวะ การส่งออกและการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.8 ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเม็ดพลาสติก เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนรถยนต์ และผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ นำเข้าปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 161.0 มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 174.7 เป็นการนำเข้าตามความต้องการบริโภคเนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัว และความต้องการใช้เหล็กในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐที่เริ่มมีการดำเนินการ รวมถึงการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเหล็กแผ่นเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์สำหรับการส่งออกและจำหน่ายภายในประเทศ ทองคำ นำเข้าปริมาณ ลดลงร้อยละ 83.2 มูลค่า ลดลงร้อยละ 78.8 เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น

(4) สินค้าอุปโภคบริโภค นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.5 เป็นการขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้สินค้านำเข้ามีราคาที่ถูกลง สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.0 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.2 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.3

(5) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 122.5 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 121.6 รถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 173.0 รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.5 ส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.4

2.2 การนำเข้าในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค.-มิ.ย.)

2.2.1 การนำเข้า นำเข้ามูลค่า 86,688.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.7

2.2.2 สินค้านำเข้าสำคัญ สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.0 สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.4 สินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.8 สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.9 และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 108.5

3. ดุลการค้า

เดือนมิถุนายน 2553 ไทยเกินดุลการค้า 2,322.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคิดในรูปเงินบาท เกินดุลการค้ามูลค่า 68,466.1 ล้านบาท ส่งผลให้ในระยะ 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ไทยเกินดุลการค้า 6,377.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคิดในรูปเงินบาท ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 173,271.7 ล้านบาท

4. เปรียบเทียบอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยกับประเทศคู่แข่ง ปี 2553

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                          มค. 53    กพ. 53     มีค. 53    เมย. 53     พค.53     มิย.53
             ไทย            30.8      23.1       40.9       35.2      42.1      46.3
             จีน               21      45.7       24.2       30.4      48.4      43.9
             ไต้หวัน          75.8      32.6       50.1       47.8      57.9      34.1
             เกาหลีใต้        45.8      30.3       34.3       29.8      40.3      30.1
             สิงคโปร์           37      19.2       29.3         30        29      28.3
             เวียดนาม        34.8     -25.6        5.3       24.6        43      26.7
             มาเลเซีย          37      18.4       36.4       26.6      21.9        Na
             ฟิลิปปินส์         42.4      42.5       43.7       28.2      37.3        Na

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 สิงหาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ